ภาคที่ 38 เจ้าดินแดนเสวี่ยอิง ตอนที่ 12 สมัครเข้าร่วมกองล่าสังหาร

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ในสวนดอกไม้ของคูหา

“ฟิ้วๆ…” ลมหนาวพัดหวีดหวิวดุจมีด ท่ามกลางลมหนาวอันมืดฟ้ามัวดินก็มีเกล็ดน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วน เกล็ดน้ำแข็งกระทบบนหลังคา ทางเดิน และบนก้อนหินแล้วก็ถูกกระแทกจนแตกกระจายไป

ภายใต้ศาลาแห่งหนึ่งในสวนดอกไม้ ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์ขาวตลอดร่างกำลังนั่งขัดสมาธิอุ่นกาสุรา ทั้งยังมีผลไม้แปลกหายากนานาชนิด

ตงป๋อเสวี่ยอิงกุมจอกสุราแก้วผลึกเจียระไน ชิมรสสุราผลไม้แล้วหัวเราะเสียงต่ำเบาๆ “ข้ามาถึงโลกทิพย์แห่งนี้ได้นานหมื่นล้านปีแล้ว! อาหารที่เหลืออยู่ก็ไม่มากแล้ว คงจะถึงเวลาไปเข้าร่วมกองล่าสังหาร ไปล่าสังหารสิ่งมีชีวิตคละถิ่นเพื่อกักตุนอาหารแล้วล่ะ”

การประมูลสมบัติคราวก่อน เพราะว่ามีอาหารอยู่ถึงหนึ่งล้านส่วน จึงทำให้เขาสามารถสงบจิตสงบใจอยู่ภายในเมืองได้นานถึงหมื่นล้านปี!

ถึงแม้ว่าซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์เหล่านี้จะยังคงมีมูลค่าสูงลิบลิ่วเช่นเดิม หรือแม้กระทั่งตนยังได้รับซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายห้วงอากาศซากหนึ่งมาจากโลกอสนีบาต แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังไม่อยากขายออกไปอีกครั้งเป็นการชั่วคราว! เพราะว่าเขายังจำเป็นต้องหยั่งรู้ความเร้นลับของกฎเกณฑ์ที่ปรากฏชัดของซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายห้วงอากาศเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง

“นับตั้งแต่การบรรลุในครั้งก่อน ร่างกายคงอยู่ที่ระดับร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่น ร่างกายสามารถต้านทานเอาไว้ได้เป็นระยะเวลาชั่วจิบชาหนึ่ง… ถึงวันนี้ก็ผ่านไปกว่าพันล้านปีแล้ว ความก้าวหน้าก็ยังน้อยนิดยิ่งนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบส่ายศีรษะ

การบรรลุในครั้งก่อนก็เป็นช่วงเวลาในการสั่งสมแสงทิพย์วิญญาณ์อันหนาแน่น

ต่อมาก็ทำให้เคล็ดวิชาฝึกกายนี้สมบูรณ์แบบขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระยะเวลาที่ต้านทานเอาไว้ได้ยาวนานขึ้น… เมื่อถึงเวลาร่างกายสามารถคงอยู่ได้อย่างเสถียรอย่างสมบูรณ์แบบ ภายในไม่แหลกสลายอีกต่อไป ก็เป็นเวลาที่สำเร็จเป็นร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ก็หมายความว่าไปถึงขั้นสุดยอดที่ต่ำกว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นลงมาแล้ว

“คิดอยากจะก้าวหน้าอีกอย่างนั้นหรือ”

“ข้อแรก ต้องสั่งสมเป็นระยะเวลายาวนานพอ ค่อยๆ ทำให้สมบูรณ์แบบอย่างช้าๆ การจะบำเพ็ญอย่างสงบที่โลกทิพย์แห่งนี้ให้เนิ่นนานพอ ก็ต้องเตรียมอาหารให้มากพอด้วย”

“ข้อสอง สะสมซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายห้วงอากาศระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ให้มากขึ้น หรือแม้กระทั่งได้รับซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายห้วงอากาศระดับสูงร่างหนึ่ง! อ้างอิงจากข้อมูล ในบรรดานักโทษคละถิ่น…มีทางสายห้วงอากาศอยู่ทั้งหมดสามคน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ ภายในโลกทิพย์มีเผ่าพันธุ์คละถิ่นทางสายห้วงอากาศอยู่ถึงสามสิบห้าคน!

แต่มีเพียงแค่ชาวเผ่าที่ทางสายห้วงอากาศแข็งแกร่งที่สุดสามคนเท่านั้น จึงจะมีนักโทษคละถิ่น

นักโทษคละถิ่น ถึงแม้ว่าต่างก็มีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นขั้นสูงกันทั้งสิ้น! พลังยุทธ์ที่แท้จริง เพียงพลิกฝ่ามือก็สามารถผลาญสังหารพวกตงป๋อเสวี่ยอิงได้อย่างง่ายดายแล้ว แต่ถึงอย่างไรต่างก็ถูกกักขังด้วยกันทั้งสิ้น ยิ่งห่างไปไกลจากที่มั่น การลงโทษที่พบเจอยิ่งแข็งแกร่ง พลังยุทธ์ก็ยิ่งต่ำ!

ทั่วทั้้งโลกทิพย์…

ในบรรดานักโทษคละถิ่นมากมาย ‘เจ้าทะเลหุบเหวลึก’ ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นแข็งแกร่งจนทำให้คนสิ้นไร้ความหวัง แต่นอกจากเจ้าทะเลหุบเหวลึกแล้วนักโทษคละถิ่นคนอื่นๆ ก็ยังมีความเป็นไปได้ในการผลาญสังหาร

มังกรติดสันดอนถูกกุ้งขวาง เสือมาถึงลานกว้างถูกสุนัขรังแก นักโทษคละถิ่นเหล่านี้อยู่ที่โลกทิพย์ ต้องเจอกับโซ่ตรวนหนาหนัก ก็ย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะตายตกไปอยู่แล้ว

แม้กระทั่งข้อความที่เจ้าดินแดนผู้ยิ่งใหญ่ทิ้งเอาไว้…

ขอเพียงแค่ล่าสังหารเจ้าทะเลหุบเหวลึกได้สำเร็จ ผู้บำเพ็ญที่มีส่วนช่วยมากที่สุดก็จะสามารถได้รับการตกรางวัลอันชวนให้คนตกใจ

“บุคคลที่น่าหวาดหวั่นที่สุดในบรรดผู้แกร่งกล้าคละถิ่นอย่าง ‘เจ้าดินแดน’ อย่างน้อยก็ต้องคาดหวังให้พวกเราสังหารนักโทษคละถิ่นเหล่านี้อยู่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมมีความคาดหวังนี้อยู่เช่นเดียวกัน

กฎเกณฑ์ของซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงตนหนึ่งปรากฏชัด เกรงว่าจะต้องแข็งแกร่งกว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นธรรมดาทั่วไปอยู่มากแล้ว

“ข้อสาม ออกไปล่าสังหารในครั้งนี้ก็สามารถขัดเกลาระหว่างการต่อสู้ได้ แล้วยังเป็นการพิสูจน์วิถีอากาศของข้าระหว่างการต่อสู้ด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ ผ่านการต่อสู้ ก็จะมองเห็นข้อบกพร่องของตนเองออกมาได้ แล้วปรับปรุงมันให้ดี

อาหาร ร่างกายที่จำเป็นต่อการบำเพ็ญ และการขัดเกลาด้วยการต่อสู้…

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมต้องออกไปอยู่แล้ว

เจ้าดินแดนผู้กล้าแกร่งสถาปนาโลกทิพย์ เหลือสภาวะแวดล้อมในการดำรงชีวิตอันเลวร้ายเช่นนี้เอาไว้ ก็ย่อมรู้สึกว่าระหว่างการขัดเกลาความเป็นความตายมีส่วนช่วยเหลือต่อการ ‘สำเร็จเป็นคละถิ่น’

“กองล่าสังหาร”

ตงป๋อเสวี่ยอิงทำการตรวจสอบผ่านวัตถุส่งสารในทันที

กองล่าสังหารกองใหม่ล่าสุดก่อตั้งขึ้นโดย ‘นักพรตโยวหยา’ เป้าหมายสุดท้ายก็คือการโจมตี ‘งูอลหม่านไร้หม่น’ สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ ผู้สมัครสำรองอย่างน้อยห้าสิบคน ตอนนี้ก็มีผู้บำเพ็ญสมัครเข้าร่วมสามสิบสามคนแล้ว

“งูอลหม่านไร้หม่นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ นี่ก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่นับได้ว่าสายโลหิตค่อนข้างสูงส่งในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นต่างๆ ภายในโลกทิพย์แล้ว

อ้างอิงจากกฎกติกา

กองล่าสังหารจะมุ่งหน้าไปตลอดทาง หลังจากที่สังหารงูอลหม่านไร้หม่นตนหนึ่งได้แล้วก็จะกลับ

ในระหว่างที่เดินทางไปและกลับ… ก็ย่อมได้พบกับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นตนอื่นๆ อยู่แล้ว ก็สามารถต่อสู้นำมาเป็นอาหารได้ รอหลังจากที่กลับแล้วก็จะทำการแบ่งสรรปันส่วนอาหาร โดยอ้างอิงจากระดับการมีส่วนร่วมในการต่อสู้ของบรรดาสมาชิกทั้งหมดแต่ละคน! ‘วิญญาณอาวุธตำหนักเมฆาแดง’ สามารถตรวจสอบการต่อสู้ทั้งหมดในระหว่างการไปและกลับของการล่าสังหารได้อย่างง่ายดาย แล้วทำการปันส่วนอย่างยุติธรรม ส่วน ‘งูอลหม่านไร้หม่น’ เป้าหมายสุดท้ายของกองล่าสังหารนั้น ผู้จัดตั้งกองกำลังมีสิทธิ์ที่จะเลือกได้โดยตรง! แน่นอนว่าในยามที่ปันส่วนอาหารในท้ายที่สุด ผู้จัดตั้งกองกำลังก็จำเป็นจะต้องชดเชยให้กับสมาชิกคนอื่นๆ ด้วย

“พี่โยวหยา” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มออกมา ตอนที่ประมูลสมบัติ เขาก็เคยสนทนากับนักพรตโยวหยาท่านนี้อยู่หลายประโยค

นักพรตโยวหยา พลังยุทธ์ก็มีคุณสมบัติพอจะจัดเป็นอันดับที่หลายสิบของเมืองเมฆาแดงได้

“ขอสมัครเข้าร่วม!”

ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

รายชื่อกองล่าสังหารในครั้งนี้มีชื่อเพิ่มขึ้นมาอีกชื่อหนึ่งในทันที กลายเป็นสามสิบสี่คน!

ขณะเดียวกันนั้นข้อมูลนี้ก็ถูกส่งไปให้กับผู้บำเพ็ญที่มีอยู่ในเมืองเมฆาแดง

……

เสียฝานกำลังบำเพ็ญอย่างสงบอยู่ภายในโถงตำหนักใต้ดินของคูหาตนเอง

เขานั่งขัดสมาธิ หลุบเปลือกตาลง กลิ่นอายตลอดร่างก็มิได้เก็บงำเลยแม้แต่น้อย ทำให้กาลมิติโดยรอบล้วนบิดเบี้ยวพังทลาย เขา ‘เสียฝาน’ ก็คือผู้ที่จัดได้ว่าร่างกายมีน้ำหนักมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาผู้บำเพ็ญที่มีอยู่ทั้งหมดของเมืองเมฆาแดง ร่างกายก็แข็งแกร่งจนถึงระดับเหนือจินตนาการ

แม้กระทั่งใบเมฆาวายุก็ยังเชื่อมั่นในตัวเขาเป็นอย่างยิ่ง! อันที่จริงแล้วมาถึงระดับขั้นเช่นเขา แม้กระทั่งสามเจ้าเมืองก็ยังแข็งแกร่งกว่าเขาอยู่เพียงแค่ไม่กี่ส่วนเท่านั้นเอง

แม้กระทั่งการห้ำหั่นอย่างเอาเป็นเอาตาย สามเจ้าเมืองสู้หนึ่งต่อหนึ่งกับเสียฝานก็พูดได้เพียงว่าเหนือกว่าอยู่เล็กน้อยเท่านั้น! ไม่สามารถถือครองความได้เปรียบอย่างสิ้นเชิงได้

ถึงอย่างไรเมื่อยิ่งเข้าใกล้ขีดจำกัด ความแตกต่างระหว่างพลังยุทธ์ก็ยิ่งน้อย

พลังยุทธ์เช่นนี้ ถึงแม้ว่าอุปนิสัยของเสียฝานจะชั่วร้ายอย่างยิ่ง ผู้บำเพ็ญจำนวนมากก็ยังไม่อยากจะล่วงเกินเขาอยู่ดี

เสียฝานก็มิได้โง่เง่า…

ผู้ที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่ง สามารถเอาชนะจนเขาเห็นอยู่ในสายตาได้ เขาจึงจะไว้หน้า

ก็มีเพียงแค่ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ธรรมดาทั่วไปเท่านั้นที่เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย

เพราะว่าเขาถึงขนาดที่สามารถทำการสังหาร ‘สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์’ แบบตัวต่อตัวให้ตายทั้งเป็นได้! ความสามารถในการรักษาชีวิตรอดของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นก็อาจแข็งแกร่งมาก เขาก็มีหวังที่จะจัดการทิ้งแบบตัวต่อตัวได้ ภายในเมืองแห่งนี้ประกอบด้วยระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ธรรมดาทั่วไปอยู่ถึงแปดส่วน หากเขาต้องการสังหารแบบตัวต่อตัวก็ยิ่งทำได้อย่างสบาย

สามารถสังหารได้อย่างง่ายดาย เขาก็ย่อมไม่ใส่ใจอยู่แล้ว และด้วยเหตุนี้เองเขาจึงไปยังคูหาของตงป๋อเสวี่ยอิงไปรังแกตงป๋อเสวี่ยอิงโดยกรง จะคิดเสียที่ไหนกันว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะมิได้แยแสการคุกคามของเขาเลย

“พี่ใหญ่เสียฝาน” มีข้อความส่งมาในทันใด

“มีเรื่องอันใดหรือ”

เสียฝานลืมตาขึ้นอย่างไม่ชอบใจอยู่บ้าง ยามที่เขาบำเพ็ญไม่ชอบถูกรบกวน แม้กระทั่งข้อมูลที่ตำหนักเมฆาแดงส่งมา โดยทั่วไปต่างก็ถูกสกัดเอาไว้ ถึงอย่างไรข่าวคราวเกี่ยวกับกองล่าสังหารกองแล้วกองเล่าก็มากมายเกินไปเสียแล้ว ยามที่บำเพ็ญก็ไม่มีทางสงบจิตใจได้เลย

“ท่านให้ข้าคอยสอดส่องข่าวคราวของเจ้าหิมะเหินผู้นั้น เจ้าหิมะเหินผู้นั้นได้สมัครเข้าร่วมกองล่าสังหารใหม่ล่าสุดเรียบร้อยแล้วขอรับ”

“เขาเข้าร่วมแล้วหรือ”

เสียฝานตรวจดูในทันที

ข้อมูลปริมาณมหาศาลที่ถูกสกัดกั้นเอาไว้ก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาได้รับข้อมูลใหม่ล่าสุดอย่างรวดเร็ว

ก็เป็นข่าวคราวเกี่ยวกับกองล่าสังหารที่ ‘นักพรตโยวหยา’ จัดตั้งขึ้น ตอนนี้มีผู้บำเพ็ญสามสิบสี่ท่านแล้ว คนใหม่ล่าสุดในนั้นก็คือจ้าวหิมะเหินนั่นเอง!

“หึๆ ในที่สุดก็เข้าร่วมกองล่าสังหารแล้ว ข้ายังคิดว่าเจ้าจะไม่ออกไปตลอดกาลเสียอีก” เสียฝานยิ้มเย็น  นั่งกินๆ นอนๆ อยู่ในเมืองเมฆาแดง มีอาหารมากมายเท่าใดก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว เสียฝานรอวันนี้มานานแล้ว “ผู้ตระหนักวิถีคนหนึ่ง ระเบิดพลังยุทธ์ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ออกมาได้อย่างทุลักทุเล พลังยุทธ์เช่นนี้สามารถพบได้ทุกหนแห่งในเมืองเมฆาแดง ถึงกับบังอาจไม่ไว้หน้าข้า แม้กระทั่งยามที่ประมูลสมบัติก็ถึงกับไม่ยอมให้ข้าไปเยือนบ้าน ยอดเยี่ยมนัก!”

“สมัครเข้าร่วม”

เสียฝานสมัครเข้าร่วมกองล่าสังหารในครั้งนี้โดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

กองล่าสังหารมีชื่อเพิ่มขึ้นมาอีกชื่อหนึ่งในทันที… ‘เทพมารเสียฝาน’!

“เจ้าเด็กหิมะเหิน มาดูกันว่าเจ้าเตรียมการอย่างไร จะอยากถอนตัวออกไปหรือไม่” เสียฝานยิ้มเยาะ อ้างอิงจากกฎกติกา ขอเพียงแค่กองกำลังยังไม่ออกไปจากเมืองเมฆาแดง ก็สามารถถอนตัวออกไปได้ตลอดเวลา! ถึงอย่างไรผู้บำเพ็ญก็สามารถแสงทิพย์วิญญาณ์ปรากฏ จะออกจากการปลีกวิเวกอย่างฉับพลัน หรือว่าด้วยเหตุผลพิเศษอื่นๆ แล้วเลือกที่จะ ‘ถอนตัวออกจากกองกำลัง’ ก็ย่อมได้ทั้งสิ้น

แต่หากถอนตัวออกไปแล้วก็จำเป็นต้องจ่าย ‘อาหารหนึ่งส่วน’! นี่ก็เพื่อป้องกันมิให้บรรดาผู้บำเพ็ญเดี๋ยวเข้าร่วม เดี๋ยวถอนตัวออกไป!

อาหารหนึ่งส่วนก็เพียงพอให้กินไปนานหนึ่งหมื่นปีแล้ว หากไม่มีเหตุผลพิเศษก็ไม่มีใครโง่เง่าถอนตัวออกไปอยู่แล้ว

“ข้าจับจ้องเจ้าแล้ว”

“ถ้าหากเจ้าถอนตัวออกไปในครั้งนี้ แล้วครั้งต่อไปก็ถอนตัวออกไปอีกหรือ หรือว่าจะถอนตัวออกไปชั่วนิรันดร์กันเล่า หากไม่มีอาหาร ก็จะต้องประสบกับการหิวตายทั้งเป็น ไม่ว่าอย่างไร ในที่สุดเจ้าก็จำเป็นต้องออกไปล่าสังหารอยู่ดี” เสียฝานยิ้มเยาะ สถานะของเขาสูงส่ง พลังยุทธ์ก็แกร่งกล้าอย่างยิ่ง ก็ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องอาหารเลยแม้แต่น้อย

……

ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูพายุคลั่งที่พัดกรรโชก ดื่มสุราผลไม้ ทันใดนั้นก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา

เพราะว่าหลังจากที่ตนสมัครเข้าร่วมพลพรรคแล้ว เพียงไม่นานก็มีผู้บำเพ็ญสองท่านสมัครเข้าร่วมอย่างต่อเนื่องกัน หนึ่งในนั้นก็ยังเป็นผู้ที่มีความแค้นกับตนอีกด้วย

“เสียฝานหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมุมปากยกยิ้มเล็กน้อย “เขาก็เข้าร่วมกองล่าสังหารกองนี้แล้วหรือ คราวก่อนถูกข้าตีแสกหน้า ถึงขนาดที่ข้าผลักไสเขาออกไป ห้ามเขามิให้เข้ามาในคูหาของข้า เขาก็ยังอยากจะแก้แค้นข้าจริงๆ สินะ”

……………………………