เอียนชิงเฉิงกล่าว “ฉันไม่เป็นไร แค่ลมปราณในร่างกายมันปั่นป่วน ไม่มีแรงสู้อีกแล้ว!”

“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่มาได้อย่างไร ทางฮ่านหยางไม่เป็นไรเหรอ?”

เฉินซงจื่อกล่าว “ท่านประธานเป็นห่วงกลัวว่าอาจารย์จะเกิดเรื่อง ก็เลยให้พี่มาช่วยเหลือ ขอเพียงอาจารย์ไม่เป็นไร พวกเขายังไม่กล้าไปลงมือกับพวกท่านประธานหรอก เธอวางใจได้เลย”

“ในที่สุดก็มาถึงแล้ว!”

ในที่สุดเวลานี้นักบู๊เหล่านั้นก็บุกมาถึงแล้ว มองหลินว่านเหนียนที่ลอยอยู่ตรงท้องฟ้า หายใจอย่างโล่งอก

เฉินซงจื่อมองดูนักบู๊หลายร้อยคนด้วยสีหน้าที่หนักใจ “ศิษย์น้อง นี่มันเรื่องอะไรกัน? ค่ายกลคงรากถูกทำลายไปแล้วเหรอ?”

เอียนชิงเฉิง “มันเกิดการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย มีคนทำลายฐานของค่ายกลคงราก อาจารย์ก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน”

เฉินซงจื่อมองไปที่ห้องแวบหนึ่งแล้วถาม “อาจารย์ล่ะ?”

“ยังเข้าฌานอยู่ ศิษย์พี่พยายามดึงเวลาเอาไว้ ฉันได้สั่งซังซังเอาไว้แล้ว ถ้าฉันแพ้ ก็ให้เธอรับพาอาจารย์ไปจากที่นี่!” เอียนชิงเฉิงพูดด้วยเสียงต่ำ

เฉิงซงจื่อพยักหน้า เข้าใจสถานการณ์ในตรงหน้าแล้ว

หลินว่านเหนียนมองเฉินซงจื่ออย่างประหลาดใจ “มีนักบู๊แดนเทพอีกคน ดูเหมือนฉันจะประเมินเฉินไต้ซือต่ำไปนะ!”

เฉินซงจื่อลุกขึ้น ปกป้องเอียนชิงเฉิงไว้ที่ด้านหลัง “ศิษย์น้อง เธอกับซังซังพาอาจารย์หนีไปก่อน ฉันจะขัดขวางอยู่ที่นี่”

“ศิษย์พี่!” น้ำเสียงของเอียนชิงเฉิงสะอื้นเล็กน้อย อยู่ต่อก็เท่ากับตาย

“เร็วเข้า เดี๋ยวมันจะไม่ทันการ” เฉินซงจื่อพูดอย่างจริงจัง

“ศิษย์พี่ รักษาตัวด้วย!” เอียนชิงเฉิงที่น้ำตาไหล หันหลังวิ่งกลับไปที่คฤหาสน์

หลินว่านเหนียนเหลือบมองไปแวบหนึ่ง ก็พูดอย่างเย้ยหยัน “อยากจะไป? สายไปแล้ว!”

“พวกนายรอดูการแสดงอยู่เหรอ?” หลินว่านเหนียนตะโกนไปยังท่ามกลางกลุ่มคน

ทันใดนั้น นักบู๊สิบกว่าคนก็มาลอยอยู่กลางอากาศ และยืนข้างกายของหลินว่านเหนียน

สีหน้าของเฉินซงจื่อหนักใจมาก “ผู้แข็งแกร่งแดนเทพสิบกว่าคน!”

“ดูเหมือนเคราะห์กรรมวันนี้จะผ่านมันไปได้ยากแล้ว!” หลังจากตกตะลึงไปชั่วขณะ เฉินซงจื่อก็แสดงรอยยิ้มที่ไม่แยแสออกมา ทิ้งชีวิตและความตายไว้ข้างๆ

หลินว่านเหนียนกวาดมองคนเหล่านั้นแล้วพูด “อย่ารออีกเลย รีบจบศึกนี้โดยเร็ว ฆ่าเฉินไต้ซือคนนั้นเสีย ชักช้าเกรงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก”

“ครับ!”

นักบู๊แดนเทพของแต่ละสำนัก ต่างก็พยักหน้า

“ฉันจะมาจัดการนักพรตคนนี้เอง พวกนายไปตามตัวเฉินไต้ซือ!” นักบู๊ชายวัยกลางคนชุดขาวกล่าว

“รบกวนพี่เซวียแล้ว!” ทุกคนคารวะให้กับชายวัยกลางคนชุดขาว จากนั้นก็บินไปทางคฤหาสน์

เฉินซงจื่อคำราม “คิดอยากจะเข้าไปเหรอ ข้ามศพฉันไปก่อน!” ตามมาด้วยการขัดขวางคนพวกนั้น

และในเวลานี้ ก็ดังขึ้นด้วยเสียงระเบิดหลายครั้ง และประกายไฟเจิดจ้าก็ปะทุขึ้นกลางกลุ่มนักบู๊

“นี่มันอะไรกัน!”

นักบู๊วิ่งหนีจ้าละหวั่น ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

สมาชิกของหน่วยมังกรหลายสิบคน ได้นำระเบิดที่ทรงอานุภาพที่ใช้จัดการเหล่านักบู๊โดยเฉพาะ พุ่งมาจากด้านล่างภูเขา

สมาชิกหน่วยมังกรแม้ความสามารถจะไม่เท่านักบู๊ของโลกฝึกบู๊ แต่พวกเขาติดอาวุธครบครันด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ประสิทธิภาพต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นหลายระดับ

มังกรเอกยังคงแสดงท่ามือกับสมาชิกของหน่วยมังกรอย่างไม่หยุด คนอื่นนั้นดูไม่เข้าใจเลย มีเพียงแต่สมาชิกของหน่วยมังกรที่ได้รับการฝึกฝนมาถึงจะเข้าใจ

สมาชิกหลายสิบคนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ใช้อาวุธแต่ละชนิดระดมยิงใส่นักบู๊เหล่านั้นอย่างไม่เลือกหน้า และพวกนักบู๊ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ด้านหน้า สีหน้าของหลินว่านเหนียนดูแย่มาก นักบู๊เหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นศิษย์น้องรุ่นเยาว์ของสำนัก อีกทั้งยังเป็นหัวกะทิที่สำนักส่งมา ครั้งนี้ที่ดึงพวกเขาออกมาก็เพื่อให้มาฝึกประสบการณ์ คิดไม่ถึงกลับต้องมาตายด้วยอาวุธที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของพวกเขา