บทที่ 1236 ผู้ที่มีโอกาสชนะสูงสุด

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1236 ผู้ที่มีโอกาสชนะสูงสุด

เมื่อมู่เฉินและลั่วหลีไปถึงเมืองซีเทียนจั้น

ที่นี่ก็เต็มไปด้วยผู้คน สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงที่สุดก็คือความผันผวนของคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ระลอกคลื่นทุกเส้นสายอยู่ในระดับตี้จื้อจุน

“แหล่งรวมยอดยุทธ์จริงๆ”

มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ฉากนี้อลังการยิ่งกว่าการเปิดวังสวรรค์บรรพกาลเสียอีก

“นี่คือการแข่งขันชิงตำแหน่งนักรบทวีป ในมหาพันภพตำแหน่งนักรบทวีปเทียบเท่ากับตั๋วเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน ไม่มีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนคนใดที่สามารถต้านทานสิ่งล่อใจนี้ได้ ถ้าไม่ใช่ว่าทุกขั้วอำนาจถูกจำกัดไว้เพียงหนึ่งสิทธิ์ ข้าเองก็อยากเข้าไปลองขอทดสอบโชคชะตามั่ง” ลั่วเทียนเสินกล่าวด้วยยิ้ม

แม้ว่าตระกูลลั่วเสินเพิ่งจะตั้งหลักได้ แต่ลั่วเทียนเสินก็ยังเป็นคนพามู่เฉินและลั่วหลีมายังเมืองซีเทียนจั้นด้วยตนเอง เนื่องจากราชโองการของจักรพรรดิสัประยุทธ์ทำให้ผู้คนคุกคามมู่เฉิน ดังนั้นเขาจึงติดตามมาด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยในกรณีที่มีอะไรเกิดขึ้น

“ด้วยกำลังของท่านปู่ ถึงแม้ว่าจะเข้าร่วมในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายก็ไม่สามารถเอาชนะได้หรอกนะ” ลั่วหลีกล่าวยิ้มๆ

วันนี้ลั่วหลีสวมชุดสีดำพอดีกับรูปร่างที่บอบบางของนางซึ่งช่วยขับเน้นรูปร่าง ทว่านางกลับสวมผ้าคลุมหน้า ตั้งแต่นางได้รับมรดกร่างเทพวารี รูปลักษณ์ของนางก็ยิ่งสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้น มากจนกระทั่งมู่เฉินก็ยังลุ่มหลงเมื่อจ้องมองนาง ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นนางจึงเลือกสวมผ้าคลุมหน้าไว้

แต่นางไม่รู้ว่ารูปลักษณ์ที่คลุมเครือกลับยิ่งดึงดูดผู้คนขึ้นมาก

เมื่อลั่วเทียนเสินได้ยินคำพูดขวานผ่าซากของหลานสาว เขาก็ฮึดฮัดขึ้น “ไอ้หนูมู่เฉินก็เข้าร่วมสนามระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายด้วยพลังแค่นี้ ทำไมเจ้าไม่ว่ากระทบเขามั่ง?”

“แม้แต่เทพจักรพรรดิอัคคียังรู้สึกว่าเขาจะชนะ สายตาของข้าจะไปเปรียบเทียบกับผู้อาวุโสเซียวเหยียนได้อย่างไร?” ลั่วหลีหัวเราะเบาๆ

“ชิ ลิ้นชักคมใหญ่แล้วนะยัยหนู!”

ลั่วเทียนเสินกลอกตา ก่อนจะจ้องมองไปที่มู่เฉินด้วยความหมั่นไส้ จากนั้นก็พุ่งไปยังเมื่อซีเทียนจั้นแบบงอนๆ

มู่เฉินยักไหล่ขณะที่ลั่วหลีขยิบตา อากัปกิริยานี้ทำให้หัวใจของเขาพองโต ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือจับมือนุ่มของนาง

ลั่วหลีขัดขืนเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้ปล่อยให้เขาจับมือพร้อมกับใบหน้าเห่อแดง ภายใต้สายตาอิจฉามากมาย ทั้งสองก็ทะยานตามหลังลั่วเทียนเสินไป

ทั้งสามเข้าสู่เมืองมุ่งหน้าไปยังอาคารทางตะวันตกเฉียงใต้ นี่เป็นจุดรวมตัวของผู้เข้าร่วมศึกนักรบทวีป

ทั้งสามคนใช้เวลาระยะหนึ่งก่อนที่จะมาถึงอาคารพร้อมกับความตกตะลึง นั่นเพราะพวกเขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าในอาคารแห่งนี้มีความผันผวนของคลื่นหลิงหลายร้อยสายมาบรรจบและปะทะกัน

นั่นก็หมายความว่ามีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนไม่ต่ำกว่าร้อยคนในอาคารนี้ ดูเหมือนว่าจอมยุทธ์ตี้จื้อจุนส่วนใหญ่ของทวีปนี้จะมารวมตัวกันที่นี่

ขณะเดียวกันกับที่เกิดความตกใจพวกเขาก็เข้าไปด้านใน พื้นที่ภายในดูกว้างขวางมากพร้อมเสียงดังก้องตลอดเวลา

ทั้งสามกวาดสายตาหยุดที่บนแผ่นศิลาตรงกลางโถงที่วูบไหวด้วยแสงไฟซึ่งถูกล้อมรอบด้วยผู้คน

“นั่นอะไร?” ลั่วหลีถามอย่างสงสัย

“ตารางยอดนิยมของผู้มีโอกาสชนะศึกนักรบทวีป” ลั่วเทียนเสินมองไป ก่อนจะหันมาหยอกล้อมู่เฉิน

เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดของเขาก็รู้สึกสนใจ ทั้งสามเดินเข้าไปกวาดสายตามอง เมื่อพวกเขาเห็นชื่อแรกบนตารางของสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

เนื่องจากอันดับแรกเป็นชื่อของลั่วหลี

มีตัวเลขกะพริบอยู่ข้างหลังชื่อของนาง ซึ่งเหมือนจะเป็นสองร้อยสามสิบล้าน ซึ่งมีหน่วยเป็นของเหลวจื้อจุน

“นั่นหมายความว่ามีของเหลวจื้อจุนรวมสองร้อยสามสิบล้านหยดวางเดิมพันข้างลั่วหลีในฐานะผู้ชนะของสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น” ลั่วเทียนเสินยิ้มตาหยี

มู่เฉินพยักหน้าก่อนจะเลื่อนสายตาลงไป ที่สองก็มองข้ามไม่ได้ โดยมีของเหลวจื้อจุนสองร้อยล้านหยดตามชื่อของหลิงเฟยจื่อ

“หลิงเฟยจื่อหนึ่งในสี่เทพจอมยุทธ์น่ะรึ?” มู่เฉินพยักหน้าหงึกหงัก ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมนางถึงเป็นรองจากลั่วหลี

ไม่ช้าสายตาของเขาก็ย้ายไปที่ตารางยอดนิยมของระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย จิตสังหารรุนแรงกวาดเข้าใส่ การแข่งขันสมรภูมินี้ดุเดือดยิ่งกว่าขั้นต้นหลายเท่า

พี่ใหญ่เทพจอมยุทธ์หลิงจั้นจื่อยืนหนึ่งด้วยจำนวนของเหลวจื้อจุนจำนวนสี่ร้อยล้านหยด ทำให้มู่เฉินแอบเดาะลิ้นเลยทีเดียว ย้อนกลับไปที่ทวีปเทียนหลัวองค์ชายใหญ่แห่งราชวงศ์เซี่ยก็ถึงกับใบหน้าดำคล้ำเมื่อถูกกรรโชกทรัพย์เป็นของเหลวจื้อจุนร้อยล้านหยดจากหลินจิ้ง จำนวนสี่ร้อยล้านหยดเป็นสิ่งที่แม้ว่าขั้วอำนาจระดับสูงจะจ่ายออกมาทั้งหมดก็ไม่อาจรวบรวมถึง

ถัดลงมาก็เป็นเทพจอมยุทธ์อีกสองคนคือหลิงเจี้ยนจื่อและหลิงหลงจื่อที่มีของเหลวจื้อจุนรวมกันถึงห้าร้อยล้านหยดเลยทีเดียว

“เทพจอมยุทธ์ทั้งสี่มีชื่อเสียงแท้จริง” เมื่อเห็นสามอันดับสูงสุดที่เทพจอมยุทธ์ครอบครอง มู่เฉินก็อดถอนหายใจไม่ได้

จากนั้นชื่อคุ้นหูอีกส่วนก็ไล่ตามมา หลิ่วซิงเฉิน ซูมู่และฉู่เหมินที่ลั่วหลีบอกเอาไว้ก่อนหน้า

ยอดรวมของการเดิมพันของพวกเขาไม่ได้ด้อยกว่าหลิงเจี้ยนจื่อและหลิงหลงจื่อรวมกัน เห็นได้ชัดว่าหลายคนรู้สึกว่าพวกเขาสามารถแข่งขันกับเทพจอมยุทธ์ทั้งสามแห่งตำหนักซีเทียนได้

การวางเดิมพันลดลงอย่างมากหลังจากนั้น เนื่องจากส่วนใหญ่ถูกรวบรวมในหกอันดับแรก

“เฮ้ เจ้าเห็นชื่อตัวเองยัง?” ขณะที่มู่เฉินถอนหายใจกับการวางเดิมพัน ลั่วเทียนเสินก็หัวเราะเบาๆ ด้วยความประสงค์ร้าย

มู่เฉินไล่สายตาลงไปจากนั้นมุมปากก็กระตุก นั่นเป็นเพราะเขาเห็นว่าชื่อตนเองเป็นชื่อสุดท้ายบนตารางโดยมีของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดเป็นเดิมพัน

เมื่อเปรียบเทียบกับการเดิมพันคนอื่นๆ แล้วดูเขาน่าสงสารเหลือเกิน

ลั่วหลีอดไม่ได้ที่จะยิ้ม จากนั้นก็เปล่งเสียงปลอบโยน “คนเหล่านี้ตาบอดจริงๆ…”

มู่เฉินถูจมูก ไม่ได้สนใจมากนั้น “ข้าคิดว่าคงไม่มีใครโง่พอที่จะเดิมพันกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นที่ลงแข่งขันในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายแล้วจะเป็นผู้ชนะหรอก”

“เฮ้ ดูเหมือนเจ้ารู้จักตัวเองดีนี่”

ทว่าทันใดนั้นเสียงมากวัยก็ดังขึ้นหลังจากมู่เฉินเอ่ยเยาะตัวเอง

มู่เฉิน ลั่วหลีและลั่วเทียนเสินขมวดคิ้วเมื่อเห็นเสี่ยหลิงจื่อจ้องมาทางพวกเขาด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ

“ก็ว่าเป็นใคร หมาจนตรอกนี่เอง” สีหน้าของลั่วเทียนเสินเย็นชาลง สาเหตุที่เขาว่ากระทบมู่เฉินก็เพราะพวกเขาหยอกล้อกันเล่นแบบปู่หลาน ตอนนี้พอเสี่ยหลิงจื่อโผล่มากัดมู่เฉินไม่ปล่อยก็ทำให้เขาทนไม่ได้

ใบหน้าของเสี่ยหลิงจื่อดิ่งลงก่อนที่จะเค้นเสียงเย็น หันกลับไปพูดกับคนด้านหลัง “ฮ่าๆ พี่สงป้า เจ้าสนใจมู่เฉินคนนี้ไม่ใช่เหรอ? เขานี่แหละ”

“เด็กเหลือขอที่ไม่ประมาณตนเอง อาศัยเทพจักรพรรดิอัคคีมองข้ามหัวจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายในทวีปของข้า วันนี้เขาจะได้เข้าร่วมสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายด้วยขุมพลังกระจ้อยร่อย ช่างน่าตลกนัก”

เสี่ยหลิงจื่อไม่ออมเสียง ไม่ช้าก็ดังสะท้อนไปทั่วอาคาร ทำให้เกิดความปั่นป่วน ทุกคนกวาดสายตามาที่มู่เฉิน

“เขาคือมู่เฉินเหรอ?”

“เขาดูเด็กมาก…โดดเด่นแท้จริง แต่ก็หยิ่งยโสนัก สนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายไม่ใช่ที่ที่เขาสามารถเข้าร่วมได้ในตอนนี้”

“ฮ่าๆ การมีกองหนุนทรงพลังเป็นสิ่งที่ดี ได้กระทั่งสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันนักรบทวีป”

“…”

เสียงนินทาดังกึกก้อง พวกเขาส่วนใหญ่ไม่พอใจที่มู่เฉินเข้ามาแทรกในการแข่งขันศึกนักรบทวีปของทวีปซีเทียนนัก

ชายร่างกำยำที่ด้านหลังเสี่ยหลิงจื่อก็สาดสายตาดุร้ายไปที่มู่เฉินพลางตะคอกเสียงเย็นชา “เป็นเด็กเหลือขอที่ใช้สิทธิ์เปล่าประโยชน์สิ้นเชิง!”

เสียงของเขาอัดแน่นด้วยความขุ่นเคือง เขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายที่เพิ่งจะสวามิภักดิ์ต่อตำหนักซีเทียน ดังนั้นเขาจึงไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมได้ ทว่ามู่เฉินที่เป็นคนนอกที่ไม่มีฐานอะไรในตำหนักซีเทียน กลับได้รับสิทธิ์ให้เข้าร่วม ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าช่างไม่ยุติธรรม

“ไอ้หนู แกกล้าที่จะสู้กับข้าไหม? หากแกแพ้ก็ยกสิทธิ์ให้ข้า จะได้ไม่ต้องเอาชีวิตไปทิ้งในสนามรบ” สงป้ามองมู่เฉินด้วยสายตาที่ดุร้าย

ทว่ามู่เฉินเพียงยกคิ้วเมื่อเผชิญกับการยั่วยุของสงป้า สีหน้าดูนิ่งสงบแต่แล้วคำพูดของเขากลับทำให้อาคารทั้งหลังเงียบกริบลง

“แกเป็นใครมีสิทธิ์อะไรที่จะมาขอที่ข้า?”