ตอนที่ 2075 มีบางอย่างไม่ถูกต้อง

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2075 มีบางอย่างไม่ถูกต้อง

“กว่าจะได้คริสตัลเพชรเม็ดนี้มา เราต้องใช้กำลังพลกว่าหมื่นคนและสิ้นเปลืองทรัพยากรมหาศาล” เจ้าสำนักคุ่ยพยักหน้า

เขาคือผู้วางแผนในปฏิบัติการครั้งนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ

จริงอยู่ว่าราคาค่างวดของมันแสนจะน่าสะพรึง แต่ก็คุ้มค่าหากจับอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มาได้

นอกจากเลือดและแก่นอสูร แม้แต่ผิวหนังและกระดูกของพวกมันก็เป็นของล้ำค่าที่มีมูลค่ามหาศาล ถ้าสำนักดาวเจ็ดดวงเปิดประมูลชิ้นส่วนทั้งหมด ก็แน่ใจได้เลยว่าจะสามารถชดเชยเงินทองที่เสียไปและได้กลับคืนมาอย่างน้อยเป็น 10 เท่า!

เมื่อ 2 เดือนก่อน อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้งหมดที่มีอยู่ในทวีปที่ถูกลืมล้วนแต่มาจากหอเทพเจ้า พวกมันไม่เคยถูกพบที่ไหนมาก่อน จึงไม่มีใครตามล่าได้สำเร็จ

ด้วยเหตุนี้ หากพวกเขาทำได้เป็นกลุ่มแรก ก็ไม่ใช่แค่ปรากฏการณ์ใหม่ แต่ยังขายชิ้นส่วนของมันได้ราคางามด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น แก่นอสูรกับเลือดอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ก็ช่วยยกระดับวรยุทธได้ ในโลกที่พละกำลังมีอำนาจเหนือทุกอย่าง เหล่านักรบพร้อมจ่ายไม่อั้นหากสิ่งนั้นจะช่วยยกระดับวรยุทธของพวกเขาให้สูงขึ้น

ดังนั้น สำนักดาวเจ็ดดวงจึงเริ่มเตรียมการทันทีที่ได้ข่าวว่ามีอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นในทะเลพลัดดาว ซึ่งไม่ว่าจางเซวียนจะบังเอิญเข้ามาหรือไม่ พวกเขาก็ต้องออกตามล่ามันอยู่ดี

จางเซวียนพยักหน้า

เป็นไปได้ว่ามีแต่สำนักดาวเจ็ดดวงที่แสนมั่งคั่งเท่านั้นที่สามารถทุ่มเททรัพยากรมหาศาลเพื่อปฏิบัติการนี้ อีก 5 สำนักที่เหลือคงต้องเสี่ยงกับการหมดตัวหากจะทำตาม

แน่นอนว่าหอนิรันดร์มีทรัพยากรมากพอที่จะทำแบบนี้ แต่ก็ยากจะชี้ชัดลงไปเพราะความที่มันแสนจะลึกลับ หอนิรันดร์มีสาขามากมายอยู่ในเมืองขั้น 2 และเมืองอื่นๆที่เหลือ แต่ตำแหน่งที่ตั้งของสำนักงานใหญ่และปริมาณกำลังพลของมันก็ยังคงเป็นความลับ

ขณะที่ทั้งสามพูดคุยกัน พระจันทร์เต็มดวงก็ส่องสว่างกลางอากาศ ผิวหน้าของมหาสมุทรเกิดการกระเพื่อมทันทีราวกับมีแผ่นดินไหว

ผืนน้ำเริ่มเกรี้ยวกราด ทำให้ผิวหน้าที่มีลักษณะเหมือนกระจกเงาบิดเบี้ยวอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นภาพประหลาด

ในเวลานี้ ดูราวกับว่าดาวทุกดวงได้ดำดิ่งลงสู่ท้องทะเล

“มันเริ่มแล้ว” จางเซวียนพึมพำ

เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับผู้อาวุโสเฟิงพยักหน้า

เป็นอย่างที่จางเซวียนพูด มีบางอย่างเกิดขึ้นในทะเลคันฉ่องน้อยจริงๆ ซึ่งเป็นผลจากพระจันทร์เต็มดวง แมลงเม่าใบไม้สีเงินบินว่อนไปมาด้วยความตื่นตระหนก ทำให้ผิวน้ำที่กำลังกระเพื่อมเริ่มปั่นป่วน หากพวกเขายังใช้ค่ายกลคู่วังวนวารีอยู่ ตอนนี้มันคงหมดสภาพไปแล้ว

“มันมาแล้ว…” ผู้อาวุโสเฟิงพูด

ทั้งสามเงยหน้า เห็นเต่าทะเลตัวมหึมาว่ายช้าๆมาจากระยะไกล

เต่าทะเลตัวนี้มีรูปร่างใหญ่โตมาก เพียงแค่ความกว้างของมันก็มากกว่า 100 เมตรแล้ว มันดูเหมือนเรือดำน้ำลำใหญ่ที่ดำดิ่งลงมาในทะเล แม้ฝูงแมลงเม่าใบไม้สีเงินก็ไม่กล้าขวางทาง

“มันเป็นอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์จริงๆ” จางเซวียนพึมพำ

การเคลื่อนไหวของเต่าทะเลตัวนี้หนักแน่นและเชื่องช้า แต่ในแง่ของพละกำลัง มันเทียบเท่ากับเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวเลยทีเดียว หากต้องปะทะกัน ต่อให้พวกเขาสามคนผนึกกำลังกันก็ไม่น่าสู้กับมันได้

จางเซวียนเป็นนักรบอมตะขั้นสูงแล้ว เขามั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้ไร้เทียมทานในบรรดานักรบที่มีวรยุทธขั้นเดียวกัน แต่ช่องว่างระหว่างวรยุทธอมตะขั้นสูงกับขั้นกึ่งสรวงสวรรค์นั้นแตกต่างกันเกินไป

หากเป็นครั้งอื่น เขาคงเผ่นหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้หากต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ ไม่มีทางกล้าเผชิญหน้ากับมันโดยตรงแน่

“เตรียมเปิดใช้งานค่ายกล” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวพูดอย่างเคร่งขรึมขณะขับเคลื่อนพลังปราณเต็มพิกัด เขาพร้อมจะปล่อยพลังงานไปพร้อมกับค่ายกลเพื่อเล่นงานเจ้ายักษ์ใหญ่ตัวนี้ให้หนักหน่วงที่สุด

การจะทำให้อสูรที่มีวรยุทธระดับนี้ยอมจำนนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แทนที่จะมัวสิ้นเปลืองความพยายาม ควรเล่นงานมันตรงๆจะดีกว่า

“มีบางอย่างไม่ถูกต้องนะ…” จางเซวียนเลิกคิ้ว

“อะไรที่ไม่ถูกต้อง?”

ทั้งคู่หันมา

เต่าหลังดำเข้าใกล้พวกเขามากแล้ว หากยังไม่เปิดใช้งานค่ายกลตอนนี้ ก็มีโอกาสสูงที่เต่าตัวนั้นจะรี่เข้าไปกลืนกินคริสตัลเพชร หากมันหนีออกจากอาณาบริเวณของค่ายกลไปได้ ทุกอย่างที่พวกเขาเตรียมการไว้ก็จะสูญเปล่า!

“เต่าหลังดำตามรอยคริสตัลเพชรมา และสถานการณ์ก็ดูเหมือนจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น เพราะฉะนั้น มันควรตรงรี่เข้าฉกฉวยคริสตัลเพชรไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงอ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้นล่ะ เหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง…พวกคุณไม่รู้สึกว่ามันประหลาดบ้างหรือไง?” จางเซวียนตั้งคำถาม

เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับผู้อาวุโสเฟิงครุ่นคิด แล้วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างประหลาดจริงๆ

เต่าหลังดำตัวใหญ่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะฉกฉวยคริสตัลเพชรไปได้ทันที แต่แทนที่จะทำอย่างนั้น มันกลับวนเวียนไปมา ราวกับไม่รู้ว่าคริสตัลเพชรอยู่ที่ไหน

แผนการของมันคือฉกฉวยคริสตัลเพชร จากนั้นก็สังหารผู้อาวุโสเฟิงกับเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวด้วยการ ยืมมือแมลงเม่าใบไม้สีเงิน ซึ่งโอกาสที่จะทำอย่างนั้นได้ก็อยู่ตรงหน้าแล้ว แต่มันกลับไม่ยอมลงมือทำอะไร

“ฮ่าฮ่า…ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมมันมุ่งหน้ามาทางนี้ แปลว่ามันรู้ว่ามีสิ่งนี้อยู่ อย่างคำพูดที่ใครๆพูดกันว่า ‘มนุษย์ตายเพราะความโลภ นกก็ตายเพราะอาหาร’ ในท้ายที่สุด อสูรก็ไม่ได้เป็นมากกว่าอสูรหรอก มันยอมตายเพียงเพื่อเพชรเม็ดเดียว ชู่วววว…ผมคงจะหยาบคายไปหน่อยหากไม่ยอมทำอะไรเมื่อเหยื่อชิ้นใหญ่มาอยู่ตรงหน้าแล้ว…”

ขณะที่ทั้งสามกำลังพยายามขบคิดหาสาเหตุของความผิดปกตินี้ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านบน จากนั้นลำแสงเจิดจ้าก็ฉายลงมาจากผิวน้ำ

ร่างหนึ่งดำดิ่งลงมา แหวกผิวน้ำที่ราบเรียบเหมือนกระจกเงาจนลำแสงลอดลงมาได้ครู่หนึ่ง

“นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์?” จางเซวียนหรี่ตา

ผู้ที่เพิ่งลงมาในน้ำเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์จริงๆ เหมือนเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับเต่าหลังดำ!

เรื่องนั้นอธิบายได้ว่าทำไมเต่าหลังดำถึงวนเวียนอยู่แถวนี้แทนที่จะตรงเข้าฉกฉวยคริสตัลเพชรไป ดูเหมือนมันกำลังรอให้หมอนี่เปิดการโจมตีก่อน!

“เขาคือเจ้าสำนักป้อมปราการกระจกดำ, ไป่ซวนเฉิง!” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะส่งโทรจิตอธิบายสถานการณ์กับจางเซวียน

จางเซวียนประเมินผู้มาใหม่ขณะพึมพำ “เจ้าสำนักป้อมปราการกระจกดำ?”

ในบรรดา 6 สำนักใหญ่ ป้อมปราการกระจกดำขึ้นชื่อเรื่องความเชี่ยวชาญในการผลิตอาวุธ ว่ากันว่าดาบถงซังก็เป็นผลงานของหนึ่งในช่างตีเหล็กผู้มีชื่อเสียงของป้อมปราการกระจกดำ ใครจะไปคิดว่าเขาจะได้พบเจ้าสำนักป้อมปราการกระจกดำที่นี่?

“เขามาที่นี่ทำไม?” ผู้อาวุโสเฟิงถึงกับผงะ

เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวส่ายหน้า “ในเมื่อพวกเรายังรู้ว่าอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์จะมาปรากฏตัวในดินแดนนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกที่คนอื่นๆจะรู้เหมือนกัน”

ไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มีค่าแค่ไหน ในเมื่อสำนักดาวเจ็ดดวงอยากตามล่ามันให้ได้ สำนักอื่นๆก็คงไม่ต่างกัน

“เราควรเปิดใช้งานค่ายกลไหม?” ผู้อาวุโสเฟิงตั้งคำถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ไป่ซวนเฉิงเข้ามาอย่างปุบปับแบบนี้ แผนการของพวกเขาจึงยุ่งเหยิงไปหมด

“ตอนนี้รอก่อน…” จางเซวียนยกมือ “ผมปรับปรุงค่ายกลคู่วังวนวารีให้มั่นคงขึ้นแล้ว มันน่าจะรับมือได้แม้แต่กับการเคลื่อนกำลังพลเข้าบุกรุกของฝูงแมลงเม่าใบไม้สีเงิน แต่ในทางกลับกัน การปรับเปลี่ยนนี้ทำให้การเปิดใช้งานมันทำได้ยากกว่าเดิมมาก ดูเหมือนจะมีผมคนเดียวที่ทำได้ ตอนนี้เราควรเก็บสิ่งนี้ไว้เป็นไม้ตายก่อน”

“ไม้ตาย?”

“ตอนแรก ผมคิดว่าเต่าหลังดำใช้ประโยชน์จากพระจันทร์เต็มดวงเพื่อล่อเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวให้เข้าไป แต่คิดดูอีกที แผนการนั้นไม่น่าเป็นไปได้ ไม่มีทางที่มันจะรู้แน่ชัดได้ว่าเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวจะมาตอนไหน”

“แต่เจ้าสำนักไป่ซวนเฉิงสะกดรอยตามมันมาระยะหนึ่งแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เป้าหมายของมันน่าจะเป็นเขา” จางเซวียนตั้งข้อสังเกตพร้อมกับยิ้มออกมา

เขารู้เรื่องที่สะพานเบื้องบนกำลังจะลงมาระหว่างการเดินทางมาที่นี่ ต่อให้เต่าหลังดำรู้เรื่องนี้และคาดการณ์ว่าเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวจะปรากฏตัว ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าอีกฝ่ายจะมาถึงในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง ดังนั้น การที่มันจะเสียเวลาอยู่ที่นี่จึงไม่มีประโยชน์อะไร อีกอย่าง แผนการของมันจะถูกเปิดเผยทันทีที่คืนวันพระจันทร์เต็มดวงมาถึง ดังนั้น ในอีกแง่หนึ่ง ผู้ที่เต่าหลังดำรอคอยมาตลอดจึงไม่น่าจะเป็นเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยว!

เมื่อเจ้าสำนักไป่ซวนเฉิงปรากฏตัว เงื่อนงำชิ้นสุดท้ายก็ปะติดปะต่อกันได้อย่างสมบูรณ์

มีความเป็นไปได้สูงว่าเต่าหลังดำรู้ทั้งเรื่องของคริสตัลเพชรและเจ้าสำนักไป่ซวนเฉิง มันจึงจงใจล่ออีกฝ่ายให้มาที่นี่เพื่อใช้การเคลื่อนกำลังพลของแมลงเม่าใบไม้สีเงินสังหารเขา!

ซู่!

ขณะที่ทั้งสามกำลังหารือกัน น้ำก็กระเพื่อมรุนแรงกว่าเดิม คริสตัลเพชรซึมซับพลังงานจากสินแร่เข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ ฝูงแมลงเม่าใบไม้สีดำเคลื่อนไหวด้วยความวุ่นวายปั่นป่วน ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดรอยแยกบริเวณก้นทะเล

เต่าหลังดำไม่ใส่ใจเจ้าสำนักไป่ซวนเฉิง มันมองไปรอบๆ และเห็นว่าค่ายกลคู่วังวนวารีที่ถูกติดตั้งไว้ ยังคงอยู่ ความกังวลแวบหนึ่งปรากฏในแววตาของมันขณะที่เริ่มรู้สึกว่าอะไรๆไม่เป็นไปตามแผน

แต่มันรู้ดีว่ารอช้ากว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว จึงใช้ร่างกายขนาดมหึมาของมันพุ่งตรงไปข้างหน้า

ฟึ่บ!

ราวกับเกิดการทะลุมิติ เต่าหลังดำไปอยู่ตรงหน้าคริสตัลเพชรในชั่วพริบตาและกลืนมันลงไปทั้งเม็ด

“แบบนี้หรือที่คุณบอกว่าไม่เร็วนัก?” จางเซวียนอ้าปากค้างด้วยความพรั่นพรึง

เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวเคยบอกเขาว่าเต่าทะเลตัวนี้ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพการป้องกันตัว แต่เรื่องความเร็วถือว่าอ่อนด้อย เขาเองก็รับรู้ข้อมูลนั้นและรู้สึกว่ามันดูมีเหตุผล

ใครจะไปรู้ว่าเต่าตัวใหญ่โตขนาดนี้จะพุ่งปรู๊ดปร๊าดได้แบบนั้น?

เร็วกว่าตอนที่เขาใช้พละกำลังเต็มพิกัดเสียอีก!

หากต้องสู้กัน ความเร็วของเต่าหลังดำคงทำให้เขาพ่ายแพ้แน่

เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวหันไปมองผู้อาวุโสเฟิงด้วยสีหน้าปั่นป่วน

“เอ่อ…ผม…ครั้งล่าสุดที่ผมพบมัน มันไม่ได้เคลื่อนไหวรวดเร็วแบบนี้ ความเร็วของมันก็พอๆกับผมนี่แหละ” ผู้อาวุโสเฟิงรีบอธิบาย

แน่นอนว่าเขาค้นคว้าข้อมูลของเต่าหลังดำมาแล้วก่อนจะติดตั้งกับดักเพื่อล่อมัน ซึ่งกับดักทั้งหมดที่ถูกติดตั้งก็มีไว้เพื่อเล่นงานเต่าหลังดำที่เชื่องช้า

พวกเขาไม่คิดเลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา มันปกปิดพละกำลังที่แท้จริงของตัวเองไว้!

“มันฉลาดกว่าที่ผมคิดมาก” จางเซวียนพูดพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ