ตอนที่ 1948 สะดุดเหล็กกล้า

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

แรงระเบิดจากการปะทะเมื่อสักครู่นี้มันทำให้แม้แต่เหล่าเทพถ่องแท้สองดาวก็ยังต้องสั่นสะท้าน

ที่สำคัญการโจมตีนี้เย่หยวนยังมิได้ใช้วิชาการต่อสู้วรยุทธ์ใดๆ ออกมา ใช้เพียงแค่กำลังของกายเนื้อนั้นในการโจมตี

พลังกายที่แข็งแกร่งปานนี้นอกจากกายทองคำระดับหกสัมบูรณ์แล้วลู่ซินก็ไม่อาจจะคิดถึงอย่างอื่นได้เลย

เย่หยวนหันไปมองดูลู่ซิน “อย่างน้อยเจ้าก็ยังพอมีสมองบ้าง”

แต่ต่อให้จะเตรียมใจไว้เพียงใดลู่ซินที่ได้รับคำยืนยันเช่นนั้นก็ต้องตกตะลึงจนตาค้าง

ลู่ซินร้องขึ้นด้วยความตื่นตกใจอย่างถึงที่สุด “เป็นไปได้อย่างไร? นอกจากเรื่องที่ว่าการบรรลุขึ้นระดับหกสัมบูรณ์นั้นมันจะใช้ทรัพยากรมากมายแล้วคนผู้นั้นยังต้องผ่านทุกขจุติถึงหกครั้ง คนนับร้อยนับพันยังไม่อาจจะผ่านมันไปได้ เจ้าทำมันได้อย่างไรกัน?”

กายทองคำสัมบูรณ์นั้นในแต่ละขั้นระดับจะต้องพบเจอกับทุกขจุติที่หนักหนาสาหัสมากกว่าเก่า

ในหมู่ผู้บ่มเพาะกายทองคำระดับห้านับร้อยๆ มันก็อาจจะไม่มีใครที่สามารถทนผ่านไปได้แม้สักระดับ มันเป็นเรื่องที่ยากเย็นถึงขนาดนั้น

เพราะฉะนั้นแล้วการที่คนผู้หนึ่งจะทนรับทุกขจุติตั้งแต่ระดับหนึ่งขึ้นไปจนถึงระดับหกได้นั้นแม้แต่ในหมู่ผู้บ่มเพาะกายนับล้านๆ คน มันก็อาจจะไม่มีใครทำสำเร็จได้ มันเป็นเรื่องที่พบเจอได้ยากขนาดนั้น

นั่นทำให้พลังของกายทองคำระดับหกสัมบูรณ์มิใช่สิ่งที่ผู้คนทั่วไปจะคาดเดาได้เลย

เหล่าผู้คนที่สามารถบ่มเพาะกายไปได้ถึงกายทองคำระดับหกสัมบูรณ์นั้นมันมีเพียงแค่หยิบมือในมหาพิภพถงเทียน เพราะฉะนั้นความแตกตื่นในหัวใจของลู่ซินในตอนนี้มันจึงไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เลย

ต่อให้เป็นฝันร้ายเพียงใดเขาก็ไม่เคยคาดคิดว่าเย่หยวนผู้นี้จะเป็นผู้บ่มเพาะร่างกายในระดับนี้

เย่หยวนย่อมรู้ดีว่าทุกขจุตินั้นมันเป็นอะไรที่ลำบากยากเย็นเพียงใด แต่เขานั้นก็ผ่านมันมาได้ในที่สุด

“น่าเสียดายที่ข้าเป็นหนึ่งในนั้น” เย่หยวนบอก

นั่นทำให้ใบหน้าของลู่ซินแสดงท่าทางเคร่งเครียดออกมาทันทีก่อนจะหันไปบอกคนที่เหลือทั้งสี่ “พวกเจ้าทั้งสี่ร่วมมือเข้าโจมตีพร้อมๆ กัน อย่าได้ประมาทเขา! หากไม่ไหวเต็มทีแล้วก็ถอยกลับกันก่อน”

เมื่อพวกซุเหมาได้ยินเช่นนั้นพวกเขาทั้งหลายเองก็แสดงสีหน้าตึงเครียดออกมาเช่นกัน

เดิมทีพวกเขานั้นคิดว่าจะเข้ามาจับปลาในบ่อน้ำแห้ง แต่กลับกลายเป็นว่าปลานี้ดันเป็นตัวปัญหา

หมัดเบาๆ ของเย่หยวนนั้นมันได้แสดงอย่างชัดแจ้งแล้วว่าพลังของกายทองคำระดับหกสัมบูรณ์มันแข็งแกร่งเพียงใด

‘ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!’

พวกซูเหมาทั้งสี่เริ่มลงมือย่างรวดเร็วต่างเข้ายืนประจำตำแหน่งทำให้เกิดคลื่นพลังที่แสนน่ากลัวขึ้น

เย่หยวนที่เห็นเช่นนั้นได้แต่หรี่ตามองภาพตรงหน้าอย่างระมัดระวัง

เพราะคนทั้งสี่นี้ได้เข้าสู่ตำแหน่งที่ทำให้พวกเขากลายเป็นเหมือนคนผู้ตัว หากพวกเขาในตอนนี้ปล่อยการโจมตีออกมามันก็คงมีพลังที่เหนือล้ำอย่างคาดไม่ถึงแน่

ก็จริงที่ว่ากายทองคำระดับหกสัมบูรณ์นั้นมันแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ได้ไร้เทียมทาน

เทพถ่องแท้สองดาวนั้นเก่งกาจกว่าเทพถ่องแท้หนึ่งดาวอย่างมาก

หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้แล้วหมัดเมื่อสักครู่ของเย่หยวนเองก็คงสังหารนักฆ่าผู้นั้นลงได้

แต่อีกฝ่ายนั้นเพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่นับว่าเป็นผลกระทบที่รุนแรงในการต่อสู้ภาพรวมเสียด้วยซ้ำ

แค่นี้มันก็มากพอจะแสดงความแตกต่างของเทพถ่องแท้หนึ่งดาวและเทพถ่องแท้สองดาวแล้ว

เทพถ่องแท้ทั้งหลายนั้นมิใช่หมูหมากาไก่ที่ไหน พวกเขาทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นยอดอัจฉริยะในหมู่ยอดอัจฉริยะจึงจะก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรนี้ได้

หมัดของเย่หยวนก่อนหน้านี้มันเป็นได้แค่เพียงการทักทาย

‘ฟุบ!’

จู่ๆ ทางซูเหมาก็ขยับตัวออกมา!

ดาบนี้เขาฟาดออกมานี้มันรวดเร็วปานสายฟ้า

เย่หยวนที่เห็นเช่นนั้นจึงได้ชี้นิ้วกลับออกไปและใช้พลังของกายทองคำระดับหกสัมบูรณ์เข้าปะทะกับสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำอย่างซึ่งหน้า!

‘เคร้ง!’

เสียงปะทะกันของโลหะดังสนั่นขึ้นส่วนซูเหมานั้นราวกับถูกแรงปะทะมหาศาลชนเข้าจนร่างเซกลับไปด้านหลัง

ขณะที่เย่หยวนกำลังจะไล่ไปก็มีอีกดาบหนึ่งพุ่งแทงเข้ามาหา

ดาบนี้มันสุดแสนคมพุ่งตรงเล็งเข้ามายังลำตัวช่วงล่างของเย่หยวน

แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะมีกายทองคำที่แข็งแกร่งแต่มันก็ไม่ได้แกร่งพอจะทนทานหอกดาบได้ตรงๆ

พลังของเทพถ่องแท้สองดาวที่ร่วมกับอาวุธอันแข็งแกร่งนี้มันย่อมมากพอที่จะทำอันตรายให้แก่เขาได้

เมื่อถูกกดดันเช่นนั้นเย่หยวนจึงต้องเลือกที่จะหลบเลี่ยงการโจมตีและไม่อาจไล่ซูเหมาไปต่อได้

คนทั้งสี่นั้นเข้าโจมตีกันอย่างเป็นระบบทำให้เย่หยวนไม่อาจจะหาช่องว่างฝ่าวงล้อมออกไปและต้องยืนรับการโจมตีอยู่กลางคมดาบของคนทั้งสี่

จากนั้นคนทั้งห้าก็เริ่มศึกอันยืดเยื้อขึ้น

ในตอนนี้ด้วยขวางมิติไร้รอยที่ถูกเปิดใช้งานไว้มันจึงทำให้ทุกผู้คนกลับไปสู่การต่อสู้ตามวิถีได้เพียงแค่ใช้วิชาฝีมือวรยุทธ์ที่มีออกมาอย่างไม่อาจใช้พลังของมิติได้

แต่เย่หยวนที่ใช้เพียงแค่กำลังของร่างกายนี้กลับไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบคนทั้งสี่แม้แต่น้อย

ที่ด้านข้างเมื่อลู่ซินเห็นเช่นนั้นเขาก็ตื่นตะลึงจนไม่อาจพูดคำใดๆ ออกมาได้

“ทั้งที่พวกเขาทั้งสี่ได้ใช้ฝันร้ายหนึ่งใจออกมาแล้ว วิชาที่แม้แต่เทพถ่องแท้สามดาวยังต้องใช้เวลากว่าหนึ่งถ้วนน้ำชาในการทำลายลงแต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายกลับไม่อาจทำอะไรเย่หยวนคนนี้ได้?”

เพราะตามหลักการของโลกแล้วเทพถ่องแท้สองดาวนั้นจะไม่อาจต่อสู้ขัดขืนใดๆ เทพถ่องแท้สามดาวได้อย่างแน่นอน

แต่ซูเหมาและพวกกลับสามารถใช้การรวมใจเป็นหนึ่งนี้เพื่อยื้อเวลาการต่อสู้กับเทพถ่องแท้สามดาวไปได้ถึงเวลาหนึ่งถ้วยน้ำชา แค่นั้นมันก็มากเกินกว่าคำว่าเหนือล้ำไปแล้ว

ทางเย่หยวนที่เพิ่งขึ้นระดับหกมาได้ไม่นานหากให้เทียบแล้วมันก็คงไม่ได้เหนือล้ำไปกว่าเทพถ่องแท้หนึ่งดาวมากมาย แต่เขากลับต่อสู้กับคนทั้งสี่นี้ได้อย่างไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

กายทองคำสัมบูรณ์นี้มันเป็นตัวตนในตำนานที่แม้แต่ลู่ซินก็ยังไม่เคยพบเจอ

แต่เขาก็ไม่ได้คาดฝันเลยว่ากายทองคำสัมบูรณ์ระดับหกมันจะเก่งกาจได้ปานนี้

ในตอนนั้นเองที่ไป๋ตงก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทางเบื่อหน่าย “ไม่ต้องมองดูแล้ว ถึงเวลาของเราเสียที”

ลู่ซินหันหน้ากลับมาทันทีพร้อมร้องบอก “เจ้าคนโง่เง่า! หากเจ้าอยากรนหาที่ตายมากนักข้าก็จะส่งเจ้าไปเอง!”

“ดาบทลายไร้เงา!”

เงาร่างของลู่ซินหายวับไปทันทีราวกับว่าเขานั้นได้หลบเข้าไปในช่องว่างมิติ

เพียงแค่ว่าที่แห่งนี้มันกำลังถูกปิดกั้นมิติอยู่

ไป๋ตงยังคงใบหน้าเรียบเฉยนั้นไว้ได้พร้อมยกพัดหนึ่งออกมาชี้ไปด้วยหลังมือ

‘เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!’

ในเวลาแค่เสี้ยววินาทีคนทั้งสองได้แลกกระบวนท่ากันไปหลายต่อหลายกระบวนท่า

‘ฟุบ!’

จากนั่นร่างของลู่ซินก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งพร้อมจ้องมองดาบในมือของตนด้วยสีหน้าเหยเก

เพราะตอนนี้ดาบของเขาที่เป็นถึงสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำขั้นกลางบนตัวดาบมันกลับเกิดรอยบิ่นขึ้นมากมายหลายต่อหลายรอย

“สมบัติเทพสวรรค์เลิศล้ำ! เจ้ากลับมีสมบัติเทพสวรรค์เลิศล้ำติดตัว!” ลู่ซินกัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด

แม้ว่าไป๋ตงนั้นจะไม่อาจใช้พลังที่แท้จริงของพัดนี้ออกมาได้แต่ทางลู่ซินก็มั่นใจได้ในทันทีว่าอาวุธของอีกฝ่ายนั้นจะต้องเป็นสมบัติเทพสวรรค์เลิศล้ำแน่!

เทพถ่องแท้สี่ดาวผู้หนึ่งกลับมีสมบัติเทพสวรรค์เลิศล้ำในครอบครอง?

ที่สำคัญการปะทะเมื่อสักครู่นี้ลู่ซินก็ได้เข้าใจในทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นมีความเข้าใจในแนวคิดที่เหนือล้ำ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้เลยแม้แต่น้อย!

ลู่ซินนั้นเป็นหนึ่งในผู้เก่งกาจยอดฝีมือของประตูวิญญาณมรณา เทพถ่องแท้สี่ดาวมากมายนั้นได้ตายลงไปด้วยน้ำมือของเขา

แต่ตอนนี้เขากลับไม่อาจทำอะไรกับเทพถ่องแท้สี่ดาวตรงหน้านี้ได้แม้แต่น้อย

ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้มันช่างแข็งแกร่งจนลู่ซินไม่อาจจะหาจุดอ่อนใดๆ ได้เลย

ลู่ซินนั้นได้รับรู้แล้วว่าเบื้องหลังของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้มันลึกล้ำจนเกินไป!

ก่อนที่เขาจะมานั้นเขาคิดว่าท่านหยิงเฟิงนั้นทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่

แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าท่านหยิงเฟิงนั้นดูถูกเย่หยวนจนเกินไป!

เด็กคนนี้มันเป็นตัวตนที่แสนลึกลับ

สร้างโอสถที่เปลี่ยนมหาพิภพถงเทียนจนแม้แต่ประตูวิญญาณมรณายังต้องหันมาสนใจ มีวิชาบ่มเพาะกายทองคำสัมบูรณ์จนถึงระดับหก ทั้งยังมีเทพถ่องแท้สี่ดาวที่พกสมบัติเทพสวรรค์เลิศล้ำติดตัวเป็นผู้ติดตาม!

นี่มันจะยังนับเป็นเมืองจักรพรรดิได้หรือ?

รากฐานระดับนี้มันแข็งแกร่งไม่แพ้เมืองหลวงจักรพรรดิเลย!

ใครจะเป็นคิดว่าเมืองจักรพรรดิบ้านนอกอย่างเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นจะมียอดคนมากพรสวรรค์เช่นนี้หลบซ่อนตัวอยู่?

‘โฮ่ก!’

ในเวลานั้นเองที่เกิดเสียงคำรามก้องหนึ่งดังสะท้านฟ้าขึ้น

คลื่นพลังอันน่าขนลุกพุ่งทะยานออกมาจากร่างของเย่หยวน

ลู่ซินอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง

เป็นเวลานั้นเองที่เขาได้เห็นว่าร่างกายของเย่หยวนนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังราวกับว่าเขานั้นเป็นเทพมังกรที่กำลังร้องด้วยความบ้าคลั่ง

คนทั้งสี่ที่ปะทะกับเย่หยวนอยู่ในตอนนี้กำลังเริ่มพ่ายแพ้ลงเรื่อยๆ

ในที่สุดเย่หยวนก็ได้ใช้กรงเล็บมังกรเอกภพออกมา!

ด้วยพลังของกายทองคำสัมบูรณ์ระดับหกแล้วพลังของวิชานี้มันจึงเพิ่มพูนมากขึ้นอย่างไม่อาจวัดเทียบได้

แต่ล่ากรงเล็บที่เย่หยวปล่อยออกมามันมีพลังโจมตีรุนแรงมากพอๆ กับเทพถ่องแท้สองดาวขั้นสุด

มันเป็นพลังที่แทบฉีกกระชากมิติออกเป็นชิ้นๆ

ลู่ซินรู้สึกเหมือนหัวใจร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาได้รู้แล้วว่าวันนี้พวกเขาทั้งหลายได้เดินมาสะดุดเหล็กกล้าเข้าแล้ว!

……………………