หลิงตู้ฉิงไม่เคยปล้นใครแบบนี้มาก่อน นี่คือครั้งแรกในชีวิตที่เขาทำแบบนี้ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ ในใจเป็นอย่างมาก
แต่ในระหว่างที่เขาค่อย ๆ เข้าใจความรู้สึกนี้ มันก็เหมือนมีบางสิ่งในร่างของเขาถูกคลายออก ส่งผลให้ระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทันที
ในเวลาไม่นานด้วยการถูกกดดันโดยหลิงตู้ฉิง ผู้อาวุโสของผู้ผ่านคัดเลือกคนที่สองที่หลิงตู้ฉิงเดินไปหาก็มอบสมบัติให้กับหลิงคู้ฉิงด้วยสีหน้ามืดหม่นไปอีกคน
ถึงแม้ว่าการที่เขาจะยอมมอบสมบัติให้กับหลิงตู้ฉิงแบบนี้มันจะไม่นับว่าเสียหน้าสักเท่าไหร่ เพราะถ้าหากพวกเขาไม่ยอม พวกเขาจะต้องถูกง้าวเทวะพินาศสับแน่ ๆ แต่พวกเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจที่พวกเขาต้องมอบสมบัติล้ำค่าของตัวเองให้กับหลิงตู้ฉิงเพียงเพราะคำกล่าวหาลอย ๆ ที่พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เถียง
หลังจากคนที่สองถูกปล้นไปเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงก็เดินไปหาคนที่สามทันที
คนที่สามที่หลิงตู้ฉิงเดินไปหาก็คือ หวางหมิงไห่ จากเผ่าปีศาจโลหิต
หลิงตู้ฉิงมองลงไปยังฝูงชนด้านล่างเวทีและตะโกนว่า “เผ่าปีศาจโลหิต ข้ารู้ว่าพวกเจ้ารู้สึกไม่ยินยอมและยังอยากที่จะลองของกับข้าอยู่ ดังนั้นออกมาได้เลยเพื่อมาหาคำตอบด้วยชีวิตของพวกเจ้า!”
เมื่อหลิงตู้ฉิงพูดจบ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเผ่าปีศาจโลหิตพุ่งตัวขึ้นมายืนบนเวทีทันทีและพูดว่า “ใช่! ข้าอยากจะลองกับเจ้า!”
เมื่อพูดจบ ร่างของปีศาจโลหิตก็ละลายกลายเป็นสระเลือดทันทีและพูดว่า “ร่างโลหิต!”
ปีศาจโลหิตมีความมั่นใจเป็นอย่างมากกับการรับมือกับอาวุธมีคมแบบต่าง ๆ เพราะเขาสามารถทำให้ร่างของตัวเองกลายเป็นเลือด ซึ่งเป็นของเหลวได้ ดังนั้นมันเป็นธรรมดาที่อาวุธมีคมจะทำอะไรเขาไม่ได้
และอีกทักษะหนึ่งที่ทำให้เขามั่นใจกล้าท้าหลิงตู้ฉิงก็คือ เขาสามารถควบคุมเลือดที่อยู่ในร่างของศัตรูได้ ซึ่งต่อให้หลิงตู้ฉิงจะมีอาวุธดีแค่ไหนอยู่ในมือ เมื่อไหร่ที่เลือดของหลิงตู้ฉิงถูกเขาควบคุมทั้งหมด หลิงตู้ฉิงจะไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ทันที และทำได้เพียงรอให้เขาเข้าไปเชือดอย่างง่ายดาย
ส่วนเรื่องของวิชามหาเวทย์สูบโลหิตที่หลิงตู้ฉิงสามารถใช้ได้นั้นเขาเองก็เชี่ยวชาญทักษะแบบนี้เช่นกัน แถมเขายังแข็งแกร่งกว่าอีกต่างหากดังนั้นเขาจะต้องไปกลัวอะไร?
แต่แล้วเมื่อปีศาจโลหิตขยายสระเลือดของตัวเองไปกลืนกินร่างของหลิงตู้ฉิง เลือดของเขากลับไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปในร่างของหลิงตู้ฉิงได้เลย เขารู้สึกราวกับว่าเลือดในร่างของหลิงตู้ฉิงนั้นหนาแน่นมาก ๆ มันหนาแน่นเกินกว่าที่เลือดของเขาจะแทรกซึมเข้าไปได้
หลิงตู้ฉิงหัวเราะกับการกระทำที่ไร้ประโยชน์ของปีศาจโลหิต เพราะเมื่อครู่เขาได้ใช้วิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งทำให้เลือดในร่างของเขามันมีความหนาแน่นเพิ่มมากขึ้น จนเลือดของปีศาจโลหิตไม่สามารถแทรกซึมเข้ามาปะปนในเลือดของเขาได้
จากนั้นหลิงตู้ฉิงจึงหยิบจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ออกมาและเทเลือดที่อยู่ด้านในจอกลงไปผสมกับสระเลือดของปีศาจโลหิต
ในทันที่ที่เลือดในจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ถูกเทลงมาผสมกับเลือดของตัวเอง ปีศาจโลหิต ก็สัมผัสได้ถึงหายนะที่กำลังเกิดกับตัวเองทันที
เขารู้สึกได้ว่าเลือดของเขาถูกเลือดที่ถูกเทออกมาจากจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ควบคุมและดูดกลืนอย่างรวดเร็ว
ปีศาจโลหิตทั้งรู้สึกตกตะลึงและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน เขารีบคืนร่างจริงของตัวเองทันทีเพื่อควบคุมความเสียหายของร่างกายตัวเอง
แต่แล้วเมื่อเขาคืนร่าง เขาก็พบว่าในตอนนี้ร่างของเขาหดลงเหลืออยู่เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น!
หลิงตู้ฉิงหัวเราะชอบใจ “ขอบใจเจ้าจริง ๆ ที่อุตส่าห์บริจาคเลือดของเจ้าให้กับจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ของข้า! เอาล่ะทีนี้เจ้ายอมแล้วรึยัง? ถ้าเจ้ายอมแล้วจริง ๆ เจ้าก็ต้องพิสูจน์กับข้าสักหน่อยโดยการมอบสมบัติของเจ้ามาให้ข้าเหมือนกับคนอื่น ๆ ข้าถึงจะเชื่อว่าเจ้ายอมแล้วจริง ๆ”
ปีศาจโลหิตไม่ตอบอะไรกลับทั้งนั้น เขาโยนก้อนเลือดสีน้ำตาลดำที่แข็งตัวแล้วให้กับหลิงตู้ฉิง จากนั้นเขาก็รีบบินหนีไปในทันที
ความแข็งแกร่งของปีศาจโลหิตนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนของเลือด ซึ่งตอนนี้เลือดของเขาถูกหลิงตู้ฉิงเอาไปครึ่งหนึ่ง ดังนั้นด้วยความแข็งแกร่งที่เหลือเพียงครึ่งเดียวเขาจึงอยากจะรีบหนีไปให้พ้น ๆ จากที่นี่ทันที ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะเจอพวกฉวยโอกาสปล้นฆ่าเขาก็ได้
เมื่อเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเผ่าปีศาจโลหิตบินจากไปแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงโยนก้อนเลือดสีน้ำตาลดำลงไปในจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ให้มันหลอมรวมกัน และเก็บจอกลงไปในทันทีพร้อมกับปล่อยตัวหวางหมิงไห่ไป
ในเวลานี้ผู้คนด้านล่างเวทีต่างมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาชิงชัง โดยเฉพาะบรรดาคนเผ่าเดียวกับผู้ผ่านการคัดเลือก เพราะหลิงตู้ฉิงกำลังปล้นชิงสิ่งของล้ำค่าของพวกเขาโดยใช้ชีวิตอัจฉริยะของพวกเขาเป็นเครื่องต่อรอง และนี่ยังไม่รวมไปถึงเรื่องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่จู่ ๆ ก็ปิดลงไม่รับอัจฉริยะของพวกเขาเข้าไป ซึ่งต้นเหตุมันก็เป็นเพราะหลิงตู้ฉิงคนเดียว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าพวกเขาจะชิงชังแค่ไหนหรือพวกเขาจะถูกปล้นสมบัติล้ำค่าไปเท่าไหร่ พวกเขาก็ไม่อาจต่อต้านอะไรได้เพราะพวกเขาไม่อยากตาย
แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังคิดว่าจะอยู่ดูสถานการณ์ต่อหรือว่าจากไปดี หลิงตู้ฉิงกลับกวาดสายตาเจ้าเล่ห์มองมายังพวกเขาทุกคน ซึ่งมันทำให้พวกเขารู้สึกขนลุกและตัดสินใจได้ว่าพวกเขาไม่ควรจะรั้งอยู่ต่อไป จากนั้นพวกเขาก็รีบพากันหนีออกไปจากจัตุรัสทันที เหลือแต่คนของเผ่าเดียวกับเหล่าผู้ผ่านการคัดเลือกที่ยังคงถูกกักตัวอยู่บนเวที ซึ่งกำลังรอให้หลิงตู้ฉิงปล้นพวกเขาให้มันจบ ๆ
ในท้ายที่สุด ชิวเจี้ยนปิงก็เป็นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่บนเวที
“เจ้าปลาน้อย ข้าชอบเสียงของเจ้า ดังนั้นนับจากนี้เป็นต้นไปเจ้าจงมาอยู่กับข้าเพื่อร้องเพลงให้ข้าฟังทุกวัน!” หลิงตู้ฉิงยิ้ม และพูดกับชิวเจี้ยนปิง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชิวเจี้ยนปิงรู้สึกขนลุกทันที นางอดไม่ได้ที่จะคิดว่าหลิงตู้ฉิงอยากได้นางเป็นผู้หญิงของเขางั้นเหรอ?
ด้วยรูปร่างของเผ่าปีศาจสมุทรที่ท่องล่างของร่างกายเป็นปลา แต่ท่อนบนเป็นมนุษย์ มันน่าจะเป็นไปได้ใช่ไหมที่มนุษย์ผู้นี้จะชอบความงามแบบนาง?
ในเวลาเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงพูดจบ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิของเผ่าปีศาจสมุทรที่กำลังรอให้หลิงตู้ฉิงปล้นทรัพย์ของเขาอยู่นั้นก็พูดแทรกขึ้นทันที “พวกเรายินดีชดเชยความรู้สึกที่ท่านผิดหวังต่อพวกเราด้วย หยดน้ำตาแห่งความโศกเศร้า ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าของเผ่าเรา โปรดท่านคืนอัจฉริยะของพวกเรามาด้วยเถอะ!”
หลิงตู้ฉิงแสดงสีหน้าไม่ยินยอมและตอบกลับว่า “ข้างกายข้ายังขาดหญิงสาวไว้คอยร้องเพลงให้ฟัง ดังนั้นต่อให้พวกเจ้าจะไม่ยอมให้นางไปกับข้า ข้าก็ไม่สน!”
สีหน้าของผู้อาวุโสเผ่าปีศาจสมุทรมืดหม่นในทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ เพราะนางไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงต่อดี จะให้สู้นางก็รู้ว่าสู้ไม่ไหว แต่ถ้าหากจะให้หลิงตู้ฉิงพาตัวคนของนางไปแบบนี้นางก็ไม่ยอมเหมือนกัน
หลิงตู้ฉิงไม่สนใจอะไรกับเหล่าคนของเผ่าปีศาจสมุทรอีก เขาหันมาพูดกับชิวเจิ้ยนปิงว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้าสู้ ซึ่งเสียงของเจ้านั่นไม่เลวเลย แต่ว่าเจ้ายังขาดความเข้าใจในกฎแห่งเสียงเพลงและการคุมท่วงทำนองของเจ้ายังคงไม่ดีนัก…”
“ดังนั้นเพื่อที่จะทำให้เจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะมาเป็นนักร้องให้กับข้าได้ ข้าจะถ่ายทอดทักษะวิญญาณก้องกังวาล และ ท่วงทำนองทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ให้กับเจ้า ด้วยพวกมันเจ้าถึงจะมีคุณสมบัติพอเป็นนัองร้องให้กับข้า อ๋อจริงสิ ตอนนี้เจ้ายังบาดเจ็บจากการต่อสู้เมื่อครู่นี่นา เดี๋ยวข้าจะรักษาให้เจ้าก่อนก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงวางฝ่ามือของเขาบนหน้าผากของชิวเจิ้ยนปิงทันที และถ่ายโอนพลังของเขาไปรักษาอาการบาดเจ็บของนาง
ส่วนทางด้านของชิวเจิ้ยนปิง และผู้อาวุโสของนางที่ได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงจะถ่ายทอดทักษะวิญญาณก้องกังวาล และ ท่วงทำนองทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ให้ พวกนางต่างก็ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
ต้องรู้ว่าทักษะวิญญาณก้องกังวาลนั้นคือสุดยอดทักษะของเผ่าพวกนางที่สูญหายไปนับหมื่นปีแล้ว ด้วยทักษะนี้มันจะทำให้พวกนางไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียงร้องออกจากปากเพื่อสร้างความเสียหายให้กับวิญญาณของศัตรูอีกต่อไป
ส่วนท่วงทำนองทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นคือทักษะโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพวกนางที่หายสาปสูญไปเป็นหมื่นปีอีกเช่นกัน ด้วยทักษะนี้พวกนางสามารถใช้มันเรียกสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ให้ลงมาสังหารศัตรูของพวกนางได้
ทั้งสองทักษะนี้คือสุดยอดทักษะของเผ่าปีศาจสมุทรของพวกนาง ซึ่งหายไปหลายหมื่นปี
แต่แล้วตอนนี้มนุษย์ผู้นี้กลับบอกว่าจะถ่ายทอดมันให้กับพวกนาง นี่พวกนางฝันไปหรือเปล่า?
ชิวเจี้ยนปิงรีบคุกเข่าลงทันที นางพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยอาการสั่นเทาและเคารพ “นับจากนี้ข้าจะเป็นผู้ขับกล่อมส่วนตัวให้กับนายท่าน และจะเชื่อฟังคำสั่งของท่านทุกอย่างที่ท่านบัญชา!”