บทที่ 810 ชี้ทางให้เธอ + ตอนที่ 811 ตระกูลจ้าวที่ได้ดิบได้ดี

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 810 ชี้ทางให้เธอ + ตอนที่ 811 ตระกูลจ้าวที่ได้ดิบได้ดี โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 810 ชี้ทางให้เธอ

หลังจากเฉินหมิงได้ฟังคำตักเตือนของเขาจึงหลบหลีกไปยังเมืองจินที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านเกิดเมืองนอนเท่าไร ความจริงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าต้นตอของสาเหตุที่เฉินหมิงกับโอหยางปินไม่ถูกกันจะเป็นเพราะขวดยานัตถุ์เล็กๆ ขวดเดียว

เฉินหมิงเป็นคนได้มาก่อนแต่โอหยางปินก็รู้สึกถูกใจเลยฝากให้คนไปบอกเฉินหมิงว่าให้ส่งขวดยานัตถุ์นั่นไปให้เขาด้วยตัวเอง แต่คนอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างเฉินหมิงมีหรือจะยอมตกลง เลยเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมกับครอบครัวเฉินหมิง

แน่นอนว่าหลายปีนี้เฉินหมิงไม่ได้ปล่อยวางเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง ความโกรธแค้นในส่วนภรรยาและลูกชายของเขา เฉินหมิงจะลืมได้อย่างไร?

ส่วนตัวเขาเองก็ไม่มีวันลืมเพราะนั่นก็คือลูกชายเขาเช่นกัน ลูกชายที่จะต้องดูแลและอยู่กับเขาในช่วงบั้นปลายชีวิต เขาจะอยู่ร่วมโลกกับฆาตกรที่ฆ่าลูกชายเขาได้อย่างไร!

เขากับเฉินหมิงเข้าใจทุกอย่างแล้ว เหตุผลที่พวกเขาเอาชนะโอหยางปินไม่ได้เพราะพวกเขาไม่ใช่คนในแวดวงสังคมนั้น และด้วยสถานะคุณชายในตระกูลร่ำรวยของโอหยางปินที่จะบดขยี้พวกเขาให้เหลวแหลกยังไงก็ได้โดยที่ไม่มีใครช่วยพวกเขาได้เลยสักคน เพราะสำหรับคนในแวดวงสังคมแบบนั้นพวกเขาเป็นแค่คนตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ไม่มีค่าอะไร!

ตายไปก็หาคนใหม่มาแทนได้ ประเทศจีนต่อให้ขาดอะไรก็ไม่มีทางขาดคน!

ดังนั้นหากพวกเขาอยากแก้แค้นจริงๆ จะต้องหาที่พึ่งพาที่แท้จริงให้ได้!

นอกจากนี้ที่พึ่งพาแล้วจะต้องไม่มาจากแวดวงสังคมนั้น อดีตพวกเขาเคยคิดจะพึ่งพิงคุณหนูใหญ่เฝิงแต่ผลลัพธ์กลับทำให้เขาผิดหวังอย่างมาก เพราะคุณหนูใหญ่เฝิงก็มาจากแวดวงสังคมเดียวกัน

บางอย่างบนตัวเธอมีส่วนคล้ายคลึงกับคนในแวดวงสังคมแบบนั้น บางสิ่งที่น่ารังเกียจแผ่ออกมาจากภายใน นั่นก็คือความรู้สึกที่ว่าตัวเองเหนือกว่าชาวรากหญ้าอย่างพวกเขา!

ความรู้สึกแบบนี้มันแทรกซึมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย ดังนั้นคนเหล่านี้ไม่มีวันมอบความจริงใจให้กับคนรากหญ้าอย่างพวกเขาได้ ต่อให้คุณหนูใหญ่เฝิงมีความสัมพันธ์อันดีกับเขา แต่ถึงยามคับขันก็ไม่มีทางออกโรงปกป้องเขาแน่นอน

ฉะนั้นพวกเขาต้องดูแลปลูกฝังที่พึ่งของพวกเขาเอง ที่พึ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเองกับมือถึงจะพึ่งได้จริงๆ!

เหยียนหมิงซุ่นจึงเป็นที่ถูกตาต้องใจของเฉินหมิงเป็นอย่างมาก ถึงคอยสังเกตการณ์เกือบสี่ปีจึงแนะนำให้กับเขา เขาเองก็พึงพอใจต่อเหยียนหมิงซุ่นอยู่พอควรเพราะเข้าเกณฑ์ของเขาทุกอย่าง  อาจจล้ำกว่าเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้ด้วยซ้ำ

บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดจนได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจของทั้งคู่ เหยียนหมิงซุ่นไม่กล้าเอ่ยเสียงก่อนเลยนั่งหลังตรงรอให้พี่เฉิงเริ่มพูด ส่วนเขาก็รอคอยด้วยใจที่ประหม่า

เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ พี่เฉิงถึงเงียบไป เขาจึงกังวลว่าเขาอาจจะพูดอะไรผิดไป อย่ามองเพียงแค่ว่าพี่เฉิงนั่นดูตัวซูบผอมจนเหลือแต่ก้างเพราะเขานั้นดูน่าเกรงขามกว่าลุงหมิงที่อ้วนเหมือนลูกบอลเยอะ ต่อให้เขาคิดไตร่ตรองทุกประโยคที่พูดแต่ก็ยังอดกังวลใจไม่ได้อยู่ดี

พี่เฉิงที่คล้ายกำลังหวนนึกถึงความทรงจำในอดีต แต่เขากลับลอบสังเกตเหยียนหมิงซุ่นอยู่และพอใจกับนิสัยใจนิ่งของเขา พี่เฉิงยกแก้วน้ำชาดื่มอย่างรวดเดียวก่อนจะนั่งประสานมือ นิ้วโป้งซ้ายที่สวมแหวนหยกสีเขียวมรกต ขับให้ดูภูมิฐานยิ่งขึ้น

ในที่สุดพี่เฉิงก็เอ่ยปากพูดช้าๆ “ฉันเป็นคนบ้านเดียวกันกับเฉินหมิง เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตัวเท่าฝาหอยจนถึงตอนนี้”

เหยียนหมิงซุ่นยังคงทำหน้าเรียบนิ่งแต่ภายในใจกลับอึ้งมาก ดูท่าพี่เฉิงกับลุงหมิงจะมีความสัมพันธ์ที่ล้ำลึกกว่าที่เขาคิด เจ้าหมอนี่เสแสร้งเก่งจริงๆ

พี่เฉิงพูดต่อ “เฉินหมิงชื่นชมนายเป็นอย่างมาก เขาเลยอยากช่วยนาย เลยหวังให้ฉันช่วยชี้แนะนาย”

เหยียนหมิงซุ่นกล่าวด้วยความนอบน้อม “ขอบคุณลุงเฉินที่ช่วยชี้แนะครับ”

พี่เฉิงยิ้ม “อย่าเพิ่งรีบขอบคุณ เส้นทางที่ฉันให้นายเดินก็ไม่ใช่ทางสว่างอะไรมาก แต่ก็ดีกว่าทางเส้นเล็กๆ ที่นายเลือกเดิน”

เหยียนหมิงซุ่นนั่งเหยียดหลังตรงและคอยรับฟัง พี่เฉิงกลับไม่ได้พูดต่อพลางเปลี่ยนเรื่องถาม “นายเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวเหรอ?”

………………………….

 ตอนที่ 811 ตระกูลจ้าวที่ได้ดิบได้ดี

เรื่องที่เกิดขึ้นในสโมสรเมื่อวานเฝิงไห่ถังเล่าให้เขาฟังหมดแล้ว  และไม่ได้ปิดบังเรื่องที่เซียวเซ่อกับจ้าวเหมยเจอเฮ่อเหลียนเช่อ พี่เฉิงถึงรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นรู้จักกับเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าว แถมดูมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าที่คิด

เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าโดยไม่คิดจะปิดบัง “ผมกับเหมยเหมยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”

พี่เฉิงยิ้มอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัย เขาจงใจถาม “ตระกูลจ้าวมีอิทธิพลในแวดวงการทหารไม่น้อย ทำไมนายไม่ให้เจ้าหญิงน้อยของตระกูลจ้าวช่วยนาย? เมื่อไปอยู่ในค่ายทหาร มีคนคอยคุ้มกันกับไม่มีคนคอยคุ้มกันมันต่างกันโดยสิ้นเชิงนะ”

เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะอย่างเด็ดขาด “ไม่จำเป็น ผมต้องไต่เต้าขึ้นไปด้วยความสามารถของตัวผมเอง!”

เขาสามารถหาผลประโยชน์จากทุกความสัมพันธ์ได้แต่ไม่ใช่ความสัมพันธ์กับคนรัก เขาไม่ยอมให้ตัวเองเสียศักดิ์ศรีแบบนั้นแน่!

พี่เฉิงแค่นเสียงที “นายคิดว่านายจะเก่งสักแค่ไหนเชียว? นายจะพึ่งอะไร? สู้ด้วยชีวิตเหรอ? นายมีกี่ชีวิตให้สู้ คิดว่าตัวเองเป็นแมวเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นสายตาแน่วแน่และหนักแน่น “ต่อให้ผมมีแค่ชีวิตเดียวให้สู้ผมก็จะไม่พึ่งตระกูลจ้าว ผมจะปีนขึ้นไปด้วยตัวผมเอง”

พี่เฉิงแค่ฟังก็รู้แล้วว่าเหยียนหมิงซุ่นกับเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดาเลยอดหัวเราะไม่ได้ เจ้าหมอนี่ดูมีโชคด้านนี้นะถึงได้ตัวเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวมา หากเป็นอดีตคงเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้…

แม้ตอนนี้ตระกูลจ้าวจะได้ดิบได้ดี ภายนอกดูยิ่งใหญ่มีหน้ามีตาแต่เขารู้ว่าตระกูลจ้าวในเวลานี้กำลังตกอยู่ในอันตราย เกรงว่าจะเอาชีวิตตัวเองยังแทบไม่รอด!

ตึกใหญ่ที่ดูอลังการ เวลาพังก็จะเร็วกว่าปกติ!

ความจริงเมื่อครู่เขาแค่ลองหยั่งเชิงเหยียนหมิงซุ่น หากเหยียนหมิงซุ่นเลือกตระกูลจ้าวเขาจะทิ้งเด็กหนุ่มคนนี้ก่อนจะไปเลือกหาคนใหม่อย่างไม่ลังเล

แต่คำตอบของเหยียนหมิงซุ่นสร้างความพึงพอใจแก่เขาอย่างมาก พี่เฉิงเปลี่ยนเรื่องและถามขึ้นกะทันหัน “นายจะยอมมั้ยถ้าจะมีพ่อบุญธรรมสักคน?”

เหยียนหมิงซุ่นชะงัก เขาคิดว่าพี่เฉิงอยากให้ตนนับอีกฝ่ายเป็นพ่อบุญธรรมเลยอดลังเลไม่ได้ เขาไม่คัดค้านเรื่องนี้เพราะมันเป็นทางลัดที่ดีจริงๆ แต่ในใจก็ไม่ค่อยยินยอมเท่าไร หากไม่ถึงเวลาจำเป็นจริงๆ เขาไม่มีทางเลือกใช้วิธีนี้

แต่ปัญหาหลักที่เขาไม่ยอมนับพี่เฉิงเป็นพ่อบุญธรรมเพราะหนึ่งยังไม่สนิท และสองเพราะเบื้องหลังแวดวงสังคมของพี่เฉิง

ถ้าในอนาคตเขาจะมีหน้ามีตาในกองทัพ หากถูกใครสืบได้ว่าเขามีพ่อบุญธรรมที่มีประวัติสกปรก ย่อมส่งผลกระทบต่ออนาคตทางทหารของเขา พี่เฉิงพอจะเดาได้ว่าเหยียนหมิงซุ่นขบคิดสิ่งใดอยู่เลยพูดไปตรงๆ “สบายใจได้ ฉันไม่อยากมีลูกบุญธรรมหรอก พ่อบุญธรรมที่ฉันว่าคือคนอื่น เป็นคนที่มีประวัติขาวสะอาด”

เหยียนหมิงซุ่นที่ถูกรู้ทันออกจะเคอะเขินเล็กน้อยเลยยิ้มตอบไปอย่างอึดอัด พลางถาม “ทำไมลุงเฉินถึงให้เขารับผมเป็นลูกบุญธรรมล่ะ?”

“เพราะนายต้องหาทางลัด ถ้าหวังพึ่งให้นายสู้ชีวิตเองไม่รู้ต้องใช้เวลากี่ปีถึงจะไต่เต้าขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ ฉันกับเฉินหมิงรอไม่ไหว นายเองก็คงรอไม่ไหวเช่นกัน”

พี่เฉิงเป็นคนพูดตรงไปตรงมาและไม่คิดปิดบังจุดประสงค์ของตน เหยียนหมิงซุ่นเองก็ย่อมรู้ดีว่าพี่เฉิงกับเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่มีทางยื่นมือให้ความช่วยเหลือเขาโดยไร้เหตุผลอยู่แล้ว มันจะต้องมีจุดประสงค์รวมถึงลุงหมิงด้วย

ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินถ้อยคำเหล่านี้จึงไม่ได้แปลกใจกลับรู้สึกสบายใจมากกว่า แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจความหมายที่พี่เฉิงบอกว่าเขาคงรอไม่ไหว?

แม้เขาอยากปีนขึ้นไปให้เร็วกว่านี้แต่ก็ไม่ถึงขนาดรอไม่ไหวนี่นา!

พี่เฉิงยิ้มเย็นชา “นายกำลังคบหากับเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวไม่ใช่เหรอ? สถานการณ์ตระกูลจ้าวในตอนนี้นายอาจไม่รู้ว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย”

เขาพูดต่อ “ผู้ชายคนเมื่อคืนชื่อเฮ่อเหลียนเช่อ เขามาจากตระกูลที่มีอำนาจ แม้แต่คนเบื้องบนยังไม่กล้ามีเรื่องกับเขา เฮ่อเหลียนเช่อไม่ถูกกับตระกูลจ้าว เพราะฉะนั้นนายคงเข้าใจความหมายของฉันใช่ไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นวูบ เขาเข้าใจความหมายของพี่เฉิงอยู่แล้วแต่เขายังไม่อยากที่จะเชื่อเท่าไร คิดว่าพี่เฉิงพูดเกินจริงไปเสียหน่อย ต่อให้เจ้าเฮ่อเหลียนเช่อนั่นจะผายมือข้างเดียวก็สามารถปิดฟ้าได้ แต่ตระกูลจ้าวก็ไม่ใช่ตระกูลธรรมดา เป็นไปได้อย่างไรที่บอกว่าจะล่มก็ล่มได้เลย?

พี่เฉิงเห็นท่าทีของเขาที่ไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไรเลยแค่นหัวเราะกล่าวว่า “งั้นนายก็รอดูเจ้าหญิงน้อยของนายถูกคนในครอบครัวของเขาจับถวายให้ถึงเตียงเฮ่อเหลียนเช่อเถอะ!”

………………………