บทที่ 1871 มูลค่าเท่าไร
เป่ยโต่วพุ่งไปหาเยี่ยหวันหวั่นเป็นคนแรกและมองไปรอบด้าน
เมื่อได้ยินดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็เหล่ตามองเป่ยโต่ว รอเขามาแตงกวาก็เย็นหมดแล้ว
“พี่เฟิง ไม่เป็นไรนะ” ชีซิงที่อยู่ด้านข้างมองเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ยถาม
เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้าเล็กน้อยและตอบว่า “ไม่เป็นไร”
“กลางวันแสกๆ ฟ้าดินสว่างโร่แต่ยังมีคนหน้าไม่อายเหมือนพวกเราพันธมิตรอู๋เว่ย ปล้นผู้คนในที่สาธารณะ นี่กำลังเตรียมแย่งงานของพวกเราเลยนะ!” เป่ยโต่วเอ่ยด้วยสีหน้าโมโห
“ผู้นำรู้ที่มาของอีกฝ่ายไหมครับ”
เวลานี้ผู้อาวุโสใหญ่ก้าวขึ้นมาข้างหน้าและเอ่ยถาม
ตอนพวกเขาตามสืออีไปสืบค้นเรื่องสมาชิกของพันธมิตรอู๋เว่ยที่ซือป๋ออี้จับไปขัง ก็ได้รับโทรศัพท์บอกว่า ผู้นำถูกคนสกัด แม้แต่พวกเขาที่เป็นสมาชิกหัวกะทิของพันธมิตรอู๋เว่ยก็จัดการไม่ได้ เกรงว่าคนที่สกัดผู้นำน่าจะเป็นคนที่มาจากรัฐอิสระ
“น่าจะเป็นคนของรัฐอิสระน่ะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น ผู้อาวุโสสามก็ขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด หลังผ่านไปชั่วครู่ก็เอ่ยว่า “ผู้นำ ใช่คนของสมาคมอู๋เทียนหรือเปล่า…”
พวกเขาเพิ่งหลอกผู้นำของสมาคมอู๋เทียนซือป๋ออี้เข้าสถานีตำรวจ ถ้าเผชิญกับการล้างแค้นของสมาคมอู๋เทียน นั่นก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
“ไม่น่าใช่” เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้า
ด้วยขนาดของสมาคมอู๋เทียน น่าจะรับมือกับผู้แข็งแกร่งก่อนหน้านี้ไม่ไหว อีกอย่าง จุดประสงค์ของคนคนนั้นชัดเจน ไม่ใช่เพื่อเอาชีวิตเธอแต่พุ่งเป้ามาที่แหวน ดังนั้นจึงไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับสมาคมอู๋เทียนถึงจะถูก
“งั้นก็แปลกแล้ว…ผู้นำ ผมได้ยินมาว่าสมาชิกของพันธมิตรอู๋เว่ยพูดว่า คนคนนั้นอยากจะแย่งแหวนของคุณ…” ผู้อาวุโสมองเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ย
“ใช่” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้ายอมรับตามตรง
“ผู้นำ นั่นคือแหวนอะไร ไม่ทราบว่าสะดวกให้ผมดูสักหน่อยได้ไหมครับ” ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ย
เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ได้คิดมาก กับพวกผู้อาวุโสใหญ่ ยังไม่จำเป็นต้องปกปิด
เวลานั้นเยี่ยหวันหวั่นจึงถอดแหวนออกจากนิ้วมือและส่งให้ผู้อาวุโสใหญ่
เมื่อเห็นดังนั้น พวกชีซิงกับเป่ยโต่วแล้วก็ผู้อาวุโสสามต่างก็พากันล้อมเข้ามา
แหวนในมือของผู้อาวุโสใหญ่ เรียบง่ายไร้ลวดลาย ไม่รู้ว่าทำจากวัสดุอะไร เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดจึงจะเห็นว่าที่ด้านในแหวนยังมีวัชพืชต้นหนึ่ง แหวนวงนี้ดูๆ แล้วธรรมดามาก
“แกดูเสร็จหรือยัง ดูเสร็จแล้วก็เอามาให้ฉันดูบ้าง” ผู้อาวุโสสามเหล่ตามองผู้อาวุโสใหญ่
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสใหญ่ก็ส่งแหวนให้กับผู้อาวุโสสาม
หลังผู้อาวุโสใหญ่สำรวจแหวนอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยังมองไม่ออก
“ผู้อาวุโสสาม มาๆๆ เอาแหวนมาให้ผมดู” เป่ยโต่วรีบเอ่ยกับผู้อาวุโสสามและแบมือ
แต่ผู้อาวุโสสามทำเพียงเหล่ตามองเป่ยโต่วแต่ก็ไม่ได้สนใจและส่งแหวนคืนให้กับเยี่ยหวันหวั่นโดยตรง
“ผู้นำ แหวนวงนี้น่าจะมีอายุมากแล้ว อีกอย่างวัสดุค่อนข้างพิเศษ…น่าจะมีมูลค่าพอสมควร…” ผู้อาวุโสสามครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปเอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่น
“มีมูลค่า…มีมูลค่าเท่าไร” เยี่ยหวันหวั่นถามโดยไม่รู้ตัว
“ไม่แน่ใจครับ…” ผู้อาวุโสสามส่ายหน้า เขาไม่ใช่คนขายแหวนสักหน่อย ไฉนเลยจะรู้ว่ามีมูลค่าเท่าไร
“งั้น นอกจากมีมูลค่าแล้วยังมีประโยชน์อื่นอีกไหม” เยี่ยหวันหวั่นมองผู้อาวุโสสามพลางเอ่ยถาม
“มีประโยชน์อื่น…น่าจะมีมูลค่านี่แหละครับ…นอกจากมีมูลค่าแล้ว ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อะไรอีก” ผู้อาวุโสสามมีสีหน้าว่างเปล่า หรือว่าแหวนวงนี้จะยังมีประโยชน์อื่นอีก
เวลานั้นสายตาของเยี่ยหวันหวั่นก็ตกลงบนตัวของผู้อาวุโสใหญ่
ทุกคนต่างก็รู้ว่าในพันธมิตรอู๋เว่ย คนที่มีความรู้หลากหลายและกว้างขวางมากที่สุดก็คือผู้อาวุโสใหญ่ บางทีผู้อาวุโสใหญ่อาจจะรู้ถึงประโยชน์ของแหวนนี้ก็ได้
—————————————————————–
บทที่ 1872 สายของซือเยี่ยหาน
“ผู้นำ ผมก็ไม่แน่ใจ ว่าแหวนวงนี้พิเศษตรงไหน…ถ้าไม่มีคนมาแย่งละก็ ผมก็คิดว่าแหวนวงนี้คงเป็นแค่เครื่องประดับเท่านั้น…แต่ว่า ถ้าเป็นแค่เครื่องประดับ แต่ทำไมถึงดึงดูดยอดฝีมือของรัฐอิสระให้มาแย่งได้ ต่อให้เป็นของมีค่าขนาดไหนก็ไม่น่ามีคนกล้ามาแย่งของของพวกเราพันธมิตรอู๋เว่ย…นอกเสียจาก ไม่เกี่ยวกับเงิน มีความหมายพิเศษอื่นอีก” หลังจากผู้อาวุโสใหญ่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็หันมาเอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่น
เวลานี้ในใจของเยี่ยหวันหวั่นย่อมรู้ดี แหวนวงนี้ต้องมีประโยชน์อื่นอีก แต่ว่า…จะมีประโยชน์อะไรกันแน่ นี่ต่างหากที่สำคัญ ถ้าไม่รู้ชัดเจนแล้วเจ้าสิ่งนี้อยู่บนตัวเธอก็กลับจะกลายเป็นเผือกร้อน
แน่นอนว่าเผือกร้อนน่าจะเป็นแค่ที่ประเทศจีน เธอไม่เชื่อว่าหลังกลับไปรัฐอิสระแล้วจะยังมีใครกล้ามาแย่งของของเธอ!
“ผู้นำ หลังกลับไปรัฐอิสระ ผมจะให้คนสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง ถ้ารู้ว่าใครแย่งแหวนของผู้นำ จะต้องทำให้มันอยู่ไม่สู้ตาย กวาดล้างทั้งครอบครัว” ในดวงตาของผู้อาวุโสสามวาบแววเย็นเยียบ
แต่ไหนแต่ไรมาก็มีแค่พวกเขาพันธมิตรอู๋เว่ยแย่งของของคนอื่น พันธมิตรอู๋เว่ยเพิ่งถูกคนแย่งของอย่างนี้เป็นครั้งแรก…กระทั่งว่าคนที่ถูกแย่งของยังเป็นถึงผู้นำของพันธมิตรอู๋เว่ย ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป จะให้พวกเขาพันธมิตรอู๋เว่ยยืนยังไงในรัฐอิสระ นี่มันน่าอายยิ่งกว่าการแจ้งตำรวจจับซืออู๋เทียนเสียอีก…
เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ได้ใส่ใจนัก กลับกันแหวนวงนี้ ในตอนนี้ก็ยังอยู่บนมือเธอ ชายร่างผอมนั่นยังไม่ได้แย่งไป ไม่ว่าจะสืบค้นตัวตนของชายร่างผอมได้หรือไม่ เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ได้คาดหวังอะไรทั้งนั้น
ในเมื่อชายร่างผอมรู้ตัวตนของเธอ แต่ก็ยังกล้ามาแย่งแหวนอย่างไม่เกรงกลัวใคร งั้นก็อธิบายได้สองอย่าง
อย่างแรก ชายร่างผอมเตรียมการทั้งหมดไว้นานแล้ว ต่อให้พันธมิตรอู๋เว่ยสืบค้นอย่างเต็มกำลังก็ไม่มีทางหาเจอ
อย่างที่สอง กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังชายร่างผอมนั้นไม่มีทางอ่อนแอไปกว่าพันธมิตรอู๋เว่ย ยิ่งไม่กลัวว่าจะไปหาเรื่องพันธมิตรอู๋เว่ยเข้า แม้ว่าจะให้ผู้อาวุโสสามตามสืบก็ทำอะไรไม่ได้
ดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นจึงมองว่าสืบเจอไม่เจอ สำหรับเธอแล้วไม่สำคัญแม้แต่น้อย
ไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นพูดต่อ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาก่อน
ชื่อที่โทรมาคือ—เบบี๋สุดที่รัก
นี่คือชื่อที่เยี่ยหวันหวั่นใช้บันทึกเบอร์ของซือเยี่ยหาน
หลังจากที่เป่ยโต่วที่อยู่ด้านข้างเหลือบมองหน้าจอมือถือของเยี่ยหวันหวั่น ก็พลันเบิกตากว้าง สองตาเปล่งแสง “เชี่ย! เบบี๋สุดที่รัก? พี่เฟิง พี่บันทึกชื่อใครหวานเลี่ยนแบบนี้เนี่ย ใครอ้ะๆ”
ชีซิงไม่สนใจเป่ยโต่วแต่สายตากลับมองไปที่เยี่ยหวันหวั่นพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
เยี่ยหวันหวั่นมองชื่อของผู้โทรก็มีสีหน้าชะงักไปเล็กน้อย
หมายเลขนี้ไม่ได้แสดงมานานแล้ว
หลังจากตกใจเล็กน้อย เยี่ยหวันหวั่นก็รับสายด้วยใบหน้าเหมือนยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ฮัลโหล ที่รักเหรอ”
ใช้เบอร์ประเทศจีนโดยเฉพาะอยากสื่อว่าเขาไม่ได้อยู่รัฐอิสระใช่ไหม เค้นสมองคิดจังเลยนะ
เป่ยโต่วกระซิบแขวะกับชีซิงเสียงสั่น “เชี่ย เสียงหวานจ๋อยของพี่เฟิงนี่ทำเอาหนังไก่ฉันเกือบลุกแล้ว!”
“เธออยู่ไหน” เสียงทุ้มเย็นของซือเยี่ยหานดังขึ้นจากปลายสาย
“ฉันเหรอ แน่นอนว่าต้องอยู่ที่เมืองหลวงสิ! ทำไมเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตาปริบๆ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแน่นอนอยู่แล้ว
เมื่อได้ยินเยี่ยหวันหวั่นบอกว่าตัวเองอยู่ประเทศจีน เสียงปลายสายนั้นก็อ่อนโยนลงหลายส่วน “ไม่มีอะไร อย่าวิ่งไปมามั่วซั่ว”
…………………………………….