บทที่ 652 ธุรกิจร้านไวน์

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 652 ธุรกิจร้านไวน์

“เพื่อนของพี่รองผมรู้จักแค่สองคน แต่น่าจะมีแฟนหมดแล้วนะครับ เจอกันคราวก่อนยังทักทายผมอยู่เลย” โจวกุยหลายบอกหลังได้ฟัง จากนั้นเขาพูดขึ้นอีก “พี่อู่นีบอกว่าอยากอยู่ที่อำเภอไม่ใช่เหรอครับ ถ้าอย่างนั้นแฟนที่ป้าสามหาให้หล่อนก็กลายเป็นรักข้ามมณฑลน่ะสิ แบบนี้มีปัญหาง่ายนะครับ”

“ผู้หญิงน่ะถ้าชอบอีกฝ่ายจริง ๆ หล่อนต้องเต็มใจมานี่อยู่แล้ว อีกอย่างถ้าอีกฝ่ายชอบหล่อน ไม่แน่อาจจะเป็นฝ่ายไปหาหล่อนแทนก็ได้” หลินชิงเหอกล่าว

“นั่นก็ไม่แน่นะครับ แต่เรื่องงานนี่สิครับที่เป็นปัญหาใหญ่” โจวกุยหลายเอ่ย

“ลองดูไปก่อน ถ้าเหมาะสมแล้วค่อยว่ากัน” หลินชิงเหอบอก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปพูดเรื่องฝั่งหวังหยวน “ม้าได้ยินพี่เอ้อร์นีของลูกบอกว่าพี่เขยรองอยากร่วมหุ้นเปิดร้านไวน์กับลูกเหรอ”

“อิอิ ผมเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้ตอนไปนั่งเล่นกับพี่เขยรองเอง พี่เอ้อร์นีก็มาบอกม้าแล้วเหรอครับ” โจวกุยหลายเอ่ยยิ้ม ๆ

“ไม่อยากเปิดโรงงานเกี๊ยวแล้วเป็นราชาเกี๊ยวแล้วเหรอ?” หลินชิงเหอเอ่ยขณะมองเขา

แม้การเปิดโรงงานเกี๊ยวต้องใช้ทุนไม่น้อย แต่หลินชิงเหอก็ยินดีสนับสนุนลูกชายไปสร้างเนื้อสร้างตัว

“เรื่องเปิดโรงงานเกี๊ยวไว้อีกหน่อยค่อยว่ากันครับ ตอนนี้ผมอยากลองเปิดร้านไวน์กับพี่เขยรองดูก่อน” โจวกุยหลายบอก

“นำเข้าเหรอ?” หลินชิงเหอมองเขา

“ครับ พี่เขยรองบอกว่าขอแค่ผมติดต่อคนนำเข้าได้ เขาจะออกเงินให้แล้วพวกเราแบ่งกันคนละครึ่ง” โจวกุยหลายพูดพลางพยักหน้า

ธุรกิจร้านไวน์ไม่เลวจริง ๆ จนถึงบัดนี้ธุรกิจในมือหลินชิงเหอที่มีอยู่ก็มีบุหรี่กับชา เหลือเพียงธุรกิจเหล้าที่ยังไม่ทำ ส่วนธุรกิจบุหรี่กับชานั้นทำรายได้เยี่ยมยอด

“ถ้าลูกหาช่องทางที่ถูกต้องได้จริง ๆ ล่ะก็ ม้าก็จะลงทุนกับลูกด้วย เราสองคนก็หารครึ่งกันเป็นอย่างไร?” หลินชิงเหอถามยิ้ม ๆ

โจวกุยหลายคลี่ยิ้ม “ม้าพูดเองนะครับ รายได้ที่ว่านี่จะเข้ากระเป๋าผมเอง ไม่เข้าในบัญชีรวมนะครับ”

“ก็ไม่เข้าในบัญชีรวมน่ะสิ” หลินชิงเหอพยักหน้า

หลังจากนั้นโจวกุยหลายก็สู้ตาย เขาเป็นคนมีความสามารถ เข้าสังคมเก่งตั้งแต่เด็ก เอาความหน้าด้านของตัวเองเข้าสู้ หลังจากที่ออกจากบ้านแต่เช้าและกลับมาดึกดื่นได้หนึ่งอาทิตย์ ลู่ทางการนำเข้าไวน์ที่ถูกต้องก็มาอยู่ในมือเขาจนได้

เขาเรียกหวังหยวนขับรถไปด้วยกัน หวังหยวนเห็นแล้วพอใจมากเหมือนกัน จึงซื้อให้ก่อนเลยสองลัง ลังหนึ่งเอาไปให้บ้านหลินชิงเหอ อีกลังเขาเอากลับไป

ส่วนเงินลงทุนในร้านเขาอนุมัติให้เจ้าสามเลย 20,000 หยวนแล้วให้เจ้าสามไปจัดสรรเอง เรื่องอื่นเขาไม่ยุ่ง อนาคตแค่ไปเอาไวน์และรับส่วนแบ่งก็พอ

ได้ผู้ร่วมหุ้นที่ใจกว้างและไม่วุ่นวายแบบเขา สบายใจอย่าบอกใครเลยล่ะ

เจ้าสามไปรับสมัครตามมหาวิทยาลัยรอบ ๆ ช่วงนี้เริ่มมีการจัดสรรงานให้กับคนที่กำลังจะเรียนจบแล้ว

มีคนที่รอการจัดสรรงานอยู่ก็จริง แต่ก็มีบางคนที่ไม่อยากให้ทางมหาวิทยาลัยจัดสรรงานให้ เพราะงานได้จัดสรรมาให้เป็นงานที่ไม่ถนัด และไม่ตรงสาขาที่เรียนมา บวกกับเงินเดือนไม่น้อยที่เจ้าสามจ่ายให้ด้วย ซึ่งสูงถึงเดือนละ 180 หยวน แถมยังได้ค่าคอมมิชชั่นอีก

แต่เขาก็ไม่ได้รับเด็กมหาวิทยาลัยทั้งหมด เรื่องนี้ต้องดูประวัติอีกฝ่ายด้วย หากไม่ใช่คนที่อยู่ในทำนองคลองธรรมเขาก็ไม่เอาหรอก

และต้องสอบถามข้อมูลทางครอบครัวด้วย

เนื่องจากเขาให้เงินเดือนสูงมาก ในตอนแรกจึงมีแต่คนนึกว่าเขาเป็นพวกต้มตุ๋น แต่เขาก็วางประกาศนียบัตรและบัตรนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งของตนเองไว้บนโต๊ะเพื่อเป็นการยืนยัน ใครอยากดูก็ดูได้!

หลังเห็นหลักฐานแล้ว คนเหล่านั้นจึงบังเกิดความนับถือ จากนั้นจะเป็นการถามเรื่องงาน คราวนี้คนเหล่านั้นก็จะถูกเจ้าสามตั้งคำถามและวัดผล

หลังจากผ่านการคัดสรรชั้นแล้วชั้นเล่า สุดท้ายเจ้าสามได้เลือกเด็กจบใหม่มา 4 คน

เงินเดือนเริ่มต้นที่ 180 หยวน มีค่าคอมมิชชันเพิ่มจากฐานเงินเดือนด้วย เขากล้าให้เยอะขนาดนี้ก็ไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่ตั้งใจขายไวน์ให้เขา

เพราะงานแบบนี้ไม่ขาดแคลนคนอยู่แล้ว คนอื่นนี่สิที่ยากจะหางานที่ดีขนาดนี้ได้

“ถึงแม้คนอื่นจะได้งานจากการมอบหมายของหน่วยงาน แต่ก็แค่น่าฟังและได้หน้า ตอนนี้ร้านของเรามีแค่พวกนาย 4 คน อีกหน่อยต้องขยายใหญ่ขึ้นอีก พวกนายทำความคุ้นเคยกันไปก่อน จะได้อยู่ระดับบริหารไหมก็ต้องดูความสามารถของพวกนายแล้ว” เจ้าสามบอกตอนที่พาพวกเขามาที่ร้าน

เด็กจบใหม่ทั้งสี่อายุมากกว่าเขานิดหน่อย ปีนี้เจ้าสามเพิ่งจะ 20 ปี บางคนเข้าเรียนช้าจึงจบช้า

แต่ด้านบารมีถือว่าเจ้าสามกล้าแข็งกว่าพวกเขาเยอะ เขาขึ้นเหนือลงใต้มามาก ทำให้ลื่นไหลในการเข้าสังคมสุด ๆ

เด็กจบใหม่ทั้งสี่เป็นคนต่างถิ่นทั้งหมด ไม่มีใครเป็นคนปักกิ่งเลย ซึ่งคนปักกิ่งบางคนที่มีเส้นสายก็จะดูถูกงานของเขา ส่วนคนที่บ้านฐานะดีอยู่แล้วก็จะเกิดความขี้เกียจได้ง่าย ๆ เขาเองก็ไม่ได้อยากรับคนท้องถิ่นเหมือนกัน คนต่างถิ่นนี่แหละดีกว่า

คนต่างถิ่นมาเรียนหนังสือที่นี่ ได้เห็นความเจริญของที่นี่ หากมีโอกาสต้องไม่อยากไปจากที่นี่ และอยากอยู่ต่ออยู่แล้ว

ฝ่ายเจ้าสามก็หาหอพักให้เรียบร้อย ได้เป็นหอรวมอยู่ด้วยกัน 4 คนคล้าย ๆ กับสมัยพวกเขาอยู่ที่มหาวิทยาลัย สภาพแวดล้อมที่อยู่รวมกัน 4 คนถือว่าไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ จัดว่าอยู่ระดับปานกลาง

“เงินเดือนเดือนละ 180 บวกกับค่าคอมมิชชั่นนี่รวมค่าอยู่แต่ไม่รวมค่ากิน เรื่องกินพวกนายไปจัดการเอาข้างนอก แต่สวัสดิการในร้านฉันสูงแน่นอน เพราะฉะนั้นพวกนายต้องทำงานให้ฉันพอใจ ถ้าเกียจคร้านคิดจะเอาเงินเดือนอย่างเดียว ก็ไม่มีอะไรต้องคุยแล้วล่ะ” โจวกุยหลายบอกพวกเขา

“เรื่องนี้พวกเรารู้แล้ว ไม่เอาเงินเดือนนายเปล่า ๆ ปลี้ ๆ หรอก” พวกเขาทั้งสี่กล่าว

“พวกนายรู้แล้วก็ดี วันนี้สายมากแล้ว พวกนายเก็บกวาดห้องแล้วไปทำความคุ้นเคยรอบ ๆ กันเอง ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปจะเริ่มทำงานอย่างเป็นทางการ ฉันจะรอพวกนายที่นั่น ไปช่วยกันตกแต่งร้านด้วย” โจวกุยหลายกล่าว

หลินชิงเหอรู้เรื่องที่เจ้าสามหาลูกจ้างเองจนได้เด็กจบใหม่และยังให้เงินเดือนสูงสวัสดิการดีแล้ว เธอจึงไม่ได้ไปยุ่งกับเขา นี่เป็นธุรกิจของเขาเอง ให้เขาตัดสินใจเอาเองเถอะ ผู้ใหญ่อย่าแทรกแซงเลย

แต่เมื่อเห็นเขาออกจากบ้านแต่เช้าแล้วกลับมาดึกดื่นทุกวัน หลินชิงเหอจึงสั่งอาอี๋จ้าวว่า “ต้มซุปเพิ่มให้เขาอีกอย่างนะจ๊ะ ถ้าคุณชายสามกินแล้วค่อยให้เขาไปนอน”

“ได้ค่ะ” อาอี๋จ้าวรับคำ

วันนี้โจวกุยหลายกลับมา อาอี๋จ้าวที่ยังไม่นอนจึงเรียกเขามากินซุป “คุณผู้หญิงสั่งให้ต้มไว้ คุณชายสามกินแล้วค่อยไปนอนนะคะ”

“ครับ” โจวกุยหลายยิ้ม

เขากินซุปซี่โครงข้าวโพดแครอทเสร็จแล้วก็ไปแปรงฟัน ก่อนจะกลับห้องไปทำแผนธุรกิจต่อ

ร้านของเขาในตอนนี้ตกแต่งต่อเติมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว และคงนำไวน์มาขายได้ในวันพรุ่งนี้ โดยเฉพาะวันนี้ที่เด็กจบใหม่ทั้ง 4 คนที่เขารับเข้ามาก็ได้แจกใบปลิวโฆษณาไวน์ไปทั่วทุกหนแห่ง หลังจากนี้ก็ต้องมีพิธีเปิดร้านด้วย

ถึงตอนนั้นคงต้องเอารถที่บ้านไปทุกคัน ทั้งรถเก๋ง รถกระบะ ไหนจะรถของพี่เขยรองอีกที่ต้องขับไปเชิดหน้าชูตาให้ร้าน

เจ้าสามคิดเรื่องนี้ และหลับไป

หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋อยู่ในห้องและยังไม่นอน ส่วนสาวน้อยมี่มี่นั้นหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงเล็กๆ ของตัวเองไปแล้ว

“พรุ่งนี้เจ้าสามก็เปิดร้านแล้ว คุณต้องไปกับฉันนะคะ” หลินชิงเหอพูดกับโจวชิงไป๋

“นั่นเขานับเข้าบัญชีส่วนตัวนะ” โจวชิงไป๋เอ่ยอย่างขี้เกียจไม่ค่อยอยากไปนัก

“เขาก็เป็นลูกชายคุณเหมือนกันนะคะ” หลินชิงเหอเอ่ยพลางมองค้อน

“ก็ได้ครับ” โจวชิงไป๋กอดภรรยา เห็นแก่หน้าเธอแล้ว เขายอมไปก็ได้

ลูกชายเหรอ ไม่มีค่าสำหรับเขาหรอก

……………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ขอให้ธุรกิจไวน์ปังๆ ยอดขายพุ่งไว ๆ นะคะเจ้าสาม อย่าไปสนใจพ่อใจร้ายที่ลำเอียงรักแต่ลูกสาวเลยค่ะ เหอะๆ

ไหหม่า(海馬)