ตอนที่ 2081 อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์!

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2081 อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์!

“ใช่แล้ว นายท่าน!” เต่าหลังดำตอบพร้อมกับพยักหน้า

มันอาจรับมือกับเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวและคนอื่นๆได้ แต่หากเป็นฉลามสามพี่น้อง ก็จนปัญญา

เพราะพวกมันล้วนเป็นประชากรท้องถิ่นของทะเลพลัดดาว จึงรู้จุดอ่อนจุดแข็งของกันและกันเป็นอย่างดี ถ้ามันไม่หนีจากทะเลว่างเปล่ามา คงตายไปนานแล้ว

“ไม่เพียงแต่พวกมันจะเป็นอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ยังแข็งแกร่งกว่าผมด้วย ผมเชี่ยวชาญการป้องกันตัว ขณะที่พวกมันเชี่ยวชาญการโจมตี ถ้านักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่สะกดรอยตามผมและสู้กับผมก่อนหน้านี้ถูกพวกมันรุมล้อมล่ะก็ ผมยังสงสัยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ถึง 3 อึดใจหรือเปล่า!” เต่าหลังดำพูด

จางเซวียนหรี่ตาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

ไป่ซวนเฉิงอาจไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้นำของ 6 สำนักใหญ่ แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอที่สุดเหมือนกัน การที่นักรบระดับเขาไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ถึง 3 อึดใจเมื่ออยู่ต่อหน้าฉลามพวกนั้น…ก็ดูเหมือนพวกมันจะเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงจริงๆ!

“นายท่าน ทำไมเราไม่ล้มเลิกความคิดนั้นเสีย ยังไม่สายนะถ้าจะเดินทางไปที่นั่นหลังจากที่คุณสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว” เต่าหลังดำพยายามหว่านล้อมแม้จะสิ้นหวัง

เจ้านายของมันมีกลเม็ดเด็ดพรายซุกซ่อนไว้มากมาย และไก่น้อยตัวนั้นก็เป็นอสูรที่เก่งกาจ แต่มันก็ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าอะไรๆไม่ปลอดภัย เพราะถึงอย่างไร พวกเขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์พร้อมกันทีเดียวถึง 3 ตัว ต่อให้ไก่น้อยนั่นกลืนลงไปได้สักตัวหนึ่ง ก็ยังเหลืออีก 2 ตัวให้ต้องรับมือ

จางเซวียนนิ่งไปครู่หนึ่ง “ตอนนี้คุณกลับเข้าไปในกระสอบอสูรก่อนเถอะ ผมจะแอบเข้าไปที่นั่นอย่างเงียบๆ แค่เฝ้าดู และจากนั้นก็จะออกมาโดยไม่ทำให้พวกมันรู้ตัว”

เขาลงทุนมาถึงนี่แล้ว จะให้กลับไปโดยไม่เสาะหาข้อมูลเลยได้อย่างไร?

เต่าหลังดำไม่เชี่ยวชาญการสะกดรอย อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ตัวอื่นๆจึงตรวจจับการปรากฏตัวของมันได้ง่าย แต่ตัวเขาปกปิดรังสีได้ด้วยการขับเคลื่อนเคล็ดวิชาเทียบฟ้า จึงมั่นใจว่าจะซ่อนตัวจากฉลามสามพี่น้องที่เต่าหลังดำพูดถึงได้ไม่ยาก

เมื่อรู้ว่าหมดหนทางหว่านล้อมเจ้านายของมัน เต่าหลังดำถอนหายใจอย่างจนปัญญาก่อนจะกลับเข้าไปในกระสอบอสูร

เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น จางเซวียนรีบปกปิดรังสีของเขาและอำพรางตัว ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปตามทิศทางที่เต่าหลังดำเคยบอกไว้

เขากลั้นหายใจอย่างระแวดระวังขณะปล่อยตัวให้กระแสน้ำพัดไปตามก้นมหาสมุทรที่มืดมัว โชคดีที่ก้นทะเลว่างเปล่ามีปะการังและสาหร่ายต้นสูงอยู่มากมาย ทำให้ซ่อนตัวได้ง่ายขึ้น

ขณะรุดหน้าต่อไป จางเซวียนนึกสงสัย ถ้าหลัวลั่วชิงคือผู้ที่เข้าสู่มิติเบื้องบนด้วยการฝ่าปราการมิติที่นี่…แล้วใครคือผู้รับตัวเธอ?

ถ้าสาวน้อยที่เต่าหลังดำพูดถึงเป็นหลัวลั่วชิงจริงๆ ใครคือผู้ประกอบพิธีกรรมเรียกตัวเธอมา?

จนถึงตอนนี้ ผู้เดียวที่จางเซวียนรู้ว่าสามารถประกอบพิธีกรรมเพื่อเรียกเหล่าเทพเจ้ามาได้ก็มีแต่เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นเท่านั้น

แต่ถ้าเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นเรียกหลัวลั่วชิงมาจริง แล้วเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดเสียเลือดปริมาณมากที่ทำให้น้ำในมหาสมุทรเปลี่ยนสีได้อย่างไร?

ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับหลัวลั่วชิงเรียงรายกันเข้ามาในหัวสมองของเขา เหมือนความทรงจำอันน่ากังขาที่ไม่อาจคลี่คลายได้ ทำให้จางเซวียนท้อใจมาก

เขาเริ่มรู้สึกว่าการทำความเข้าใจหญิงสาวที่เขารักช่างยากเย็นเหลือเกิน

จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็นำจี้สีแดงก่ำที่ห้อยไว้ตรงหน้าอกออกมา เขาหลับตาและเพ่งสมาธิสู่พลังจิตวิญญาณที่อยู่ภายใน ไม่ช้าก็รู้สึกว่ามันค่อยๆอุ่นขึ้น

ดูเหมือนเรื่องนี้มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเธอ จางเซวียนคิดขณะรีบรุดหน้าต่อไป

10 นาทีต่อมา เขาก็หยุดอยู่ที่ท้องร่องบริเวณก้นมหาสมุทร

ตามข้อมูลของเต่าหลังดำ ท้องร่องนี้คือบริเวณที่ฉลามสามพี่น้องพำนักอยู่

จางเซวียนแอบดู และรู้สึกได้ว่าน้ำบริเวณนี้มีสีแดงเข้มกว่าที่อื่น ในเวลาเดียวกัน พลังจิตวิญญาณก็เข้มข้นกว่ามาก พืชพันธุ์มากมายขึ้นก่ายกองทับกันหนาแน่นเต็มพื้นที่

ตรงนี้จะต้องเป็นบริเวณที่หยดเลือดกระจายตัวลงมาแน่

พลังจิตวิญญาณที่เข้มข้นกว่าที่อื่นมากบ่งบอกว่าจุดนี้คือต้นกำเนิดของมัน จางเซวียนรู้สึกได้ว่าจี้ที่เขาห้อยคออยู่ค่อยๆร้อนขึ้น

หากเขาต้องการสืบเสาะเรื่องราวให้ลึกซึ้งกว่านี้เพื่อดูว่าหลัวลั่วชิงเกี่ยวข้องกับอะไร ก็น่าจะเป็นสิ่งนี้นี่เอง

แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะมีอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อยู่ข้างในถึง 3 ตัว จางเซวียนจึงไม่พรวดพราดเข้าไป เขาซ่อนตัวอยู่หลังโขดหินเพื่อสังเกตการณ์

พื้นที่ก้นทะเลที่หนาแน่นไปด้วยพืชน้ำเขียวชอุ่มบดบังทัศนวิสัยมาก แต่จางเซวียนก็พอมองเห็นอย่างเลือนรางว่ามีสิ่งมีชีวิตมากมายแหวกว่ายไปมา แต่ไม่มีร่องรอยที่บ่งบอกเลยว่าฉลามสามพี่น้องอยู่แถวนี้

เขาคุยกับเต่าหลังดำระหว่างกำลังเดินทางมาที่นี่ ดูเหมือนเต่าหลังดำจะถูกฉลามสามพี่น้องโจมตีเพราะไม่ยอมเป็นบริวารของพวกมัน

ถ้าไม่ใช่เพราะกระดองอันแข็งแกร่งและความว่องไวอย่างน่าทึ่ง เต่าหลังดำคงสังเวยชีวิตให้ฉลามสามตัวนั้นไปนานแล้ว

แม้ทั้งสองฝ่ายจะเคยสู้กันมาก่อน แต่เต่าหลังดำก็ไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับถิ่นที่อยู่ของฉลามสามพี่น้อง จึงไม่อาจให้รายละเอียดที่เป็นประโยชน์ได้

เรื่องนี้ถือว่าช่วยไม่ได้จริงๆ

จางเซวียนไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อทำไม เขาลัดเลาะไปตามริมท้องร่องและเล็ดลอดเข้าสู่พื้นที่นั้น

ท้องร่องนี้มีลักษณะเหมือนหุบเขาที่ไม่อาจหยั่งความลึกได้ แสงอาทิตย์ส่องลงไปไม่ถึง จึงมืดสนิท

ด้วยวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงและดวงตาหยั่งรู้ของจางเซวียน เขาจึงคลำทางในความมืดได้โดยไม่มีปัญหา จางเซวียนลัดเลาะไปตามท้องร่องและเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ

มันเงียบกริบอย่างน่าประหลาด

บางเวลา เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำที่เขาเคยเห็นก็หายวับไปจากสายตา ราวกับเขาได้รุกล้ำเข้าสู่ดินแดนแห่งความตาย

จางเซวียนมั่นใจว่าเขาสามารถอำพรางตัวได้แม้จะต้องเผชิญหน้ากับอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ จึงไม่กังวลมากนัก เขาสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียดลออและเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ

น่าจะเป็นเพราะอานุภาพของโลหิตเทพเจ้าที่อยู่ในพื้นที่นี้ พืชพรรณที่นี่จึงล้วนแต่ดกหนาและแข็งแกร่งทนทาน แม้นักรบที่มีพละกำลังระดับจางเซวียนก็ไม่อาจแผ้วถางกิ่งก้านของมันที่กองทับกันระเกะระกะได้โดยง่าย

พูดอีกอย่างก็คือ ความแข็งแกร่งของพืชใต้น้ำเหล่านี้เทียบได้กับของล้ำค่าระดับอมตะตัวจริงโดยทั่วไปเลยทีเดียว!

อานุภาพของโลหิตเทพเจ้านั้นไร้เทียมทาน ไม่เพียงแต่จะทำให้อสูรระดับอมตะขั้นสูงสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน แม้แต่พืชก็ยังแข็งแกร่งขึ้นมาก

ยิ่งจางเซวียนลัดเลาะลึกเข้าไปเท่าไหร่ พลังจิตวิญญาณโดยรอบก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกได้ว่าทุกเซลล์ในร่างกายกำลังตื่นตัว พยายามจะกลืนกินพลังงานที่อยู่โดยรอบ

แต่จางเซวียนรู้ดีว่าจะต้องถูกพบตัวทันทีหากทำอะไรเอิกเกริกไป จึงยั้งใจไว้ หลังจากว่ายลึกลงไปอีก 2000 เมตร ก็มาถึงก้นทะเลอีกจุดหนึ่ง

จางเซวียนลัดเลาะต่อไป เห็นถ้ำขนาดใหญ่

เขาเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้เพื่อตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนก่อนพยักหน้า “ตรงนี้น่าจะเป็นที่อยู่ของฉลามสามพี่น้อง…”

มีรังสีรุนแรงแผ่ซ่านออกจากภายใน คล้ายกับรังสีที่เขารู้สึกได้จากเต่าหลังดำและเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยว เป็นไปได้ว่าฉลามที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้ง 3 ตัวน่าจะอยู่ในนั้น

จางเซวียนแตะจี้สีแดงก่ำที่ห้อยไว้บริเวณหน้าอกอีกครั้ง รู้สึกได้ว่ามันร้อนผ่าวจนแทบลุกไหม้ ความร้อนนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเขาเหยียบย่างเข้าสู่ภายในถ้ำ

หรือว่า…ตรงนี้ยังมีโลหิตเทพเจ้าที่ฉลามพวกนั้นยังไม่ได้กลืนกินไป?

ปฏิกิริยาตอบสนองของจี้นั้นไม่ซับซ้อน ยิ่งโลหิตเทพเจ้ามีความเข้มข้นมากขึ้นเท่าไหร่ ความร้อนที่จี้ปล่อยออกมาก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ด้วยความร้อนของจี้ในเวลานี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าน่าจะยังมีโลหิตเทพเจ้าบางส่วนที่ยังไม่ได้ถูกกลืนกิน

ถ้าเขาพบมัน ก็น่าจะหาทางชี้ชัดได้ว่ามันมาจากหลัวลั่วชิงหรือไม่!

ไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ*–*เราต้องยอมเสี่ยง จางเซวียนตัดสินใจพร้อมกับกัดฟันกรอด ก่อนจะว่ายช้าๆเข้าสู่ถ้ำ

ถ้ำนั้นมีความกว้างหลายร้อยเมตร

หลังจากเข้าไปได้ไม่ไกล จางเซวียนก็รู้สึกได้ว่าในถ้ำขนาดใหญ่นั้นมีอสูรจำนวนหนึ่งเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบในรูปแบบของค่ายกล

เมื่อมองใกล้ๆ เขารู้ทันทีว่าแม้แต่ตัวที่อ่อนแอที่สุดก็มีวรยุทธระดับอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ ส่วนอสูรที่มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงนั้นน่าจะมีอยู่อย่างน้อยหลายร้อยตัว

อสูรระดับอมตะขั้นสูงหลายร้อยตัว…จางเซวียนใจเต้นตึกตัก

ค่ายกลนี้แข็งแกร่งกว่าค่ายกลของ 6สํานักใหญ่แน่!

“ด้วยความแข็งแกร่งของราชาของพวกเรา เราจะเป็นใหญ่ในทะเลพลัดดาว จะไม่มีมนุษย์หน้าไหนย่างกรายเข้ามาในอาณาเขตของพวกเราได้อีก!”

“ใช่แล้ว! ราชาของเราสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ เทียบชั้นได้กับบรรดาผู้นำของ 6 สํานักใหญ่ ทันทีที่ราชาออกคำสั่ง พวกเราจะสังหารมนุษย์ทุกคนที่กล้าบุกรุกที่นี่ จะได้รู้กันไปว่าใครใหญ่!”

อสูรหลายตัวตะโกนก้องด้วยอารมณ์เร่าร้อน

จางเซวียนมองค่ายกลที่อยู่ตรงหน้า เห็นบัลลังก์ขนาดมหึมา 3 อันตั้งตระหง่านอยู่ในจุดที่ลึกที่สุดของถ้ำ

ฉลามสามพี่น้องอยู่บนบัลลังก์นั้น แต่ละตัวแผ่ความกดดันหนักหน่วงออกมา

อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์!

ฉลามแต่ละตัวแข็งแกร่งกว่าเต่าหลังดำมาก

ลำพังพวกมันเพียงตัวเดียวยังทรงพลังขนาดนี้ ก็น่าสะพรึงทีเดียวหากจะนึกภาพว่าเมื่อทั้งสามผนึกกำลังกันแล้วจะเป็นอย่างไร

“เหตุผลที่เราเรียกพวกคุณทั้งหมดมารวมตัวกันในวันนี้ก็เพื่อเตือนให้ทุกเผ่าพันธุ์รู้ว่ามหาสมุทรนี้เป็นของเรา ตลอดหลายปีมานี้ มนุษย์รุกล้ำอาณาเขตของเราและฉกฉวยทรัพยากรของเราไป เราจะทำให้ไอ้หัวขโมยสารเลวพวกนั้นรู้ว่าเราจะไม่อดทนกับพฤติกรรมของพวกมันอีกแล้ว ใครก็ตามที่รุกล้ำเข้ามาจะต้องถูกฆ่าโดยปราศจากความปรานี!”

ฉลามตัวที่นั่งอยู่ตรงกลางพูดด้วยเสียงดังสนั่น กึกก้องไปทั่วทั้งถ้ำ

“ราชาของเราพูดถูกที่สุด! มหาสมุทรเป็นของพวกเรา!”

“เราต้องยับยั้งทรราชย์ 6 สำนักนั้นให้ได้ โดยเฉพาะพวกตำหนักคว้าดาว!”

ความร้อนเร่ากระจายออกไปถึงเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำชนิดอื่นๆ พวกมันส่งเสียงขานรับสนับสนุนเซ็งแซ่

พวกนี้คิดจะก่อตั้งกลุ่มอำนาจของตัวเองอย่างจริงจังหรือ*?* จางเซวียนคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีสิ่งมีชีวิตทรงพลังอยู่มากมายในมหาสมุทร แต่ไม่เคยมีตัวไหนสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มาก่อน ดังนั้นพวกมันจึงไม่แข็งแกร่งพอจะต่อสู้กับ 6 สำนักใหญ่

แต่เมื่อจู่ๆมีอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ปรากฏขึ้นถึง 3 ตัว เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำที่มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงก็ไม่อาจระงับความทะเยอทะยานไว้ได้อีก พวกมันตั้งใจจะรวบรวมเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อสร้างกลุ่มอำนาจที่สามารถรับมือกับ 6 สำนักใหญ่ได้