ตอนที่ 826 สมรภูมิรบเดนตาย

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ณ จวนเจ้าเมืองของเมืองเทียนหยวน จ้าวเหลียงออกมาต้อนรับตัวแทนผู้มาส่งป้ายด้วยตัวเอง

ผู้ที่นำป้ายหยกสำหรับการคัดเลือกในรอบสุดท้ายมาส่งคือพ่อบ้านจากจวนเจ้าเมืองเทียนยงและเป็นคนที่จ้าวเหลียงรู้จักดี

จ้าวไห่—เจ้าเมืองเทียนยงคือพี่ชายคนโตของจ้าวเหลียงและจ้าวตั๋ว

“คุณชายรองขอรับ คุณชายใหญ่สั่งให้ข้านำป้ายหยกเหล่านี้มาส่งด้วยตัวเอง”

พ่อบ้านของจวนเจ้าเมืองเทียนยงที่มีนามว่า ‘จ้าวซื่อ’ กล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อมขณะยื่นป้ายหยกจำนวนนับสิบแผ่นให้กับจ้าวเหลียง

“ลุงซื่อ พี่ใหญ่มีสาส์นอะไรที่ฝากท่านมาบอกพวกเราบ้างรึไม่ ?”

จ้าวเหลียงรับป้ายหยกเหล่านั้นและเก็บไว้ก่อนเอ่ยถามออกไป

พวกเขาสังหรณ์ใจได้ถึงความไม่ชอบมาพากลของการคัดเลือกในรอบสุดท้ายนี้ ในฐานะเจ้าเมืองเทียนยง พี่ใหญ่ของพวกเขาก็น่าจะทราบข่าววงในบางอย่าง ถึงอย่างไรเมืองของเขาก็ถูกเลือกให้เป็นตัวแทนของการจัดการคัดเลือกในรอบสุดท้ายนี้

จ้าวซื่อกวาดสายตามองคนอื่น ๆ ในห้องโถงและพยักศีรษะเล็กน้อยเมื่อสบตากับจ้าวเหลียงและเข้าใจได้ว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่ไว้วางใจได้

“คุณชายรองขอรับ ก่อนมาที่นี่ คุณชายใหญ่กำชับข้าให้บอกกับท่านว่าการคัดเลือกครานี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้และให้ท่านหารือกับคนอื่น ๆ ในเมืองเทียนหยวนเพื่อมิให้ส่งศิษย์เข้าร่วมในจำนวนที่มากเกินไป มิติพิเศษแห่งนั้นทั้งลึกลับและอันตรายนัก เขาเองก็ไม่ต้องการให้เมืองเทียนหยวนต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่เพราะการคัดเลือกนี้”

จ้าวไห่เป็นพี่ชายคนโตของจ้าวเหลียงและความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องก็รักใคร่กันดี แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการให้เกิดเรื่องร้ายกับเมืองของน้องชายอย่างแน่นอน

กฎของการคัดเลือกครานี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันและตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ชัดเจนนัก ทว่าเขาก็มั่นใจเพียงว่าการคัดเลือกในครานี้ไม่เรียบง่ายอย่างที่เห็นแน่นอน

ผู้เข้าร่วมการคัดเลือกทุกคนจะถูกส่งไปยังสถานที่ที่เรียกว่า ‘สมรภูมิรบเดนตาย’ มีเพียงผู้ที่เอาตัวรอดจนครบกำหนดเวลาเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติเป็นผู้ถูกเลือกเพื่อเข้าสู่หนึ่งในสามสำนักและเก้านิกายของดินแดนมหาเทพ แม้จ้าวไห่จะเป็นเจ้าเมืองของเมืองเทียนยง แต่เขาก็มีสถานะที่ด้อยกว่าสามสำนักและเก้านิกายมากนัก เขาไม่กล้าสอบถามความเป็นมาของเรื่องนี้โดยตรงซึ่งจะเป็นการกระทำที่น่าสงสัยสำหรับคนเหล่านั้นและทำได้เพียงสืบหาเบาะแสบางส่วนเท่านั้น

ด้วยการที่ทราบว่าสถานการณ์ในสมรภูมิรบเดนตายเต็มไปด้วยภยันตรายที่คาดไม่ถึง หากมิใช่ผู้ที่มีความแข็งแกร่งในระดับสูง เกรงว่าการเอาตัวรอดคงเป็นไปได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้น ในสมรภูมิรบเดนตายดังกล่าว สิ่งที่น่าหวาดหวั่นมากที่สุดมิใช่สิ่งที่ปรากฏให้เห็นอย่างเปิดเผยชัดเจน หากแต่เป็นสิ่งที่อยู่ในมุมมืดที่ยากจะคาดเดาได้

เพราะเหตุนั้น แม้ทราบว่าตัวแทนของเมืองเทียนหยวนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมีมากกว่ายี่สิบคน ทว่าจ้าวไห่กลับส่งป้ายหยกมาเพียงสิบกว่าป้ายเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจะสื่อสิ่งใด

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณลุงซื่อมาก”

สีหน้าของจ้าวเหลียงกลายเป็นจริงจังขึ้นทันทีและกล่าวขอบคุณจ้าวซื่อด้วยความจริงใจ

“ลุงซื่อ ท่านพักอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ อีกไม่กี่วันข้างหน้า ข้าและพี่รองจะเดินทางไปที่เมืองเทียนยงกับท่านด้วย”

จ้าวตั๋วกล่าวเชิญชวนอย่างสบาย ๆ เขาเองก็คุ้นเคยกับจ้าวซื่อมากเช่นกัน

เขาและจ้าวเหลียงวางแผนที่จะเดินทางไปยังเมืองเทียนยงในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเพื่อรอทราบผลของการคัดเลือกในรอบสุดท้าย อีกทั้งพวกเขาก็ไม่ได้พบหน้าพี่ใหญ่ของตนมานานเหลือเกินและต้องการใช้โอกาสนี้ในการไปพบกับเขาที่นั่น

“เข้าใจแล้ว พี่ใหญ่ของท่านทั้งสองก็กำชับข้าไว้เช่นกันว่าต้องเชิญพวกท่านไปที่เมืองเทียนยงให้จงได้”

จ้าวซื่อตอบตกลงทันทีและคลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตร

“พี่รอง ข้าจะส่งลุงซื่อไปพักผ่อนก่อน”

จ้าวตั๋วก้าวออกไปประคองจ้าวซื่อพร้อมกล่าวกับจ้าวเหลียงและฉินอวี้โม่

“ไปเถอะ”

จ้าวเหลียงไม่คัดค้านแต่อย่างใด ตอนนี้เขาเองก็มีเรื่องที่ต้องหารือกับฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เช่นกัน

“ดูเหมือนว่าการคัดเลือกในรอบสุดท้ายจะมีลับลมคมในมากกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก”

ซ่างสี่ซานคิดไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนกล่าวออกมา ในเมื่อเจ้าเมืองเทียนยงส่งข่าวมาเช่นนี้ มันย่อมเป็นความจริงอย่างแน่นอน การคัดเลือกครานี้จะต้องมีสิ่งที่คาดไม่ถึงมากมายเป็นแน่

“น้องอวี้โม่ เหตุใดเจ้าจะต้องเข้าร่วมในการคัดเลือกนี้ด้วยเล่า ? หากต้องการเข้าไปในนิกายหมื่นบุปผา มันก็มิใช่มีเพียงการคัดเลือกนี้เสมอไป ข้าเชื่อว่าในอนาคตจะต้องมีโอกาสอื่นอีกแน่นอน”

โหรวฉิงจับมือฉินอวี้โม่และกล่าวด้วยสีหน้าเป็นห่วงอย่างชัดเจน

นอกเหนือจากการเข้าสู่สามสำนักและเก้านิกายผ่านทางการคัดเลือกนี้ มันก็ยังพอมีหนทางอื่นอยู่อีกเช่นกัน ในเมื่อการคัดเลือกดูจะซ่อนเร้นไปด้วยอันตรายเช่นนี้ การหลีกเลี่ยงปัญหาและหาทางอื่นก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่า

“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ วิธีนี้น่าสนใจกว่ามาก ถึงแม้จะไม่ทราบว่าผู้ใดเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงในการคัดเลือกนี้ ข้าเชื่อว่าจะต้องมีแผนการสมคบคิดรออยู่อย่างแน่นอน บังเอิญว่าข้าก็สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับสมรภูมิรบเดนตายอยู่เช่นกัน”

ฉินอวี้โม่ปฏิเสธข้อเสนอของโหรวฉิงทันทีและไม่คิดที่จะถอนตัวแม้แต่น้อย

นับประสาอะไรกับสิ่งอื่น ความแปลกประหลาดและไม่ชอบมาพากลที่รับรู้ในตอนนี้ยิ่งกระตุ้นความสงสัยใคร่รู้ของนางเกี่ยวกับสมรภูมิรบเดนตายแห่งนั้นมากยิ่งขึ้น บางทีการคัดเลือกครานี้อาจนำไปสู่การไขปริศนาบางอย่างก็เป็นได้…

“ด้วยความแข็งแกร่งของอวี้โม่และโม่ฉือ ต่อให้สมรภูมิรบเดนตายจะอันตรายเพียงใด การเอาตัวรอดก็คงจะมิใช่เรื่องยาก ทว่าเป็นบรรดาศิษย์ของพวกเราสามตระกูลต่างหากที่จำเป็นต้องเผชิญกับความเสี่ยงนั้น”

ซ่างสี่ซานกล่าวและถอนหายใจยาว แม้ระดับพลังของศิษย์ผู้ถูกเลือกของทั้งสามตระกูลใหญ่จะไม่ด้อยไปกว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเท่าใดนัก ทว่าไพ่ตายในการเอาตัวรอดของพวกเขาก็ด้อยกว่าอย่างชัดเจน เมื่อเข้าไปในสมรภูมิรบเดนตาย พวกเขาจะมีโอกาสเอาตัวรอดเพียงริบหรี่เท่านั้น

“ทางที่ดีแต่ละตระกูลควรที่จะส่งศิษย์เพียงคนเดียวจะดีกว่า เราจะเลือกศิษย์ที่มีฝีมือดีที่สุดและมอบไพ่ตายทั้งหมดที่มีให้กับศิษย์ผู้นั้นซึ่งจะช่วยให้มีโอกาสเอาตัวรอดเพิ่มมากขึ้น”

เฉินเซี่ยวลั่วก็ไตร่ตรองครู่ใหญ่และตัดสินใจได้ในที่สุด ศิษย์สองคนที่ถูกเลือกมาก่อนหน้านี้จะถูกเปลี่ยนกลายเป็นศิษย์เพียงคนเดียวเท่านั้น

ทั้งสามตระกูลใหญ่มีไพ่ตายซ่อนไว้มากพอสมควร หากต้องแบ่งสรรให้กับศิษย์สองคนก็มิใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกเขา ทว่าหลังจากทราบข่าวจากเมืองเทียนยง ด้วยความลึกลับที่คาดไม่ถึงเช่นนั้น ต่อให้มอบไพ่ตายทั้งหมดให้กับศิษย์เพียงคนเดียว คนเหล่านั้นก็อาจไม่สามารถเอาตัวรอดได้ด้วยซ้ำ

“เอาล่ะ ตกลงตามนั้น หลังจากนี้เราก็จะวางแผนให้พวกเขาหาทางพบกันให้ได้”

ซ่างสี่ซานพยักศีรษะตอบรับก่อนหันไปกล่าวกับฉินอวี้โม่ “อวี้โม่ โม่ฉือ หากพบศิษย์จากสามตระกูลของเราและไม่ลำบากเกินไปนัก เจ้าช่วยพาพวกเขาติดตามไปด้วยได้รึไม่ ?”

หากเป็นเรื่องความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ พวกเขาไม่นึกสงสัยแม้แต่น้อย

การคัดเลือกในรอบสุดท้ายนี้เต็มไปด้วยภยันตรายมากมาย ในความคิดของซ่างสี่ซาน ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือคือตัวแปรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ตราบใดที่ได้ติดตามคนทั้งสอง ความร้ายแรงของวิกฤตที่ต้องเผชิญก็จะลดต่ำลงมากและความหวังในการเอาตัวรอดก็จะเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน

“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ เราจะช่วยอย่างเต็มที่”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะตอบรับอย่างไม่ลังเลและนางก็คาดเดาไว้แล้วว่าทั้งสามตระกูลจะเลือกศิษย์คนใด

ทุกคนหารือกันต่อครู่ใหญ่ก่อนแยกย้ายกันกลับไปเตรียมความพร้อมในส่วนของตน

ในสามวันหลังจากที่ได้รับป้ายหยก ผู้เข้าร่วมการคัดเลือกจะต้องทำลายป้ายหยกของตนเพื่อเข้าสู่สมรภูมิรบเดนตาย และกล่าวได้ว่าเป็นเวลาที่กระชั้นชิดอย่างแท้จริง

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไม่ได้เตรียมความพร้อมมากนัก ฉินอวี้โม่เพียงหลอมอุปกรณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ จำนวนหนึ่งและเก็บไว้ในแหวนมิติเพื่อใช้ในยามฉุกเฉินหากเกิดกรณีที่พลังของคฤหาสน์เฟิงหัวถูกปิดกั้นเมื่ออยู่ในมิติพิเศษแห่งนั้น

ภายในชั่วพริบตา เวลาสามวันก็ผ่านไป…

เช้าตรู่ของวันนี้ ทุกคนมารวมตัวกัน ณ จวนเจ้าเมืองของเมืองเทียนหยวน

และก็เป็นจริงดังที่ฉินอวี้โม่คาดไว้ ตัวแทนผู้ถูกเลือกจากทั้งสามตระกูลใหญ่คือคนที่นางรู้จักเป็นอย่างดี

โหรวรั่วจากตระกูลโหรว เฉินหยางชั่วจากตระกูลเฉินและซ่างจู๋มู่จากตระกูลซ่าง เมื่อรวมกับเฝิงเยี่ย ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ ตัวแทนทั้งหมดก็มีอยู่หกคนด้วยกัน

“ทุกคน พวกเจ้าทั้งหมดล้วนเป็นจอมยุทธ์มากพรสวรรค์ของเมืองเทียนหยวนของเรา ข้าไม่ขอให้พวกเจ้าผ่านการคัดเลือกและเข้าร่วมกับหนึ่งในสามสำนักและเก้านิกายได้สำเร็จ ทว่าข้าเพียงหวังว่าพวกเจ้าจะรอดชีวิตกลับมาได้ก็เท่านั้น ข้าจะรอพบทุกคนที่เมืองเทียนยง ขอให้ทุกคนโชคดี !”

จ้าวเหลียงมอบป้ายหยกให้กับทุกคนขณะกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

“ขอรับท่านเจ้าเมือง เราทุกคนจะพยายามอย่างเต็มที่ !”

ซ่างจู๋มู่และคนอื่น ๆ สบตากันด้วยแววตามุ่งมั่น

หลังจากทำลายป้ายหยก จอมยุทธ์ทั้งหกก็หายวับไปต่อหน้าทุกคน