“ไม่มีอิทธิฤทธิ์นี้คุ้มครองร่าง แม้ว่ากายเนื้อของแมลงตัวนี้จะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่อาจรับการโจมตีจากการร่วมมือกันของสหายทุกคนได้”

เป่าฮวาอธิบายจนมาถึงยามนี้ก็หยุดชะงัก แต่จากนั้นก็ออกคำสั่งขณะเอ่ย

“ทว่ามารดาแมลงจะต้องควบคุมพลังฟ้าดินธาตุธรณีได้ ตะปูจักรพรรดิธรณีจะควบคุมได้นานเท่าไรย่อมเป็นเรื่องที่พูดยาก ดังนั้นรอจนข้าสำแดงสมบัติชิ้นนี้ออกมา ทุกท่านต้องลงมือทันที อย่าลังเลใดๆ เด็ดขาด!”

“สหายวางใจ ศึกครั้งนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตน้อยๆ ของพวกเรา ย่อมไม่เกิดความผิดพลาดใดๆ อยู่แล้ว” ชายชราหน้าตาโบราณตอบกลับอย่างไม่ต้องขบคิด

คนอื่นๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย

“เยี่ยม เพื่อเป็นการป้องกัน ข้าจะเชื่อมโยงกับวิญญาณผนึกก่อน ให้มันรวบรวมพลังผนึกทั้งหมดไว้ที่นี่ ประการแรกเพื่อกดพลังของมารดาแมลง ประการที่สองก็เพื่อปกปิดการเคลื่อนไหวของพวกเรา” เป่าฮวาไม่ได้สำแดงสมบัติในมือทันที กลับเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

สตรีผู้นี้ใช้มือหนึ่งร่ายอาคมประหลาดๆ ในเวลาเดียวกันปากก็บริกรรมคาถา

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ด้านหน้าของนางก็มีลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบ หมอกใบหน้าลางๆ ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน

เป่าฮวาขยับริมฝีปากเล็กน้อย ถ่ายทอดเสียงไปยังของตรงหน้าอย่างเงียบเชียบ

สองสามชั่วลมหายใจ หมอกใบหน้าก็หายวับไปราวกับภูตผีก็ไม่ปาน

แทบจะในเวลาเดียวกันหานลี่และพวกก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศรอบด้านมีพลังแรงกดที่แปลกประหลาดเพิ่มขึ้นมา

พวกเขาพลันใจหายวาบ รีบตรวจสอบทันที เมื่อพบว่าไม่มีผลกระทบอันใดกับตัวเองถึงได้ผ่อนคลายลง

ยามนี้รอบด้านร่างของเป่าฮวากลับมีอักขระสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น และหมุนวนอย่างรวดเร็ว ห่อหุ้มเขาเอาไว้ข้างใน ทำได้เพียงมองเห็นเงาร่างอรชนอ้อนแอ้นลางๆ

สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือสตรีผู้นี้ถูกอักขระยันต์สีเทารายล้อมไว้ ร่างทั้งร่างเปลี่ยนเป็นไร้ซึ่งกลิ่นอาย

ทั้งๆ ที่คนยังยืนอยู่ที่เดิม แต่เมื่อกวาดจิตสัมผัสไป กลับเป็นเหมือนอากาศอยู่ตรงนั้น คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนรวมร่างกับอากาศก็ไม่ปาน

“ยามนี้พลังผนึกปกคลุมกลิ่นอายของข้าไปหมดแล้ว ต่อให้อยู่ใกล้กับมารดาแมลงขนาดไหน ก็ไม่อาจสัมผัสได้ ข้าจะลงมือแล้ว สหายทุกท่านเตรียมตัวเถิด” เป่าฮวาเอ่ยกับทุกคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ชายชราหน้าตาโบราณพยักหน้า นำสองมือมาประกบกันโดยไม่พูดไม่จา มือเปล่งแสงสว่างวาบ กลับมีแผ่นป้ายหยกสีขาวเพิ่มขึ้นมา

ผิวแกะสลักอย่างงดงาม มีลวดลายอสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนลางๆ

“ป้ายหมื่นอสูร คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสมบัติชนิดนี้! ว่ากันว่าแม้ว่าเจ้าสิ่งนี้จะไม่ใช่สมบัติสวรรค์ทมิฬ แต่กลับเป็นสมบัติที่แดนเซียนทิ้งเอาไว้ในแดนด้านล่างในอดีต ตอนนั้นสิ่งมีชีวิตระดับมหายานจำนวนไม่น้อยต่างก็เคยลงมือเพื่อแย่งชิงสมบัติชิ้นนี้ คิดไม่ถึงว่าสมบัติลับจากแดนเซียนชิ้นนี้จะตกอยู่ในมือของสหาย” ฮูหยิน

สวมชุดคลุมสีดำเห็นสิ่งนี้ ใบหน้าก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา

“หึๆ ตอนนั้นตาเฒ่ามีวาสนาถึงได้โชคดีได้สมบัติชิ้นนี้มา” ชายชราหน้าตาโบราณกระแอมไอเบาๆ แล้วเอ่ยอย่างภูมิใจเล็กน้อย

ชายร่างใหญ่หน้าแดงเห็นเช่นนั้นพลันเผยสีหน้าอิจฉาออกมา

หานลี่พลันกวาดตามองของสิ่งนั้นสองสามแวบด้วยความประหลาดใจ

“เยี่ยมมาก มีแผ่นป้ายหมื่นอสูร ความมั่นใจของพวกเราก็เพิ่มขึ้นหนึ่งส่วนแล้ว” เป่าฮวาย่อมเอ่ยด้วยความดีใจยิ่ง

ยามนี้ฮูหยินสวมชุดคลุมสีดำและชายชราหน้าแดงก็สำแดงสมบัติต่างๆ ออกมา คนหนึ่งอ้าปากออกพ่นหอกสั้นสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกออกมา

คนหนึ่งยื่นมือเข้าไปในอก หยิบใบมีดกระดูกยักษ์สีขาวออกมา ผิวเปล่งแสงสีแดงสว่างวาบ สลักลวดลายสีแดงสดจำนวนนับไม่ถ้วนเอาไว้

แม้ว่าสมบัติสองชิ้นจะถูกทั้งสองคนกดลำแสงเอาไว้ แต่จากกลิ่นอายอันน่ากลัวที่แผ่ออกมา แม้ว่าจะไม่ใช่สมบัติสวรรค์ทมิฬ ก็เป็นสมบัติวิเศษที่ไม่ธรรมดาแน่นอน

“พี่เซี่ย ลงมือเต็มอัตราเถิด!” หานลี่เห็นเช่นนั้นก็หันหน้าไปถ่ายทอดเสียงให้นักพรตเซี่ย

นักพรตเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ยกมือข้างหนึ่งขึ้น ในมือมีไข่มุกทรงกลมสีเงินอ่อนปรากฏขึ้นเม็ดหนึ่ง

เสียงอึกทึกดังขึ้น เส้นสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนดีดตัวออกมาจากไข่มุก หลังจากวาววับตัดสลับกันไปมา ชั่วพริบตาก็รวมตัวกันกลายเป็นลูกบอลอัสนีลูกหนึ่ง

ยามแรกมีขนาดแค่เท่าศีรษะ แต่หลังจากที่พวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่าห้องอย่างไร้สุ่มเสียง

ดูแล้วน่าตกตะลึงยิ่ง

นักพรตเซี่ยใช้มือหนึ่งรองลูกบอลอัสนี ยืนนิ่งเงียบอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนไหวใดๆ

หานลี่เห็นเช่นนี้มือหนึ่งก็ร่ายอาคม แผ่นหลังมีลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ เทวรูปร่างทองสามเศียรหกกรพลันปรากฏออกมา

เทวรูปนี้แค่รวมตัวกัน ก็กลายเป็นร่างทองเที่ยงแท้กระโจนมาหาหานลี่

ลำแสงสีม่วงทองเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วพริบตาหานลี่และร่างทองก็รวมร่างกัน ผิวเปลี่ยนเป็นสีทองเรืองรอง ในเวลาเดียวกันลวดลายสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น หลังจากหมุนคว้างก็กลายเป็นเขตอาคมสีเงินที่ทับซ้อนกันไปมาบนผิว

ยามนี้หานลี่ถึงตะปบมือไปกลางอากาศ แขนอีกข้างหนึ่งมีลำแสงสีเขียวมรกตเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่ยาวสีเขียวมรกตความยาวสามฉื่อปรากฏขึ้น

แค่สะบัดข้อมือ บรรยากาศรอบด้านก็สั่นเทาอย่างหนักหน่วง พลังปราณฟ้าดินที่ซ่อนอยู่ถูกกระบี่เล่มนี้เขย่าไปสองสามส่วน

สมบัติชิ้นนี้คือกระบี่วิญญาณประหารสวรรค์ทมิฬเล่มนั้น

หานลี่เผชิญหน้ากับแมลงเหี้ยมอย่างมารดาแมลงที่เคยทำลายแดนอื่นไปสองสามแดน ก็ไม่กล้าดูแคลนแม้แต่น้อย แค่ลงมือก็ใช้ฝีมือการกดของตัวเอง

เป่าฮวาเคยเห็นหานลี่ใช้กระบี่ประหารสวรรค์ทมิฬ ดังนั้นเมื่อเห็นสิ่งนี้ก็ไม่ได้มีสีหน้าประหลาดใจเลยสักนิด

แต่ชายชราหน้าตาโบราณและฮูหยินสวมชุดสีดำและพวกเห็นกระบี่วิญญาณประหารสวรรค์ทมิฬกลับหน้าเปลี่ยนสี ใช้สายตาเจ้าเล่ห์กวาดมองไปยังกระบี่เล่มนั้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าเมื่อกระบี่เล่มนี้ปล่อยพลังปราณฟ้าดินออกมา ก็ไม่อาจปิดบังหูตาของพวกเขาได้อีก

ทว่าไม่รอให้พวกเขาได้ซักถามอันใด เป่าฮวากลับใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ร่างกายเลือนรางหายวับไปบนผิวน้ำอย่างไร้ร่องรอย

ครู่ต่อมากลางอากาศห่างออกไปพันจั้งเศษ ด้านล่างเขตอาคมลำแสงสีดำสนิทที่ห่างออกไปสิบจั้งเศษ เงาดอกไม้สีชมพูปรากฏขึ้น เป่าฮวาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งอย่างเงียบเชียบ และใช้ตะปูยักษ์ในมือรองเอาไว้

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้คนอื่นๆ ย่อมไม่สนใจจะซักถามหานลี่ อดที่จะทยอยกันกั้นลมหายใจ และร่ายอาคมของตนเอง เริ่มบรรจุพลังปราณแท้เข้าไปในสมบัติในมือ

ไม่ต้องซักถามเลย ขอแค่ตะปูจักรพรรดิธรณีตัวนั้นจมหายเข้าไปในร่างของแมลงยักษ์ ระดับมหายานสองสามคนก็จะทำการร่วมมือกันโจมตีที่น่าตกตะลึงทันที

และในยามนี้แมลงยักษ์ราวกับภูเขาก็ยังคงหลับอุตุอยู่ในเขตอาคมลำแสง ราวกับไม่รู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้านล่างเลยสักนิด

เป่าฮวาจ้องเขม็งไปที่แมลงยักษ์ที่อยู่ตรงใจกลางเขตอาคมลำแสง แววตามีเส้นไหมสีเงินอ่อนเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด แต่เมื่อใบหน้ามีสีหน้าโหดเหี้ยมฉายวาบผ่าน ในที่สุดก็แค่นเสียง “หึ” อย่างเย็นชา ตะปูจักรพรรดิธรณีกลายเป็นลำแสงสีเหลืองสายหนึ่งบินออกมา

ครู่ต่อมาสมบัติชิ้นนี้ก็ทะลวงผ่านเขตอาคมลำแสงสีดำราวกับไม่มีสิ่งใดขวางกั้น หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ ก็ปักไปที่ร่างของแมลงยักษ์แน่น แล้วกลับคืนสู่ร่างเดิมอีกครั้ง

เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น

ผิวของตะปูยักษ์มีลำแสงสีเหลืองพุ่งออกมาจากรอบทิศทาง เส้นไหมสีเหลืองอันหนาแน่นปรากฏขึ้นบนร่างของแมลงยักษ์ และเลือนรางจมหายเข้าไปในร่างของแมลงยักษ์อย่างแปลกประหลาด

“สำเร็จแล้ว สหายทุกท่านยังไม่ลงมืออีก รออันใดอยู่!” เป่าฮวาพลันยินดี ผิวปากออกมา เงาลวงตาดอกไม้ยักษ์ที่แผ่นหลังขยายใหญ่ขึ้น ระเบิดออก กลายเป็นกลีบดอกสีชมพูจำนวนนับไม่ถ้วนม้วนวนไปหาแมลงยักษ์

หานลี่และพวกที่อยู่ด้านล่างเองก็ลงมือพร้อมกัน

ชายชราหน้าตาโบราณสะบัดแผ่นป้ายหยกในมือออกไปกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นแผ่นป้ายก็เลือนราง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นประตูหยกสีขาวบานหนึ่ง เมื่อเปิดออกก็มีเงาลวงตาอสูรประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนกรูกันออกมา ล้วนกรีดร้องแล้วกระโจนไปกลางอากาศ

ฮูหยินชุดดำแค่กระตุ้นอาคม หอกสั้นสีดำในมือก็พลิ้วไหว กลายเป็นสายฟ้าสีดำสายหนึ่งสับออกมา

ส่วนชายร่างใหญ่หน้าแดงแค่จ้องเขม็งมองไปยังใบมีดยักษ์กระดูกสีขาวในมือ ชั่วขณะนั้นเหนือแมลงยักษ์ก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เงาลวงตาใบมีดยักษ์ความยาวพันจั้งเศษก็ปรากฏขึ้น และสับลงมาอย่างรุนแรง

เงาลวงตาใบมีดยักษ์นั้นไม่ทันได้ร่อนลงมาจริงๆ พลังมหาศาลไร้รูปร่างก็กดลงมา

ด้านข้างมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น!

ลูกบอลอัสนียักษ์ลูกนั้นเคลื่อนย้ายและปรากฏตัวในเวลาเดียวกัน เสียงปังดังขึ้น กลายเป็นตาข่ายสายฟ้าสีเงินปกคลุมทั่วผืนดิน ปกคลุมแมลงยักษ์ทั้งตัวเอาไว้

การโจมตีเหล่านี้เรียกได้ว่ารวดเร็วดังสายฟ้า การเคลื่อนไหวแทบจะทำให้ผู้คนไม่อยากจะเชื่อ แต่เทียบกับการลงมือของหานลี่กลับช้าไปหนึ่งส่วน

ผิวของหานลี่มีอักขระสีเงินส่งเสียงหึ่งๆ ทางนี้ถึงได้สะบัดกระบี่วิญญาณประหารสวรรค์ทมิฬ อากาศเบื้องหน้ามีเส้นสีเขียวม้วนวนออกมา และพลิ้วไหวหายไปทันที

ครู่ต่อมาพลังปราณฟ้าดินบนเรือนร่างของแมลงยักษ์ก็สั่นเทา เส้นสีเขียวสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วตัดผ่านไป

ร่างแมลงยักษ์สีขาวแยกออกเป็นสองส่วนในพริบตา

จากนั้นเงาลวงตาใบมีดยักษ์ที่อยู่กลางอากาศและตาข่ายสายฟ้าสีเงินก็ร่อนลงมา กลีบดอกและเงาลวงตาอสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพลันม้วนวนออกมาพร้อมกัน

ชั่วขณะนั้นเสียงอึกทึกก็ระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

ชั่วพริบตาเขตอาคมลำแสงสีดำเงาก็ถูกใบมีดลำแสง และประจุไฟฟ้าสีเงินสับออก เงาลวงตากลีบดอกไม้บินเริงระบำตัดกันไปมาราวกับใบมีดแหลมคมอยู่กลางอากาศ ส่งเสียงแหวกอากาศดังสวบๆ ออกมา

ตรงส่วนลึกยิ่งกว่า เงาลวงตาอสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนห้อมล้อมแมลงยักษ์เอาไว้ข้างใน และทันใดนั้นก็กลายเป็นลำแสงสีขาวระเบิดตัวเองออก

กลิ่นอายหมุนวนไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ชั่วขณะนั้นวงแหวนลำแสงที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อก็ม้วนวนไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

การโจมตีทั้งหมดระเบิดแสงเจิดจ้าออกมา ชั่วพริบตาร่างของแมลงยักษ์ก็ถูกกลืนกินเข้าไปข้างใน

ตั้งแต่ต้นจนจบแมลงยักษ์มิได้เคลื่อนไหว คาดไม่ถึงว่าจะถูกทุกคนสังหารทิ้งทั้งที่กำลังหลับลึก

เมื่อเป่าฮวาและระดับมหายานต่างๆ เห็นทุกอย่าง ใบหน้าไม่เพียงไม่เผยสีหน้ายินดีออกมา กลับหน้าเปลี่ยนสีเป็นขาวซีด

หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม

คนเหล่านี้มีผู้ใดบ้างที่ไม่ใช่บรรพชนระดับมหายานที่ผ่านการสังหารศัตรูมานับไม่ถ้วน แม้ว่าจะมั่นใจในฝีมือการโจมตีตนเองขนาดไหน ก็ไม่เชื่อว่ามารดามแมลงที่มีชื่อเสียงปานนี้จะถูกสังหารได้อย่างง่ายดาย จึงอดที่จะระวังตัวขึ้นมาไม่ได้

ในที่สุดรัศมีลำแสงหลากสีสันก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ร่างกายอันใหญ่ยักษ์ของแมลงหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย คาดไม่ถึงว่าจะเหลือเพียงผลึกศิลาสีดำสนิทขนาดเท่ากำปั้นลอยอยู่ตรงนั้นนิ่ง

ผิวของผลึกศิลาตะปูโบราณสองสามชุ่นปักลึกเข้าไปเกือบครึ่ง

ทุกคนที่เห็นฉากนั้นแผ่นหลังพลันเย็นเยียบ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแปลกประหลาดที่พุ่งเข้ามาปะทะจิตใจ

“ไม่ถูกสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว พวกเรารีบไปจากที่นี่เถิด” เป่าฮวาหน้าเปลี่ยนสีไปสองสามครั้ง แล้วร้องเสียงแหลม มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ ชั่วขณะนั้นในมือมีจานอาคมเพิ่มขึ้นมา และพลิกฝ่ามือบีบจนแหลกละเอียด