ตอนที่ 1314

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ในตอนแรกที่หลิงฮันกับฉื้อหวงจี่่เข้าห้ำหั่นกัน ต่างฝ่ายต่างระมัดระวังตัวว่าอีกฝ่ายจะซ่อนไพ่ลับอะไรไว้บ้าง พวกเขาจึงไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย

ยิ่งปะทะกันไปเรื่อยๆ ทั้งสองก็เริ่มเผยไพ่ลับออกมาทีละอย่าง

“หมัดไร้สิ้นสุด!” ฉื้อหวงจี่่คำรามและปล่อยหมัดอันหนักหน่วงเข้าใส่หลิงฮัน

ครืนน แรงกดดันที่เกิดขึ้นหนักหน่วงราวกับขุนเขา

หลิงฮันเค้นเสียงและไม่ปิดบังพลังอีกต่อไป เขาโคจรอำนาจสวรรค์ไปยังฉื้อหวงจี่่

“ฮ่าๆๆ ลูกเล่นนี้ใช้ไม่ได้กับข้า!” ฉื้อหวงจี่่หัวเราะลั่น ดวงตาของเขาส่องประกายแสงเจิดจ้า ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง ซึ่งเพลิงเหล่านี้ได้ทำการเผาผลาญเอานาจสวรรค์ที่พุ่งเข้าใส่เขา

เปลวเพลิงนี้เป็นสีดำ เพียงแค่จ้องมองก็ทำให้หลิงฮันรู้สึกเย็นยะเยือก

“เพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิด!” เป่ยหวงAnchorฉือหวงและอุทานออกมาพร้อมกัน ทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตาพร้อมกับแสดงท่าทีตกตะลึง

“อะไรคือเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิด?” แม่นางหยุนเอ่ยถาม

ใบหน้าของฉือหวงเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ตามตำนานกล่าวว่า ภายใต้สวรรค์และปฐพีมีเปลวเพลิงแห่งพระเจ้าที่ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับจักรวาล”

“พวกมันคงอยู่ทั้งที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และดินแดนใต้พิภพ!” เป่ยหวงพยักหน้าและกล่าวแทรก “เพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดแต่เดิมแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะผสานรวมเข้ากับร่างกายของสิ่งมีชีวิตแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดนั้น… ผู้ที่ครอบครองจะกลายเป็นเซียนได้อย่างไม่มีอุปสรรค! ภายใต้สวรรค์และปฐพี เปลวเพลิงเช่นนี้มีอยู่ทั้งหมดเก้าสิบเก้ารูปแบบ แม้มันจะผสานรวมกับสิ่งมีชีวิตไปแล้ว หากเจ้าของร่างตายมันก็จะกลับคืนสู่สวรรค์และปฐพีโดยไม่มีวันดับสูญ”

“เพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดคือสมบัติที่แท้จริงในจักรวาล เมื่อผสานเข้ากับร่างกายแล้วมันจะช่วยจอมยุทธเจ้าของร่างเข้าใจวิถีแห่งเพลิงสวรรค์ อำนาจของมันสามารถแผดเผาแม้แต่เซียนให้กลายเป็นเถ้าถ่าน!” ฉือหวงกล่าวต่อ

“แน่นอนว่าอำนาจของเปลวเพลิงย่อมถูกจำกัดเอาไว้กับพลังบ่มเพาะของเจ้าของร่าง แม้ตอนนี้ฉื้อหวงจี่่จะยังไม่แข็งแกร่งมาก แต่เปลวเพลิงนั่นก็เพียงพอที่จะช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ให้เขาหนึ่งหรือสองดาว” เป่ยหวงกล่าวด้วยความตะลึง

ใบหน้าของแม่นางหยุนและคนอื่นๆเปลี่ยนสี สามารถเพิ่มพลังต่อสู้ได้ถึงหนึ่งหรือสองดาวเชียวรึ? ช่างน่าสะพรึงกลัวนัก!

“ชายคนนั้น… เป็นลูกรักของสวรรค์รึอย่างไร?” ฉือหวงหวงกัดฟัน แม้เขาจะเป็นบุตรของเซียนก็ยังไม่มีวาสนาเช่นฉื้อหวงจี่่

ทุกคนมองไปยังหยางหลินซึ่งเป็นลูกรักของสวรรค์ เขามีวาสนาได้รับอาวุธเซียนไม่สมบูรณ์มาครองและถูกอาวุธนั้นยอมรับเป็นเจ้านาย

หยางหลินส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าเทียบหมอนั่นไม่ได้!”

แม้เขาจะได้ครอบครองอาวุธเซียน แต่มันก็เป็นอาวุธที่ไม่สมบูรณ์ หากเป็นเรื่องการพบเจอสมบัติเขาก็พบเจอเพียงเม็ดยาโบราณที่ช่วยเพิ่มพลังชั่วคราวเท่านั้น ส่วนฉื้อหวงจี่่ล่ะ? เขาได้ครอบครองเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดที่กำเนิดจากสวรรค์และปฐพีซึ่งเปรียบเสมือนมีวิถีแห่งเพลิงอันยิ่งใหญ่อยู่ร่างกายตลอดเวลา เขาจะเทียบกับอีกฝ่ายได้อย่างไร?

ไม่น่าแปลกใจที่ฉื้อหวงจี่่บรรลุระดับดาราได้ภายในอายุสองร้อยปี ด้วยการช่วยเหลือจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิด การทำความเข้าใจศาสตร์แห่งวรยุทธย่อมกลายเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย สิ่งที่อีกฝ่ายต้องทำมีเพียงการสะสมปราณก่อเกิดเพื่อทะลวงระดับ

คนอื่นๆอาจจะไม่รู้ แต่ที่จริงฉื้อหวงจี่่นั้นมีสายเลือดที่น่าสะพรึงกลัวไม่แพ้กัน สายเลือดของเขาสามารถบิดเบือนได้แม้กระทั่งกาลเวลา …เหตุใดสวรรค์ถึงได้ลำเอียงเพียงนี้?

“เจ้าแข็งแกร่งก็จริง แต่ยังไม่เพียงพอที่จะยืนต่อหน้าข้า! ตัวข้าถูกกำหนดให้เป็นผู้อยู่บนจุดสูงสุดมาตั้งแต่แรกแล้ว!” ฉื้อหวงจี่่กล่าวอย่างหยิ่งยโส ในความคิดของเขาอำนาจสวรรค์สมควรเป็นลับที่ทรงพลังที่สุดของหลิงฮัน เพราอย่างไรความสามารถที่ทำให้พลังต่อสู้ของศัตรูลดลงไปถึงสองดาวนั้นถือว่าเป็นความสามารถที่ท้าทายสวรรค์อย่างยิ่ง

โชคร้ายที่ตัวเขามีเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดที่เป็นตัวแทนของสวรรค์และปฐพี เช่นนั้นแล้วพลังต่อสู้ของเขาจะถูกทำให้ลดลงได้อย่างไร?

“พล่ามไร้สาระเยอะเสียจริง!” หลิงฮันไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงกับคนบ้า จริงอยู่ที่อัจฉริยะต้องหยิ่งยโส แต่การเอ่ยคำพูดเดิมซ้ำๆก็เป็นอะไรที่น่ารําคาญ ‘เพี๊ยะ’ เขาดีดนิ้วปล่อยปราณดาบออกมา

ทักษะดาบฟ้าคำราม… ทักษะที่ผสานเอาไว้ด้วยอำนาจของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์

ฉื้อหวงจี่่หัวเราะลั่นและกล่าว “ฮ่าๆ จงศิโรราบต่อหน้าข้า! ข้าคือราชันไร้พ่าย สักวันหนึ่งดินแดนทั้งสองจะถูกข้าผู้นี้เหยียบย่ำ! กบก้นบ่อเช่นเจ้าไม่รู้ว่าตนเองมีวิสัยทัศน์ที่ตื้นแค่ขนาดไหน ความทะเยอทะยานของข้านั้นไกลเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้!”

หลิงฮันเค้นเสียงกล่าว “เจ้าหมายถึงดินแดนแห่งเซียน?”

พรวด!

ฉื้อหวงจี่่สำลักทันที เป้าหมายนี้ของเขาเป็นความลับสุดยอดที่เขาเก็บเอาไว้ในใจมาตลอด

เพราะรับรู้ถึงการมีอยู่ของดินแดนแห่งเซียนทำให้เขาหยิ่งทะนง ไม่ต้องกล่าวเลยว่าต่อให้เป็นอัจฉริยะระดับราชาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือดินแดนใต้พิภพก็ไม่อยู่ในสายตาของเขาเนื่องจากเขาเชื่อว่าสักวันตัวเขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนแห่งเซียนอันสูงส่งที่สามารถเมินเฉยต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมดของสองดินแดนนี้

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับดินแดนใต้พิภพเป็นเพียงหินรองเท้าให้เขาแข็งแกร่งขึ้น เมื่อใดที่เขาบรรลุเป็นเซียน เขาจะก้าวเหนือความสำเร็จทั้งมวลที่มีมาแต่บรรพกาลและข้ามไปยังดินแดนแห่งเซียน

นี่คือความลับยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาที่ไม่เคยกล่าวให้ผู้ใดรู้เนื่องจากไม่มีใครมีคุณสมบัติเพียงพอ!

แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นความลับที่ใหญ่ที่สุดกลับถูกคนอื่นเอ่ยออกมาลวกๆราวกับเป็นเรื่องปรกติ

“เป็นไปได้อย่างไร เหตุใดเจ้าถึงรู้เรื่องนี้?” ใบหน้าของเขาหวาดผวา

หลิงฮันไม่ตอบคำถามของอีกฝ่ายและกล่าวข้อสันนิษฐาน “ก่อนหน้านี้ที่เจ้าหลบลูกศรของข้าได้สมควรเป็นเพราะพลังสายเลือดของเจ้า ถ้าให้ข้าเดาเจ้าเองก็คงเป็นหนึ่งในเผ่าสวรรค์บรรพกาล!”

ฉื้อหวงจี่่แสดงใบหน้าโหดเหี้ยมทันที เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดนูนออกมา

เขาคือผู้เหลือรอดคนเดียวของเผ่าพันธุ์ และในสายเลือดของเขามีสัญชาตญาณที่สั่งเขาว่าห้ามให้ใครล่วงรู้ถึงตัวตนของเขาเด็ดขาด ใครที่รู้ต้องถูกกำจัด

“รนหาที่ตาย!” ฉื้อหวงจี่่คำราม เปลวเพลิงในร่างของเขาปะทุออกมายิ่งกว่าเดิมจนโอบล้อมมิดร่างและปลดปล่อยอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

เปลวเพลิงนี้หากถูกสัมผัสแม้จะเป็นเซียนก็ต้องถูกแผดเผา!

เขาพุ่งทะยานเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีหลิงฮันก่อน

หลิงฮันไม่หวั่นเกรงและตอบโต้เผชิญหน้า

ปัง! ปัง! ปัง!

ฉื้อหวงจี่่แข็งแกร่งมากอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ แต่เห็นได้ชัดว่ากายหยาบของเขาไม่ยอดเยี่ยมเท่าหลิงฮันและฉือหวงซึ่งทำให้เสียเปรียบ เพราะอย่างไรปราณก่อเกิดของเขาก็มีจำกัด นอกจะต้องใช้ปราณก่อเกิดไปกับการโจมตีแล้วยังต้องใช้ป้องกันไปพร้อมๆกันด้วย แต่หากใช้ปราณก่อเกิดไปกับการป้องกันมากเกินไปก็จะโจมตีได้ไม่รุนแรง รู้แบบนี้แล้วเหตุใดเขาถึงยังเป็นฝ่ายกระหน่ำโจมตีก่อน?

ทั้งสองปะทะกันไปหลายกระบวนท่าจนหมัดของฉื้อหวงจี่่เปื้อนไปด้วยโลหิต

แต่ทันใดนั้นเอง ฉื้อหวงจี่่ได้อ้าปากคำรามปล่อยเพลิงสีดำใส่หลิงฮันในระยะประชิด

ระยะเพียงเท่านี้ หลิงฮันจะหลบพ้นได้อย่างไร?

‘คลืนนน’ เพลิงสีดำพุ่งเข้าใส่ใบหน้าหลิงฮันและแผ่ขยายต่อเนื่องจนในที่สุดก็โอบล้อมร่างของหลิงฮันจนมองไม่เห็น

จบสิ้นเสียที เพลิงนี้คือเพลิงที่แม้แต่เซียนก็ยังถูกแผดเผา ต่อให้ที่นี่จะทำอำนาจของมันลดทอนลงมา แต่หากเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเดียวกัน เพลิงนี้สมควรจะเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์

แม้แต่ฉือหวงก็คิดว่าต่อให้หลิงฮันไม่ตายก็ต้องบาดได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงชีวิต เพราะอย่างไรเปลวเพลิงสีดำนี้ก็เป็นถึงเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดที่กำเนิดขึ้นพร้อมกับสวรรค์และปฐพี ระดับของมันสูงยิ่งกว่าสายเลือดจิตวิญญาณศิลาของเขาเสียอีก