อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2078 ผมประเมินคุณต่ำไปมากจริงๆ
ฟิ้วววว!
ทันใดนั้น คริสตัลเพชรที่เล่นงานไป่ซวนเฉิงก่อนหน้านี้ก็ลอยออกจากปากของมันและพุ่งเข้าหาเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยว
“ฮึ่มมมม!”
เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวเตรียมการไว้แล้วหลังจากได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับไป่ซวนเฉิง แต่ขณะที่เขากำลังจะหลบ ร่างหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้า
“อย่าหลบ”
ร่างนั้นคือจางเซวียน
จางเซวียนยิ้มอ่อน เขาก้าวออกไปและคว้าคริสตัลเพชรไว้
ฟึ่บ!
คริสตัลเพชรหายวับไปทันที จางเซวียนเก็บมันเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติของเขาแล้ว
“เฮ้ย….”
คราวนี้ไม่ใช่แค่เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวที่ชะงัก เต่าหลังดำก็งุนงงสุดขีด
เหตุผลที่มันยื้อการปะทะออกไปเรื่อยๆก็เพื่อรอโอกาสจะทุ่มคริสตัลเพชรใส่คู่ต่อสู้ แต่ใครจะไปคิดว่าจู่ๆหมอนี่จะโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ แถมยังเก็บคริสตัลเพชรเข้าแหวนเก็บสมบัติของตัวเองด้วย?
มันไม่ใช่คริสตัลเพชรธรรมดา เพชรนี้มีพลังงานมหาศาล มันเปล่งประกายที่มองเห็นได้แม้แต่จากระยะหมื่นลี้ แล้วแหวนเก็บสมบัติจะไม่ระเบิดหรือ?
ถ้าเก็บคริสตัลเพชรเม็ดนี้ไว้ในแหวนเก็บสมบัติได้ พวกมันคงทำแบบนั้นไปนานแล้ว ทำไมต้องเสียเวลาหลบ?
เห็นเต่าหลังดำงงหนัก จางเซวียนถามยิ้มๆ “คุณสงสัยหรือว่าทำไมผมเก็บคริสตัลเพชรเข้าแหวนเก็บสมบัติของผมได้?”
จางเซวียนสะบัดข้อมือ แล้วคริสตัลเพชรก็ปรากฏเหนือฝ่ามือของเขา ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ
“อะ-อะไรกัน?” เต่าหลังดำตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ “คุณทำให้คริสตัลเพชรยอมจำนนได้หรือไง?”
กว่าเต่าหลังดำจะใช้พละกำลังของคริสตัลเพชรหลอกล่อฝูงแมลงเม่าใบไม้สีเงินได้ มันต้องแผดเผาหยดเลือดของตัวเอง ก่อนจะกลืนคริสตัลเพชรเข้าไปทั้งเม็ดเพื่อทำให้อีกฝ่ายยอมจำนนอย่างสมบูรณ์…
แต่ในชั่วพริบตา คริสตัลเพชรก็ตกไปเป็นของคนอื่น!
ถึงจะไม่ใช่อาวุธ แต่ของล้ำค่าระดับขั้นนี้ก็มีจิตวิญญาณของตัวเอง เมื่อมอบความจงรักภักดีให้กับเจ้านายคนหนึ่งแล้ว ก็จะไม่มีวันแปรพักตร์จนกว่าเจ้านายของมันจะตาย แล้วชายหนุ่มทำอะไรลงไป?
“ใช่ ผมสังหารจิตวิญญาณที่อยู่ในคริสตัลเพชรและร่ายมนต์ใส่จิตวิญญาณดวงใหม่เข้าไป แล้วจิตวิญญาณดวงใหม่จะยอมจำนนให้ใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ผม?” จางเซวียนตอบเสียงเรียบ
จากนั้นเขาก็กระดิกนิ้ว
วิ้งงงง!
คริสตัลเพชรลอยละลิ่วใส่เต่าหลังดำก่อนจะเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าเดิม
ฟึ่บ!
ฝูงแมลงเม่าใบไม้สีเงินที่กำลังร้อนรนพุ่งเข้ารุมล้อมเต่าหลังดำทันที
“ผมประเมินคุณต่ำไปมากจริงๆ” เต่าหลังดำพูดขณะจับจ้องจางเซวียนด้วยสายตาล้ำลึก
มันหันหลังกลับและเตรียมเผ่นหนีโดยไม่ลังเล
แผนการเดิมของมันคือสังหารเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยว และด้วยการเล่นงานนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ถึง 2 คน มันก็จะยกระดับวรยุทธของตัวเองได้ แต่แล้วแผนการของมันก็ถูกชายหนุ่มผู้นี้ทำลาย
ตอนนี้พลังงานของมันเหือดแห้งไปเกือบหมดแล้ว เต่าหลังดำจึงไม่มีทางเลือกนอกจากหลบหนี
“คุณไม่คิดว่ามันสายไปหน่อยหรือที่จะหนีตอนนี้?” จางเซวียนถามขณะก้าวออกไป
ทะเลที่กำลังเกรี้ยวกราดเงียบสนิททันที ราวกับถูกพละกำลังบางอย่างตรึงไว้ แม้แต่ฝูงแมลงเม่าใบไม้สีเงินที่กำลังปั่นป่วนก็เงียบกริบ
ด้วยความตกใจ เต่าหลังดำรีบพุ่งหนีด้วยความเร็วสูงกว่าเดิม แต่ก็ถูกปราการบางอย่างปิดล้อมไว้ สีหน้าของมันเคร่งเครียดขณะพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่มันค่ายกลชนิดไหน? ทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร?”
มันแน่ใจว่าได้ตรวจสอบบริเวณนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว และรู้ว่าค่ายกลที่ถูกติดตั้งไว้คือค่ายกลคู่วังวนวารี ถึงค่ายกลจะกักตัวมันไว้ได้สักพัก แต่หากมันพุ่งชนด้วยพละกำลังเต็มพิกัด ก็ยังมีโอกาสหนีไปได้อย่างปลอดภัย
แล้วนี่มันนรกอะไรกัน*?*
มันถูกปราการนั้นตีกลับทั้งที่โถมตัวเข้าใส่สุดแรง นี่มันค่ายกลชนิดไหน?
ค่ายกลทุกอันต้องอาศัยพลังงานหล่อเลี้ยง พื้นที่ตรงนี้ไม่มีกระแสพลังงานเลย แล้วปราการที่ทนทายาดขนาดนี้ก่อตัวขึ้นได้อย่างไร?
“ค่ายกลคู่วังวนวารีเป็นแค่ค่ายกลกักกันแบบทั่วๆไป มันขังคุณไม่ได้หรอก ผมจึงปรับเปลี่ยนนิดหน่อย ขยายอาณาบริเวณและเพิ่มประสิทธิภาพของมัน โดยค่ายกลนี้จะซึมซับพลังงานที่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้งสามปลดปล่อยออกมาระหว่างการต่อสู้ ด้วยเหตุนี้ จนกว่าผมจะปลดชนวนค่ายกลด้วยตัวเอง มันก็แข็งแกร่งไม่ต่างอะไรกับการที่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์สามคนสกัดกั้นคุณไว้ คุณทำอะไรไม่ได้หรอก” จางเซวียนอธิบาย
ในเมื่อค่ายกลที่ผู้อาวุโสเฟิงติดตั้งไว้ก่อนหน้านี้ใช้การไม่ได้ เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องขยับปรับเปลี่ยนมัน
เหตุผลที่ก่อนหน้านี้จางเซวียนไม่เข้าขัดขวางการต่อสู้ ก็เพื่อปล่อยให้ค่ายกลได้ซึมซับพลังงาน พลังงานนั้นสะสมเพิ่มขึ้นจนถึงขั้นที่เต่าหลังดำไม่อาจฝ่าปราการออกไปได้ มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะยับยั้งเต่าหลังดำได้สำเร็จ
“ค่ายกลซึมซับพลังงานที่พวกเราปลดปล่อยออกมา? คุณเป็นใครกันนี่?”
เต่าหลังดำพยายามพุ่งชนปราการอีก 2-3 ครั้ง แต่ก็เป็นอย่างที่จางเซวียนบอก แม้มันจะใช้พละกำลังเต็มพิกัด ก็ยังทำลายปราการไม่ได้ เมื่อรู้แล้วว่าหมดโอกาส สีหน้าของมันเคร่งเครียด
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามันมีระดับวรยุทธไม่สูงนัก แต่ทำให้คริสตัลเพชรยอมจำนนและสร้างค่ายกลที่ทรงพลังขนาดนี้ได้ ราวกับเขาคือผู้บงการตัวจริงที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด และทุกอย่างก็เป็นไปตามการคิดคำนวณของเขา!
ชายผู้นี้เป็นใคร*?*
เต่าหลังดำคิดว่าตัวมันน่าจะสร้างชื่อลือกระฉ่อนได้จากการต่อสู้ในทะเลคันฉ่องน้อยครั้งนี้ และจะไม่มีมนุษย์หน้าไหนกล้ารบกวนมันอีก แต่หลังจากลงทุนลงแรงสร้างสถานการณ์มากมาย สุดท้ายมันก็พ่ายแพ้
“คุณอยากรู้ว่าผมเป็นใคร?” จางเซวียนมองหน้าเต่าหลังดำและยิ้มให้ “เจ้าเต่าน้อย ยอมรับผมเป็นเจ้านายของคุณซะ แล้วผมจะบอกคุณว่าผมเป็นใคร”
“ยอมรับเขาเป็นเจ้านาย?”
“ผู้อาวุโสหลิวคิดจะทำให้เต่าหลังดำยอมจำนนหรือ?”
เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับผู้อาวุโสเฟิงมองหน้ากันอย่างพรั่นพรึง
อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มีความหยิ่งผยองในตัวเองมาก แม้พวกเขาจะลงทุนลงแรงเตรียมการขนาดนี้ ก็ยังไม่กล้าคิดว่าจะมีความเป็นไปได้เต่าหลังดำจะยอมจำนน…เจ้าเต่านั่นจะยอมจำนนเพียงเพราะมีคนบอกให้มันยอมอย่างนั้นหรือ?
ต่อให้หัวหน้าเจิ้งหยางแห่งหอนานาอสูรมาเอง ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าเขาจะทำให้เต่าหลังดำยอมจำนนได้!
เป็นอย่างที่ทั้งคู่คิดไว้ ทันทีที่เต่าหลังดำได้ยินคำพูดของจางเซวียน สีหน้าของมันก็บูดบึ้ง มันคำรามลั่นราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิด “คุณอยากให้ผมยอมรับคุณเป็นเจ้านาย? พิสูจน์ตัวเองก่อนเถอะ!”
ฮึ่มมมม!
เต่าหลังดำคำรามก้อง จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่จางเซวียนอย่างดุเดือด
“สกัดกั้น!” จางเซวียนไม่แม้แต่จะหลบ เขากระดิกนิ้วเบาๆ
ฟิ้วววว!
กระแสพลังงานภายในค่ายกลรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ตรึงร่างของเต่าหลังดำไว้ มันดิ้นขลุกขลักราวกับปลาที่ติดอยู่ในน้ำแข็ง แม้จะออกแรงมากแค่ไหนก็ไม่อาจเป็นอิสระ
“ยอมจำนนให้ผม ไม่อย่างนั้นก็ตายซะ!” จางเซวียนพูดหลังจากสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของเต่าหลังดำไว้ได้
“ฆ่าผมได้ก็ทำสิ!” เต่าหลังดำตวาดขณะหดหัวกลับเข้าไปในกระดอง
เพราะเป็นอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ กระดองของมันจึงแข็งแกร่งเทียบเท่ากับของล้ำค่าที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แทบไม่มีอะไรทำลายได้ ขอแค่มันซ่อนตัวอยู่ในกระดอง ต่อให้อีกฝ่ายกักขังมันได้ ก็ไม่อาจทำอะไรมากกว่านี้
อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์หยิ่งในเกียรติยศและศักดิ์ศรี จะให้ยอมรับมนุษย์ที่อ่อนแอกว่าเป็นเจ้านายได้อย่างไร?
แถมค่ายกลที่กักขังมันอยู่ก็ต้องใช้พลังงานหล่อเลี้ยง ขอแค่มันยืนหยัดอยู่ได้นานพอ สุดท้ายค่ายกลก็ต้องพังทลาย และมันก็จะเป็นอิสระ
“คุณคิดว่าทำแบบนั้นแล้วผมจะหมดปัญญาหรือ?” จางเซวียนคาดการณ์ไว้แล้วว่าเต่าหลังดำจะต้องทำแบบนี้ จึงปรบมือและพูดว่า “ไก่น้อย ได้เวลารับแขก!”
“รับทราบ!” ลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยเดินเตาะแตะออกไป
เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับผู้อาวุโสเฟิงกระพริบตาปริบๆ
นี่พวกเขาตาฝาดหรือเปล่า*?ลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยที่มีวรยุทธอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์?*
จริงอยู่ว่าวรยุทธของลูกเจี๊ยบตัวนั้นไม่ได้อ่อนด้อย แต่มันมีขนาดตัวแค่ฝ่ามือ จะเอาปัญญาที่ไหนไปเล่นงานเต่าหลังดำ?
ไก่น้อยไม่ใส่ใจความตกตะลึงของใครๆ มันเดินเตาะแตะขึ้นไปบนแผ่นหลังของเต่าหลังดำ แต่หลังจากปีนป่ายไปได้พักใหญ่ กระแสน้ำก็พัดมันลงไป ทำให้ร่วงหล่น มันต้องรีบกระพือปีกที่มีขนาดเท่านิ้วโป้งอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อตะเกียกตะกายกลับขึ้นไป
เหตุการณ์วนเวียนแบบเดิมอยู่ 2-3 ครั้ง
เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับผู้อาวุโสเฟิงแทบจะทึ้งผมตัวเอง
อสูรตัวเล็กจ้อยแบบนี้จะรับมือกับเต่าหลังดำที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้หรือ?
ล้อเล่นแล้วล่ะ!
เต่าหลังดำที่หลบอยู่ในกระดองแอบมอง มันถึงกับผงะที่เห็นลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยกำลังปีนป่ายกระดองของมัน
คุณอาจพยายามทำให้ผมยอมจำนนได้ แต่จะหยามหน้าผมไม่ได้นะ!
ถึงอย่างไรผมก็เป็นอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปที่ถูกลืม แม้แต่ นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่เป็นผู้นำ 2 ใน 6 สํานักใหญ่ก็ยังเทียบชั้นกับผมไม่ได้…
มีวิธีตั้งมากมายที่คุณอาจใช้เพื่อทำให้ผมยอมจำนน แต่คุณกลับส่งไก่ตัวหนึ่งมา!
ถ้าเป็น ‘ไก่เร่าร้อน’ ที่มาพร้อมกับศิลปะการยั่วยวนก็เป็นเรื่องหนึ่ง-แต่นี่มันบ้าบออะไร?
ให้นรกกินเถอะ คนบ้าที่ไหนเอาไก่เป็นๆมาใช้ในการต่อสู้!
เต่าหลังดำแทบหายใจหายคอไม่ออก
ถ้าไม่ใช่เพราะมันอยู่ในสภาพอ่อนแอและไม่อาจฝ่าปราการได้ คงพุ่งเข้าใส่ไอ้งั่งที่กล้าใช้ยุทธวิธีแบบนี้กับมันให้ตกลงไปทะลุนรกขุมที่ 18!
ระหว่างนั้น ไก่น้อยยังร่วงลงมาอีก 2-3 รอบ สุดท้ายมันก็ถอดใจและหันไปโวยวายใส่จางเซวียน “คุณไม่รู้หรือไงว่าไก่น่ะทำอะไรไม่ถนัดเมื่ออยู่ในน้ำ? แทนที่จะมัวยืนเซ่ออยู่อย่างนั้น ทำไมไม่มาช่วยผม!”
จางเซวียนงง
หลายครั้งหลายหนที่ผ่านมาแกก็ว่ายอยู่ในน้ำเดือดๆอย่างสบายใจไม่ใช่หรือ?
รู้ดีว่าทะเลาะกับไก่ปัญญาอ่อนก็เสียเวลาเปล่า จางเซวียนจึงเดินเข้าไปคว้าคอลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยไว้แล้วโยนมันขึ้นไปด้านบน “ไปซะ!”
พลั่ก!
ไก่น้อยกระแทกกับแผ่นหลังของเต่าหลังดำและกลิ้งหลุนๆไป
“รีบจัดการเข้าเถอะ” จางเซวียนพูด
“วางใจน่ะ ปล่อยเป็นภาระของผม!” ไก่น้อยพยักหน้า
มันยืนจังก้าอยู่กลางกระดองเต่าที่มีความกว้างกว่า 100 เมตร จากนั้นก็อ้าปากเล็กจ้อย
ฟึ่บ!
ปากที่เคยมีขนาดเท่าเล็บมืออ้าออกกว้างกว่า 100 เมตร งับกระดองเต่าขนาดมหึมาไว้และกลืนลงไปทั้งอัน
ช่างเป็นภาพที่แสนพิลึกพิลั่น…ราวกับมีขนฟูสีเหลืองงอกทั่วกระดองเต่า
“เรียบร้อย สำเร็จแล้ว” ลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยกระพือปีกอย่างผู้ชนะ
“แกทำอะไรน่ะ? ฉันบอกให้แกช่วยฉันทำให้มันยอมจำนน จะกลืนมันเข้าไปเพื่อ?” จางเซวียนพูดไม่ออก
เจ้านี่ไว้ใจไม่ได้จริงๆ!
ฉันอยากให้แกช่วยฉันขู่มันให้กลัวจนยอมจำนนไม่ใช่ให้กลืนลงไปแบบนั้น!แกกลืนมันลงไปแล้วฉันได้อะไร?