บทที่ 804 ความเข้าใจผิดของเฮ่อเหลียนเช่อ + ตอนที่ 805 กินจนอ้วก

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 804 ความเข้าใจผิดของเฮ่อเหลียนเช่อ + ตอนที่ 805 กินจนอ้วก โดย Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 804 ความเข้าใจผิดของเฮ่อเหลียนเช่อ

เฮ่อเหลียนเช่อกลับไปที่พักของตัวเองและเริ่มได้สติกลับคืนมาช้าๆ หวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ความจำของเขาเป็นเลิศ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานเขาจำมันได้ทุกรายละเอียด

เซียวเซ่อเป่านกหวีดครู่เดียวสุนัขทั้งสี่ตัวก็กระโจนเข้าใส่เขา เห็นได้ชัดว่าสุนัขเชื่อฟังคำสั่งของเซียวเซ่อ นั่นเท่ากับว่าเด็กสาวที่ทำให้เขาหวั่นไหวมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นลูกสาวของเฝิงไห่ถัง เฝิงไห่ถังอย่าคิดจะหลอกเขาเสียให้ยากเลย

แม้เฮ่อเหลียนเช่อจะสนใจในตัวของเซียวเซ่อไม่น้อยแต่เขาก็ต้องอดทนไว้ สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ควรจะสร้างศัตรูให้มาก ตอนนี้ตั้งใจรับมือกับตระกูลพวกนั้นก่อน รอจัดการตระกูลพวกนั้นได้อยู่หมัดแล้ว จะให้เฝิงไห่ถังถวายตัวลูกสาวมาให้เขาแต่โดยดี

เขาลูบแผลตรงแขนเบาๆ สายตาเย็นยะเยือกขึ้นกว่าเดิม เงาสีขาวและแสงสีเขียวเมื่อคืนเขาเองก็จำมันได้ดี เพียงแต่กลางคืนเห็นได้ไม่ค่อยชัดเท่าไรนัก เงาสีขาวดูเหมือนจะเป็นหนูส่วนแสงสีเขียวกลับไม่รู้ว่าคืออะไร

เฮ่อเหลียนเช่อคิดว่าอาจจะเป็นอาวุธลับของจ้าวเหมย และสิ่งที่ดึงความสนใจเฮ่อเหลียนเช่อได้นั้นคือพิษในอาวุธลับนั่น

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดเสมอว่าไม่มีพิษไหนที่จะทำอะไรเขาได้ และยิ่งไม่คิดว่าบนโลกใบนี้จะยังมีพิษที่สามารถล้มตัวเขาลงได้ สิ่งนี้ทำให้เฮ่อเหลียนเช่อเริ่มรู้สึกถึงความอันตราย เขาต้องตามหามันให้ได้ว่ามันคือพิษอะไร เขาไม่ยอมให้มีสิ่งใดในโลกนี้เอาชนะเขาได้–และรวมไปถึงคนด้วย

นอกจากนั้นเจ้าหนูตัวขาวนั่นก็น่าสนใจ   คิดไม่ถึงว่าจะกัดแส้หนังของเขาจนขาดได้ แส้หนังของเขาทำมาจากหนังจระเข้แถมยังผ่านกระบวนการมากมาย แม้แต่ใบมีดยังกรีดไม่เข้า แต่เมื่อคืนเจ้าหนูสีขาวนั่นกลับกัดแส้หนังของเขาขาดได้อย่างง่ายดาย ฟันคมใช้ได้ทีเดียว

เฮ่อเหลียนเช่อเกิดสนใจในตัวฉิวฉิวขึ้นมา ดีที่ตอนนี้เขายังคิดไม่ถึงว่าความจริงของตัวการสำคัญที่ทำให้เขาชาไปทั้งตัวนั่นคือพิษอันดับหนึ่งในโลกของคุณชายฉิว  พิษของฉาฉา ยังอ่อนไปจึงไม่ค่อยมีผลกับเฮ่อเหลียนเช่อมากนัก

หากให้เฮ่อเหลียนเช่อรู้ความจริงเข้า ด้วยนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นของเขา ฉิวฉิวต้องประสบกับอันตรายแน่ๆ รวมไปถึงเหมยเหมยเองก็ด้วย

หลังทานมื้อเช้าที่บ้านเซียวเซ่อเหมยเหมยก็กลับบ้านตระกูลจ้าว เหยียนหมิงซุ่นพาเธอมาส่งถึงประตูหน้าบ้านก่อนจะกลับที่พักแถมยังย้ำเตือนให้เหมยเหมยว่าช่วงนี้อย่าออกจากบ้านเพียงลำพัง

เหมยเหมยที่กลับมาถึงบ้านตัวเองก็พรูลมหายใจยาว สบายใจได้สักที แม้จะต้องเจอกับคุณย่าก็ยังรู้สึกอุ่นใจกว่ามาก สยงมู่มู่กับเจ้าอ้วนน้อยต่างอยู่บ้านกันทั้งคู่ ทันทีที่เห็นเหมยเหมยก็กรูเข้ามาเพื่อถามถึงบทความนั่นว่าเป็นอย่างไรบ้าง

“บรรณาธิการบอกว่าเขียนได้ดีไม่น้อย เธอปรับแก้ให้นิดหน่อย แล้วให้เสี่ยวเชาลองเกลาดูอีกที สัปดาห์หน้าน่าจะตีพิมพ์ลงนิตยสารได้ ส่วนค่าจ้างให้ร้อยตัวอักษรต่อหนึ่งหยวนไปก่อน อนาคตถ้าเขียนได้มากค่อยเพิ่มให้”

เหมยเหมยยื่นบทความหลังผ่านการปรับแก้ของบรรณาธิการให้เจ้าอ้วนน้อยที่ตาเป็นประกายลุกวาว

เจ้าอ้วนใช้เวลาพักใหญ่ถึงเข้าใจคำพูดของจ้าวเหมยได้ทั้งหมด ยกนิ้วป้อมๆ ขึ้นมานับอยู่ครู่หนึ่งแถมปากยังพึมพำไม่หยุด “หนึ่งร้อยตัวต่อหนึ่งหยวน ฉันเขียนไปหนึ่งพันห้าร้อยตัว ทั้งหมดเท่าไหร่นะ? หนึ่งหยวนห้าสิบสตางค์? ไม่สิ สิบหยวนห้าสิบสตางค์? ไม่ถูกเหมือนกัน…”

สยงมู่มู่ได้ยินแล้วก็โมโห ตวัดฝ่ามือตบลงไปพลางตะคอกเสียงดัง “เจ้าหมูโง่ หนึ่งร้อยตัวต่อหนึ่งหยวน เอาไปคูณสิบห้าก็พอไม่ใช่หรือไง ค่าจ้างนายทั้งหมดก็คือสิบห้าหยวน!”

เจ้าอ้วนน้อยจ้องตาค้าง หันไปทางสยงมู่มู่อย่างซาบซึ้งใจ ก่อนจะกระโดดโลดเต้นอย่างตื่นเต้นหลังผ่านไปพักหนึ่งจึงตะโกนเสียงดัง “สิบห้าหยวน ฮ่าฮ่า ฉันหาเงินเองได้แล้ว!”

เหมยเหมยเข้าใจอารมณ์ในขณะนี้ของเจ้าอ้วนน้อยเป็นอย่างดี ครั้งแรกที่เธอหาเงินได้ด้วยตัวเองก็เหมือนเจ้าอ้วนน้อยในตอนนี้นั่นแหละ ความรู้สึกดีใจปนตื่นเต้นยากจะหาคำพูดอธิบายได้

“เสี่ยวเชาพยายามเขียนเข้านะ ไม่แน่อนาคตนายอาจจะได้ตีพิมพ์หนังสือของตัวเองก็ได้!” เหมยเหมยพูดให้กำลังใจ

……………………….

 ตอนที่ 805 กินจนอ้วก

เจ้าอ้วนน้อยลูบศีรษะกลมๆของตัวเองอย่างเคอะเขิน “ฉันยังไม่เคยคิดที่จะเขียนหนังสือเลย ขอแค่หาเงินได้ก็พอ คราวหลังจะได้ไม่ต้องขอเงินค่าขนมจากแม่อีก แล้วยังช่วยแบ่งเบาภาระของแม่ฉันได้ด้วย”

“นายยังไม่เคยลองจะรู้ได้ไงว่าตัวเองทำไม่ได้ บรรณาธิการเองก็บอกแล้วว่านายเขียนบทความได้ดี แค่ขยันเขียนลงบ่อยๆ อนาคตนายต้องได้ตีพิมพ์หนังสือของตัวเองได้แน่ๆ ถึงตอนนั้นนายก็คือนักเขียนแล้วนะ” เหมยเหมยพูดชมไม่หยุด

เจ้าอ้วนน้อยตาเป็นประกายลุกวาวพยักหน้าไม่หยุด คำพูดให้กำลังใจจากเพื่อนช่วยสร้างความมั่นใจแก่เขาเป็นอย่างดี เขาเชื่อว่าตัวเองจะต้องทำได้แน่!

สยงมู่มู่รู้สึกอิจฉามากแต่เขาไม่ได้ริษยาเลยสักนิด ความสำเร็จของเพื่อนช่วยกระตุ้นเขา เขาเองก็ต้องตั้งใจแต่งเพลง ไม่อย่างนั้นอนาคตเขาจะด่าเจ้าอ้วนน้อยว่าเจ้าโง่ได้อย่างไรอีก ขายหน้าจะตายชัก!

“ใช่แล้ว ฉันตั้งชื่อนามปากกาให้นายด้วยนะ เรียกว่าคุณชายน่าหลาน” เหมยเหมยเอ่ยปากพูดอย่างไม่ใส่ใจ

สยงมู่มู่ชี้ไปที่เจ้าอ้วนน้อยแล้วหัวเราะเสียงดัง “คุณชายน่าหลาน? โอ๊ย ตลกมาก ฝาโลงของน่าหลานชิ่งเต๋อจะปิดไม่ลงอยู่แล้ว!”

เดิมทีเจ้าอ้วนน้อยก็ออกจะเขินๆ หน่อยแต่เห็นเพื่อนหัวเราะเยาะขนาดนี้ก็นึกโกรธขึ้นมาเหมือนกัน พูดกระแทกเสียงใส่อย่างไม่สบอารมณ์ “ทำไมจะเรียกคุณชายน่าหลานไม่ได้? นายไม่เคยเห็นสักหน่อยว่าน่าหลานชิ่งเต๋อหน้าตาเป็นยังไง? ไม่แน่อาจดูดีไม่เท่าฉันด้วยซ้ำ!”

สยงมู่มู่กลั้นหัวเราะพลางพยักหน้าหงึกหงัก “นายพูดมีเหตุผล น่าหลานชิ่งเต๋อไม่ดูดีเท่านายหรอก”

เจ้าอ้วนน้อยแค่นเสียงใส่อีกทีคร้านที่จะสนใจเขา หยิบต้นฉบับไปปรับแก้บทความอย่างมีความสุข หลังปรับแก้จนเสร็จก็เขียนอีกบทความหนึ่งแล้วส่งไปยังสำนักพิมพ์อีกแห่ง ไม่แน่ปิดเทอมฤดูร้อนนี้อาจหาเงินได้เท่าเงินเดือนทั้งเดือนของแม่ก็ได้!

เจ้าอ้วนน้อยแก้บทความเสร็จส่งให้เหมยเหมยแล้วพูดอย่างตื้นตันใจว่า “รอให้ได้ค่าจ้าง แล้วฉันจะเลี้ยงเคเอฟซีพวกเธอนะ!”

สยงมู่มู่กำลังจะพยักหน้าแต่ถูกเหมยเหมยเตะห้ามเข้าไว้ “เรื่องกินเคเอฟซีเอาไว้ก่อนเถอะ รอพี่สามฉันเปิดร้านแล้วค่อยไปกินกัน เสี่ยวเชานายพาพวกฉันไปถนนขายของกินเล่นก็พอ ของที่นั่นอร่อยด้วย”

เคเอฟซีหนึ่งมื้อไม่ใช่ถูกๆ อยากกินให้อิ่มท้องอย่างน้อยต้องใช้เงินถึงยี่สิบกว่าหยวน แค่ค่าจ้างอันน้อยนิดของเจ้าอ้วนน้อยยังกินได้ไม่ถึงหนึ่งมื้อเลยด้วยซ้ำ!

สยงมู่มู่เองก็ไหวตัวทัน รู้ว่าสถานการณ์ที่บ้านของเจ้าอ้วนน้อยกำลังลำบากจะให้เพื่อนฟุ่มเฟือยไม่ได้ รีบพยักหน้าเห็นด้วยหลายที “ถนนขายของกินเล่นก็ดี ไปกินที่นั่นกัน เจ้าอ้วนฉันจะรอนะ!”

เจ้าอ้วนน้อยรู้สึกอบอุ่นไปทั้งใจน้ำตาซึมจนรู้สึกแสบขึ้นจมูก เขารู้ว่าเพื่อนแค่ไม่อยากให้เขาเสียเงินมากถึงได้พูดเช่นนั้น

เขาสูดจมูกก่อนจะให้คำสัญญา “รอฉันเขียนหนังสือได้จริงๆ ฉันจะเลี้ยงเคเอฟซีพวกเธอแน่ อยากกินเท่าไหร่ก็กินได้ตามใจชอบเลย กินจนพวกเธออ้วกไปเลย!”

คำสัญญาของเจ้าอ้วนทั้งสยงมู่มู่และเหมยเหมยไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่าเจ้าอ้วนน้อยจะพูดจริงทำจริง   ตามคาดเมื่อหนังสือเล่มแรกถูกตีพิมพ์ออกไปก็กระชากตัวพวกเขาไปกินเคเอฟซี สั่งมาเต็มโต๊ะชุดใหญ่จนทั้งสามแทบอ้วก หลังจากวันนั้นพวกเขาก็ไม่เคยพูดถึงเคเอฟซีอีกเลย เพราะแค่พูดถึงสามพยางค์นั่นก็แทบอ้วกแล้ว

สยงมู่มู่กับเจ้าอ้วนน้อยไม่ทันสังเกตเห็นเหมยเหมยที่กำลังเหม่อลอยเพราะตื่นเต้นจนเกินไป ย่อมไม่มีทางรู้ว่าเมื่อคืนเธอผ่านเรื่องน่าระทึกใจมาขนาดไหน แน่นอนว่าต่อให้พวกเขารู้ก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้ ใกล้จะถึงเวลาอาหารเที่ยงในที่สุดคุณปู่จ้าวก็กลับมา เหมยเหมยรีบดึงตัวเขาไปที่ห้องหนังสือ

“คุณปู่ คุณปู่รู้จักเฮ่อเหลียนเช่อมั้ยคะ?” เหมยเหมยถามไปตรงๆ

คุณปู่จ้าวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ย้อนถามกลับ “หลานถามถึงเขาทำไม? หลานรู้จักคนนี้ได้อย่างไร?”

ไม่นานคุณปู่จ้าวก็รู้ทัน  สีหน้าเปลี่ยนอย่างฉับพลันอีกครั้ง “เหมยเหมยเจอเขามาใช่มั้ย? เขาทำอะไรหลาน?”

………………………