ตอนที่ 897: ผู้คุมกฎของเผ่าเต่า
ฉิงยี่หยวนโกรธตัวพอง นางยกดาบในมือขวาของนางขึ้นมาและพุ่งไปที่เจี้ยนเฉินด้วยจิตสังหาร นางอยากจะหั่นเจี้ยนเฉินให้เป็นชิ้น ๆ
“ฉิงยี่หยวน อย่าลืมว่าพวกเราอยู่ที่ศาลานะ” เล่อป้าเทียนยิ้มแต่เขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะไปขัดขวางนาง
แสงช่วงโชติพุ่งขึ้นมาจากพื้นและล้อมรอบฉิงยี่หยวนเอาไว้ทั้งหมด แสงสีฟ้าไม่ได้ประทับใจอะไรเป็นพิเศษแต่มันเต็มไปด้วยพลังงานที่มหาศาล มันก่อตัวเป็นคุกแล้วขังฉิงยี่หยวนเอาไว้ในนั้น แสงสีฟ้าบางส่วนไหลเข้าไปในร่างของนางและผนึกพลังของนางไว้ มันตัดการควบคุมพลังเซียนของนาง
“เจ้าสารเลว มันต้องมีสักวันที่ข้าฆ่าเจ้าได้” แม้ว่าจะถูกพันธนาการเอาไว้ ฉิงยี่หยวนก็ไม่สงบลงเลยแม้แต่น้อย นางจ้องอย่างดุร้ายไปที่เจี้ยนเฉิน จากสายตาของนาง ดูเหมือนนางอย่างที่จะเผาผลาญเจี้ยนเฉินไปให้หมดเสียในตอนนี้
เจี้ยนเฉินฝืนยิ้มในขณะที่เขากำลังมองว่าฉิงยี่หยวนกำลังเกรี้ยวโกรธเพียงใด ถ้าฉิงยี่หยวนต้องการที่จะฆ่าเขาจริง ๆ เขาจำเป็นต้องอยู่ที่ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลต่อไปและจากไปไหนไม่ได้ เพราะว่าเจี้ยนเฉินยังไม่มีความสามารถพอที่จะหนีพ้นจากเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 เหมือนกับฉิงยี่หยวนได้
“ฉิงยี่หยวน ตอนนี้น้องเจี้ยนเฉินเป็นแขกของศาลาและถูกเรียกมาโดยท่านเจ้าศาลาโดยตรง เจ้าคิดว่าจะมีที่ให้เจ้ายืนอยู่หรือถ้าเจ้าฆ่าน้องเจี้ยนเฉิน ? ” เล่อป้าเทียนเอ่ยขึ้นมา พร้อมกับแอบหัวเราะในใจในขณะที่เขาเห็นว่าฉิงยี่หยวนนั้นขุ่นเคืองเพียงใดเพราะผู้เยาว์
“ไม่แม้แต่จะคิดเลยว่าข้าจะได้มาเห็นความพ่ายแพ้ของหญิงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิด้วยตนเองแบบนี้ ฉิงยี่หยวนเสื่อมเสียเกียรติทั้งหมดในครั้งนี้ที่ถูกขโมยชุดเอี้ยมไปโดยผู้เยาว์” เล่อป้าเทียนหัวเราะในใจ
สายตาของฉิงยี่หยวนยังคงดุร้ายในขณะที่นางพูดอย่างเกรี้ยวกราด “ถ้างั้นข้าก็จะไปจากอาณาจักรทะเลแล้วกลับไปที่ทวีปเทียนหยวน”
“ฉิงยี่หยวน ยังมีที่เหลือพอที่เจ้าจะกลับไปได้ที่ทวีปเทียนหยวนอีกหรือ ? เจ้าต้องการกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมเดิมและต่อสู้ไปเรื่อย ๆ อย่างนั้นหรือ ? ” โม่ซีรันพูดเสียงแหบห้าว
คำพูดของโม่ซีรันทำให้ฉิงยี่หยวนสงบลงอย่างช้า ๆ สายตาของนางเป็นประกายไปด้วยความครุ่นคิดแต่ความเกลียดชังของนางที่มีต่อเจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ชายชราเดินเข้ามาแต่ไกล “ฉิงยี่หยวน เจ้านั้นถูกพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสมาชิกอาวุโสของศาลาของพวกเรา เจ้าควรจะรู้กฎในปราสาทดีที่สุด ทำไมเจ้าถึงได้ทำความผิดง่าย ๆ และโจมตีคนอื่นในปราสาทกัน ? “
“พวกเราขอคารวะท่านผู้อาวุโสประจำศาลา” เล่อป้าเทียนและคนอื่นทั้งหมดป้องมือไปที่ชายชรา
“ข้าขอคารวะท่านผู้อาวุโสประจำศาลา” เจี้ยนเฉินไม่ลังเลเช่นกันและคำนับผู้อาวุโสประจำศาลา เขาเป็นผู้อาวุโสประจำศาลาคนที่นำเขาเข้าไปหาเจ้าศาลาก่อนหน้านี้
สายตาที่ท่านผู้อาวุโสประจำศาลามองไปที่เจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปอย่างมากในตอนนี้ ในขณะที่เขามองไปที่ผ้าสีขาวที่อยู่ในมือของเจี้ยนเฉิน เขาก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น มุมปากของเขาหยุดไม่ได้ที่จะเผยอยิ้มออกมาลาง ๆ ก่อนที่เขาจะชี้นิ้วออกไป พลังของศาลาก็ปล่อยฉิงยี่หยวนให้เป็นอิสระ
“เจี้ยนเฉิน ในฐานะที่เจ้าเป็นผู้คุมกฎของเผ่าพันธุ์ทะเล จะมีสักวันหนึ่งแน่ ๆ ที่เจ้าจะถึงระดับการฝึกฝนเดียวกันกับข้า เจ้าควรจะเรียกข้าว่าผู้อาวุโสฮง” ผู้อาวุโสฮงเป็นมิตร เขามองไปที่ฉิงยี่หยวนซึ่งโกรธเกรี้ยวและพูดอย่างไม่เร่งรีบ “ฉิงยี่หยวน เจี้ยนเฉินนั้นเป็นผู้คุมกฎ ดังนั้นเจ้าควรจะรู้ว่าเขานั้นสำคัญขนาดไหนต่อศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ข้าหวังว่าเจ้าคงจะไม่ทำผิดพลาดด้วยการไม่ให้อภัยด้วยเรื่องเล็กน้อยหรอกนะ”
ฉิงยี่หยวนกัดฟันและไม่ได้พูดอะไร นางรู้ชัดว่าผู้คุมกฎมีความหมายแค่ไหนต่อศาลา พวกเขาเป็นตัวแทนของผู้อาวุโสประจำศาลาในอนาคต พวกเขาจะเป็นเซียนราชาขั้นสูงสุดในท้ายที่สุดและมีโอกาสสูงที่จะได้เป็นเซียนจักรพรรดิ
นี่ถูกพิสูจน์แล้วจากเรื่องที่ว่าเจ้าศาลาทั้งสามคนของอาณาจักรทะเลนั้นเป็นผู้คุมกฎ แม้แต่ผู้อาวุโสประจำศาลาของทั้งสามศาลายังเป็นผู้คุมกฎเลย
ผู้อาวุโสฮงพูดกับเจี้ยนเฉินอีกครั้ง “เจี้ยนเฉิน เจ้าเป็นแขกที่ได้รับการแต่งตั้งจากนางผู้สูงส่งด้วยตนเอง เจ้าอาจจะยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอแต่เจ้าจะได้รับการปฏิบัติเหมือนกับแขกคนอื่น เจ้าจะได้ห้องของตัวเองในปราสาทและได้รับเหรียญผลึกชั้นยอด 100,000 เหรียญทุกปี” ผู้อาวุโสส่งจี้หยกให้เจี้ยนเฉินในขณะที่เขาพูดก่อนที่จะพูดต่อ “นั่นเป็นกุญแจที่ใช้เปิดห้องส่วนตัวของเจ้า เจ้าน่าจะหาห้องของเจ้าได้โดยใช้กุญแจนั้นและมันจะทำให้เจ้าควบคุมม่านพลังที่เหมาะสมกับห้องของเจ้าได้ ถ้าเจ้าต้องการที่จะฝึกฝน เจ้าสามารถเปิดการทำงานม่านพลังและแยกตัวเจ้าออกไปอีกโลก มันจะป้องกันเจ้าจากการถูกรบกวน”
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสฮง” เจี้ยนเฉินขอบคุณพร้อมป้องมือ
ผู้อาวุโสฮงหัวเราะคิกคักและพูด “นี่เป็นสิ่งที่เจ้าสมควรจะได้รับ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก เอาล่ะ เมื่อข้ามอบสิ่งที่ข้าต้องให้เจ้าหมดแล้ว ข้าจะไปทำภารกิจของเจ้าศาลาให้เสร็จก่อน ถึงเวลาที่ข้าจะไปแล้ว” ผู้อาวุโสฮงหันกลับแล้วจากไป
“เจี้ยนเฉินคืนชิ้นส่วนแผนที่มาให้ข้า” เสียงอันเกรี้ยวกราดของฉิงยี่หยวนดังก้องในหูของเจี้ยนเฉินหลังจากที่ผู้อาวุโสฮงจากไป ทั้งหมดที่เขาเห็นคือฉิงยี่หยวนที่กำลังจ้องมองเขาอย่างดุร้ายด้วยใบหน้าที่มืดมน
เจี้ยนเฉินส่ายหัว “ผู้อาวุโส ผู้เยาว์พยายามอย่างมากกว่าที่จะได้รับชิ้นส่วนของแผนที่มา ผู้เยาว์ยังต้องใช้มัน โปรดยกโทษให้ผู้เยาว์ด้วยที่ไม่สามารถคืนให้ท่านได้”
“เจ้า….” ฉิงยี่หยวนเดือดดาลมาก นางชี้ไปที่เจี้ยนเฉินเพราะนางหาคำที่เหมาะจะพูดไม่ได้ นางไม่กล้าที่จะทำอะไรกับเจี้ยนเฉินในตอนนี้ ดังนั้นนางจึงได้แต่กล้ำกลืนความโกรธไว้
“เจี้ยนเฉิน ข้าจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้แน่” ฉิงยี่หยวนจากไปอย่างโกรธเกรี้ยวหลังจากที่นางพูดออกไป นางคว้าเอาชุดเอี้ยมสีขาวจากมือของเจี้ยนเฉินไปพร้อมกับฉีกมันเป็นชิ้น ๆ
“หึหึ น้องเจี้ยนเฉินมีพรสวรรค์จริง ๆ ที่สามารถลดความภาคภูมิใจของหญิงผู้นั้นได้ ข้าอยากจะเห็นว่านางมีหน้าไปพบคนอื่นในอนาคตอีกหรือไม่ และข้าจะดูว่านางยังคงทำตัวห่างเหินอยู่หรือเปล่า” เล่อป้าเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจหลังจากที่นางจากไป
เจี้ยนเฉิน เล่อป้าเทียน โอวหยุน และโม่ซีรันพูดคุยอย่างปกติก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะจากไป แม้ว่าพวกเขาจะสงสัยเกี่ยวกับวัตถุเซียนของเจี้ยนเฉิน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะมีเจตนาร้ายอะไรหลังจากที่ได้ยินความเกี่ยวข้องระหว่างเขากับศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
ในตอนนี้เอง มีร่างพุ่งเข้ามาแต่ไกลด้วยความเร็วสูงมาก เขาพุ่งผ่านหลายสิบกิโลเมตรได้ในพริบตาและมาถึงที่ตรงหน้าเจี้ยนเฉิน
เขาไปชายหลังค่อมที่เต็มไปด้วยรอยย่น ผมของเขาเป็นสีเทาซีดและแต่ละเส้นก็กำลังเล็กลง เขาดูเหมือนจะเสียพลังชีวิตไป
“ปราณของผู้คุมกฎ มันคือปราณของผู้คุมกฎ มันคือปราณของผู้คุมกฎจากเผ่าเต่าของข้า…” ตาของชายชราลุกโชนในขณะที่เขาจ้องเขม็งไปที่เจี้ยนเฉิน เขาตื่นเต้นมาก
“นี่คือปราณของผู้คุมกฎจากเผ่าเต่าของข้า มันคือปราณของผู้คุมกฎจากเผ่าเต่าของข้า ผู้คุมกฎได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้วในเผ่าของข้า” ชายชราพูดด้วยเสียงสั่นเทาและพึมพำกับตัวเองอย่างต่อเนื่องในขณะที่เขาจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างตื่นเต้น
“ผู้คุมกฎของเผ่าเต่า” คำของชายชราทำให้เจี้ยนเฉินอึ้งแต่ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว เขาประหลาดใจในขณะที่เขาคิด “บางทีมันน่าจะใช่ปราณของผู้คุมกฎจากไข่มุกจิตวิญญาณน้ำหรือไม่ ? เทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้ให้ไข่มุกจิตวิญญาณน้ำที่มีปราณของผู้คุมกฎของเผ่าเต่าหรือไม่ ? “
“เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าเป็นคนของเผ่าไหน ? ” ชายชราพูดอย่างตื่นเต้นในขณะที่เขาจับมือของเจี้ยนเฉินเอาไว้
“ผู้อาวุโส ท่านเจ้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้เป็นคนของเผ่าท่าน” เจี้ยนเฉินอธิบาย เขารู้ได้ชัดเลยว่าชายชราแปลกประหลาดคนนี้เป็นเซียนราชา ไม่ใช่คนที่เขาจะสามารถทำให้ขุ่นเคืองได้
“ในเมื่อเจ้าไม่ใช่คนของเผ่าเรา ถ้างั้นเจ้าต้องเป็นผู้คุมกฎที่เติบโตที่อื่นแน่ เอาล่ะ เอาล่ะ นั่นยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ข้าจะพาเจ้าไปที่เผ่าเต่าทันที” ชายชราออกไปจากโถงแล้วดึงเจี้ยนเฉินมาด้วย เขาบินตรงไปด้านนอก
“เฮ้ เจี้ยนเฉิน รอข้าด้วย” ซี่หวังไล่ตามมาอย่างเร่งรีบ เขาตอนนี้ต้องพึ่งพาเจี้ยนเฉิน เขาจะไม่แยกจากเจี้ยนเฉินไปไหนไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
“30,000 ปี ทั้งหมด 30,000 ปี ในที่สุดผู้คุมกฎก็ปรากฏขึ้นในเผ่าเต่าของข้า” ชายชราพึมพำเรื่อย ๆ เขาตื่นเต้นมาก
“ผู้อาวุโส ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ใช่ผู้คุมกฎของเผ่าเต่าของท่าน” เจี้ยนเฉินพยายามอธิบายเพื่อที่จะหลุดจากการจับกุมของชายชรา อย่างไรก็ตาม มือของชายชราหนีบแขนของเขาเอาไว้แน่นเหมือนกรงเล็บที่ยอดเยี่ยม เขาไม่สามารถหลุดออกมาได้ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน ทั้งหมดที่เขาทำได้คือปล่อยให้ชายชราพาเขาไปที่ไหนก็ไม่รู้
“มันไม่ผิดหรอก ไม่มีอะไรผิดเลย คนของเผ่าเดียวกันต้องรู้สึกแบบเดียวกันแน่ ข้าสัมผัสได้ถึงปราณของผู้คุมกฎของเผ่าเต่าจากเจ้า ไม่สงสัยเลยว่าเจ้าเป็นผู้คุมกฎของพวกเรา” ชายชราพูดอย่างมั่นใจ
ในขณะที่เจี้ยนเฉินถูกชายชราบังคับพาไปจากโถง ฉิงยี่หยวนในเสื้อขาวก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ ตรงหน้าทางเข้าของปราสาท นางจ้องอย่างเย็นชาไปที่ด้านหลังของเจี้ยนเฉินและพูดด้วยความเกลียด “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะออกขากปราสาทไปเร็วขนาดนี้ พระเจ้าเข้าข้างข้าแล้ว เมื่อข้าแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนแผนที่กับของนั้นแล้ว ข้าก็จะสามารถกลับไปที่ทวีปเทียนหยวนได้” ฉิงยี่หยวนกระโจนออกมาจากปราสาทลอยฟ้าทันที หลังจากนั้น นางก็ลบพลังแห่งการมีอยู่ของนางและมุ่งหน้าไปยังทิศทางของเจี้ยนเฉินด้วยความระมัดระวัง
ในเวลาเดียวกันนั้น เรื่องที่แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามของศาลาเทพเจ้าอสรพิษและผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามของศาลาวิญญาณสวรรค์ที่ได้ต่อสู้กับฉิงยี่หยวนและอีกทั้งสามคนได้แพร่กระจายไปทั่วอาณาเขตของศาลาวิญญาณสวรรค์ ในการต่อสู้นั้น ได้มีจอมยุทธ 16 ดาวทั้งหมด 11 คนต่อสู้และถอยไปเรื่อย ๆ กินระยะทางมากกว่าแสนกิโลเมตร ทุก ๆ ที่ซึ่งพวกเขาผ่านไปได้ทำให้พื้นดินด้านล่างหายไปและยุ่งเหยิงจากพลังงานที่ทรงพลังที่ยังเหลืออยู่ซึ่งทำให้จอมยุทธคนอื่นรู้ตัว มันสร้างความโกลาหลใหญ่โตไปทั้งอาณาเขตศาลาวิญญาณสวรรค์ ในขณะที่ข่าวลือต่างต่างนานาแพร่กระจายออกไป
ในเวลาเดียวกันนั้น ข่าวที่น่าตกตะลึงที่คล้ายกันก็กระจายไปทั่งศาลาเทพเจ้าอสรพิษเช่นกัน ผู้อาวุโสคุมวินัยของศาลาวิญญาณสวรรค์และแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองของศาลาเทพเจ้าอสรพิษถูกจับกุมไปโดยแอตแลนติส ผู้อาวุโสประจำศาลาของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล พวกเขาถูกพาไปที่ศาลาด้วยเชือกเหมือนกับคนไร้บ้านโดยแอตแลนติสซึ่งทำให้พวกเขาเสียศักดิ์ศรีมาก
ข่าวทั้งสองชิ้นนี้กระจายไปทั่วอาณาจักรทะเลอย่างรวดเร็ว มันทำให้สมาชิกของเผ่าพันธุ์ทะเลนับไม่ถ้วนตกตะลึง ในขณะที่ข่าวลือทั้งหลายกำลังแพร่กระจายไป คนหลายคนเชื่อว่าความสงบสุขของอาณาจักรทะเลกำลังจะถูกทำลายและสงครามระหว่างทั้งสามศาลากำลังจะปะทุขึ้นอีกครั้ง
“ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลถูกก่อตั้งขึ้นโดยเทพเจ้าแห่งท้องทะเลด้วยตัวนางเอง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางเป็นผู้คุมกฎที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักรทะเลของพวกเรา ข้าสาบานว่าข้าจะปกป้องศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล” ผู้สนับสนุนหลายคนของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลสาบานในใจของพวกเขาในเวลาเดียวกัน แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในอาณาเขตของศาลาที่แตกต่างกัน แต่หลาย ๆ คนก็ยังคงบูชาศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลอย่างสูงสุด
เทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้หายสาบสูญไปเนิ่นนานนับปีไม่ถ้วนแต่ความยิ่งใหญ่ของนางยังคงตราตรึงใจหลาย ๆ คนของเผ่าพันธุ์ทะเล
ผู้อาวุโสประจำศาลาทั้งห้าคนคุกเข่าลงอย่างไม่สบายใจบนพื้นของปราสาทศาลาวิญญาณสวรรค์ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลที่ปิดบังเอาไว้ไม่ได้ ในขณะที่ชายวัยกลางคนที่มองเห็นหน้าไม่ชัดกำลังยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา
รูปร่างลักษณะของชายคนนั้นธรรมดามากโดยไม่มีอะไรเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามมันเปล่งไปด้วนรัศมีแรงกดดันที่น่ากลัวมาก
“เจ้าพวกสวะ เจ้าทำเรื่องง่าย ๆยังไม่ได้เลย เจ้าดูผลึกอเวจีถูกเอาไปต่อหน้าต่อตาและผู้อาวุโสคุมกฎยังถูกเอาตัวไปจากพวกศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลอีก ข้าจะใช้พวกเจ้าทำอะไรดี ? ผลึกอเวจีนั้นสำคัญมาก แต่เจ้ายังส่งคนอื่นไปจัดการโดยที่ไม่ใช่เจ้า เจ้าพลาดโอกาสดีนี้ไปได้ยังไง ? ” ชายวัยกลางคนโกรธเกรี้ยวมาก
“โปรดสงบใจลงด้วยท่านเจ้าศาลา โปรดสงบใจ พวกเราทั้งห้าทำได้แย่มาก ได้โปรดลงโทษพวกเราด้วยท่านเจ้าศาลา” ผู้อาวุโสประจำศาลาพูดเสียงต่ำ