ตอนที่ 2238 โซ่แห่งจิตสัมผัสและสายฟ้าแห่งการลงโทษ

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

แสงวาวใสของโซ่สีเงินประกายขึ้น และปรากฏขึ้น คล้ายกับไม่ใช่ของจริง

ร่างของนางพญาหนอนข้าวพลันบิดไปมาติดต่อกันกี่ครั้ง ก็ไม่มีทางที่จะปลดโซ่ออกได้

“นี่คือโซ่แห่งจิตสัมผัส เป็นไปไม่ได้! เจ้า…เจ้ายังบำเพ็ญตนอยู่มีเคล็ดวิชาหลอมจิตวิชาอิทธิฤทธิ์นี้! วิชาลับนี้ จะพลัดไปถึงแดนมนุษย์ได้อย่างไรกัน” หลังจากที่นางพญาหนอนข้าวกวาดตามองไปยังโซ่อย่างโหดเหี้ยม สีหน้าครั้งแรกเผยความไม่น่าเชื่อออกมา ในขณะเดียวกันในความเลือนรางก็ปรากฏสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อยออกมา

ตอนนี้หานลี่ในร่างวานรยักษ์ กลับไม่แสดงสีหน้าและเอ่ยคำใดออกมาเลย แขนทั้งหกข้างอยู่ในท่าสวดเต้าหยิน ปากก็ร่ายคาถาเก่าแก่บางอย่างออกมาเบาๆ

ทันใดนั้น โซ่สีเงินก็พลันรัดแน่นขึ้น ไม่นานก็มัดร่างของนางพญาหนอนข้าวให้แน่นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

“ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณแต่แล้วยังไง ด้วยพลังจิตสัมผัสนี้ของเจ้า ยังสามารถมัดร่างกายที่แท้จริงของข้าได้จริงหรือ!” อย่างไรเสียนางพญาหนอนข้าวก็ไม่รู้จักชีวิตธรรมดา ทันใดนั้นก็ตื่นจากอาการตกใจ จากนั้นปากเอ่ยตะคอกขึ้น อักขระศักดิ์สิทธิ์หลากสีก็ปรากฏออกมาจากร่างกาย อีกสองหัวแต่เดิมที่ปิดสนิท และทันใดนั้นดวงตาปีศาจก็เปิดขึ้น สายที่เยือกเย็นปรากฏแวบขึ้นมา

ทันใดนั้น ร่างของนางพญาหนอนข้าวก็ปล่อยลมปราณที่พิลึกออกมาสองครั้ง คลื่นพลังยุทธ์เดิมที่หายไป ก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ อีกครั้งในร่างกายของเขา

ได้เห็นกับตาว่าการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจยิ่งของนางพญาหนอนข้าว ใบหน้าของหานลี่ในร่างวานรยักษ์กลับปรากฏความรู้สึกแปลกประหลาดใจแวบขึ้นมา ทันใดนั้นก็เอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นเบาๆ ที่ทำให้นางพญาหนอนข้าวนั้นรู้สึกงุนงงขึ้นมา

“เดิมทีข้าไม่ได้คาดหวังกับอิทธิฤทธิ์ของวิชานี้ ว่าจะสามารถกลับแพ้เป็นชนะได้จริง แต่ผูกมัดเจ้าไว้สักพัก ก็น่าจะพอแล้ว”

“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” นางพญาหนอนข้าวงุนงง กวาดสายตาอย่างรวดเร็ว แต่ทั่วทุกทิศนอกเหนือจากนักพรตเซี่ยที่นั่งขัดสมาธิไม่ไหวติงไกลออกไป นั่นยังมีเงาของบุคคลที่สามอยู่

แต่ทันทีที่พอคำพูดที่เพิ่งเอ่ยออกมาจากปาก ก็มีเสียงกึกก้องของฟ้าร้องดังอู้อี้อยู่เหนือเหวลึกดังออกมา

กลุ่มแสงงดงามบาดตาก็ส่องประกายขึ้น เสาสายฟ้าหลากสีและประจุไฟฟ้าที่ผสานกันนับไม่ถ้วน ก็ผ่าลงมาอย่างรุนแรงโดยที่ไม่คาดคิด

“ไม่ สายฟ้าแห่งการลงโทษ! ปีศาจอาวุโสเฮอคาง ที่จริงแล้วท่านยังไม่ตาย?” นางพญาหนอนข้าวเดิมที่ไม่แสดงท่าทีอะไร ทันทีที่เห็นแท่งสายฟ้าก็พลันตกใจจนขวัญกระเจิงร้องเรียกเสียงดังขึ้นมา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อ

ทันใดนั้นศีรษะทั้งสามก็โยกไปมา ภายนอกร่างก็มีเปลวไฟสีดำราวกับหมึกกลิ้งออกมา ก้อนผลึกสีดำก้อนนั้นก็มีเสียงหึ่งดังขึ้นอย่างแรง

นางพญาหนอนตกอยู่ในความวิตก ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยที่พยายามจะระเบิดผลึกก้อนนี้อย่างสุดกำลัง

โซ่สีเงินเดิมที่มัดนางพญาหนอนตัวนี้ไว้แน่นหนา ก็ตกอยู่ภายใต้วงล้อเปลวไฟสีดำนั่น ในที่สุดก็หลอมละลาย

ลักษณะของนางพญาหนอนข้าวก็ดูเหมือนว่าได้หลุดพ้นจากปัญหาแล้ว

แต่เวลานี้ กลางอากาศว่างเปล่าก็มีเสียงอื้ออึงดังสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้น แท่งสายฟ้าหลากสีก็พลันหล่นลงมาด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ และกระแทกเข้าใส่ตรงกับร่างของนางพญาหนอนข้าวอย่างรุนแรง

ทันใดนั้น ประจุไฟฟ้านับไม่ถ้วนก็ประสานกันเป็นเกลียววนขึ้นไป ในพริบตาร่างของนางพญาหนอนข้าวก็อยู่ภายใต้เปลวแสงสายฟ้าหลากสีทันที

เสียงกรีดร้องกระแทกหูดังขึ้น!

ร่างกายที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งไร้เทียมทานของนางพญาหนอนข้าว ก็พลันแตกเป็นเสี่ยงๆ ภายใต้แสงประกายสายฟ้าหลากสี แต่เพียงเวลาไม่กี่อึกใจก็หายวับไปไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่าน

หลังจากที่แท่งสายฟ้าเปล่งแสงประกายออกมาเพียงไม่กี่ครั้ง ต่อเนื่องกันเป็นเวลาสั้นๆ ทันใดก็พลันหายลับไป

และกลางท้องฟ้าสูงเหนือพื้นน้ำ กลุ่มเมฆหลากสีราวกับดวงตาขนาดใหญ่ที่กำลังเบิกขึ้นนั้น ก็พลันกระจายหายไปอย่างเงียบๆ

ทั่วทั้งแผ่นฟ้าก็เปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม คล้ายกับว่าเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นเลย

ในขณะเดียวกัน ในพระราชวังใต้ดินบนแท่นศิลากลางป่าหินงาม ในโถกลมสีดำสนิทนั่นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด โซ่ที่เชื่อมต่อกับตะเกียงโบราณหลายดวง ก็พลันสั่นไหวขึ้นอย่างรุนแรง

ตะเกียงโบราณที่แขวนไว้บนเสาทองแดงเพียงดวงเดียวที่ยังส่องแสงอยู่ อยู่ๆ ก็ประกายขึ้น ดวงไฟก็ยิ่งมืดสลัวขึ้น ราวกับว่ามันจะดับลงได้ในทุกเมื่อ

“ค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อย! ในการต่อสู้ครั้งนี้ข้าได้สูญเสียเก้าในสิบของพลังวิญญาณที่มีอยู่ ถ้าหากไม่ได้การช่วยเหลือจากเจ้าหนุ่มผู้นี้ ครั้งนี้ข้าคงจะสูญเสียไปมากกว่านี้แล้ว แต่ก็สามารถกำจัดคนเลวนั่นให้สูญสิ้นไปได้ ก็ถือว่าเป็นการชำระแค้นครั้งใหญ่ในตอนนั้นได้ คนเลวนั่นคงจะนึกไม่ถึง ว่าข้าจะยังมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ ฮ่าๆ นี่นับว่า ยังต้องขอบใจเจ้าหนุ่มจากแดนมนุษย์ผู้นี้…ไม่เช่นนั้นการแก้แค้นครั้งนี้ ยังไม่รู้ว่าจะต้องรออีกกี่เดือนกี่ปี” ชายคนนั้นส่งเสียงหัวเราะดังออกมาราวกับว่าเสียสติไป

ในเสียงหัวเราะนี้ มีความขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง และมีความรู้สึกเสียใจยากจนข้นแค้นอยู่

ในตอนนี้ หานลี่แทบไม่สนใจเรื่องที่นางพญาหนอนข้าวได้ถูกฆ่าอย่างง่ายดาย ร่างวานรยักษ์กำลังกลิ้งขึ้นมาจากพื้นพร้อมกับโอบกอดระหว่างกลางศีรษะ ในเวลาเดียวกันปากก็ส่งเสียงร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดออกมา

ร่างใหญ่มหึมาของเขาที่กำลังกลิ้งอยู่ก็เอาวิชาออกและหดตัวด้วยความรวดเร็ว ชุดเกราะสีม่วงทองก็กลับคืนเป็นเกล็ดสีม่วงทองดังเดิมด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

หลังจากชั่วเวลาจิบชาหนึ่งถ้วยเต็มผ่านไป หานลี่ก็กลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง พยายามบังคับร่างตัวเองให้ยืนขึ้น และสะบัดหัวที่หนักอึ้งและมึนงง

การกลายร่างเมื่อสักครู่ ไม่เพียงแต่ทำให้ปราณของเขาได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากเท่านั้น โซ่พลังวิญญาณการแปลงกายยิ่งทำให้พลังสัมผัสเกือบจะสูญเสียไปทั้งหมด

การต่อสู่ที่น่าสลดใจเช่นนี้ อ่า นานแล้วที่ไม่เคยเกิดขึ้น

ตอนนี้ทำให้เขาได้แต่คิด อดไม่ได้ที่จะกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

“ศิษย์พี่เซี่ย ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” หานลี่มองดูนักพรตเซี่ยที่ยังคงหลับตานั่งสมาธิอยู่ไกลๆ ถามขึ้นหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย

“ข้าไม่เป็นอะไร แค่ได้พักสักหน่อยก็คงจะดีขึ้นแล้ว แต่หลังจากนี้ไม่กี่เดือนข้างหน้า ข้าคงไม่อาจลงมือกับใครได้อีก ไม่เช่นนั้นร่างกายนี้ก็จะได้รับความเสียหายที่ไม่อาจฟื้นฟูได้” ดวงตาทั้งคู่ของนักพรตเซี่ยเบิกขึ้น และเอ่ยขึ้นช้าๆ

“ข้าเข้าใจแล้ว เป็นเช่นนี้เอง ท่านมาพักฟื้นในห่วงอสูรวิญญาณของข้าก่อนสักวันเถิด หลังจากนี้ทั้งหมด มอบให้ข้าจัดการเอง” หานลี่พยักหน้าเข้าใจ และเอ่ยขึ้นอย่างปกติ

“ก็ดี ในตอนนี้ข้าเองก็ไม่มีพลังที่จะปกป้องตัวเองแล้วเช่นกัน กลับกันนั้นอยู่ข้างนอกจะเป็นภาระเอาเสียเปล่า” นักพรตเซี่ยเพียงแค่คิด และเอ่ยขึ้นอย่างไม่คัดค้าน

ทันทีหลังจากนั้นมือของเขาข้างหนึ่งก็ได้อยู่ในท่าสวดเต้าหยิน แสงสีเงินจางๆ เคลื่อนไหวทั่วทั้งร่าง และหดเปลี่ยนเล็กลดลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็กลายร่างเป็นปูสีทองขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ

หานลี่สะบัดแขนเสื้อของตัวเอง ลำแสงหลากสีเส้นหนึ่ง ก็พาปูตัวสีทองอัดเข้าไปในแขนเสื้อ เข้าไปข้างในห่วงอสูรวิญญาณที่งดงามวิจิตรบรรจง

ในตอนนี้เขาถึงหันหน้า มุ่งไปในสถานที่ที่ไกลออกไปและเอ่ยขึ้นหนึ่งประโยคเบาๆ

“สหายเป่าฮวา ท่านก็มองดูอยู่ข้างๆ มานานแล้ว ควรแสดงกายออกมาได้แล้ว เมื่อสักครู่เคล็ดลับวิชานั่นของท่าน แม้ว่าจะสูญเสียลมปราณไปมาก แต่ก็คงไม่ถึงกับทำให้พลังในการปกป้องตัวเองนั้นไม่หลงเหลือเลยหรอก”

“ที่จริงศิษย์พี่หานมีพลังจิตที่แข็งแกร่งเหนือกว่าข้าและก็คนอื่นๆ แต่คำที่เพิ่งเอ่ยไปเมื่อครู่นี้นั้นกลับเป็นการเข้าใจข้าน้อยผิดไปจริงๆ” ดูเหมือนว่าบริเวณอากาศว่างเปล่าทางนั้นที่ดูโหรงเหรง จะเกิดความผันผวนขึ้น เป่าฮวาก็ปรากฏออกมาด้วยสีหน้าซีดขาวผิดปกติ แต่ทันทีที่อีกฝ่ายปรากฏตัว ก็เอ่ยขึ้นกับหานลี่ด้วยรอยยิ้มขมขื่น

“ทุกวันนี้พลังยุทธ์ของข้าน้อยเหลือน้อยเต็มที การใช้เคล็ดวิชาลับอำพรางนี้แท้จริงแล้วสหายท่านหนึ่งได้มอบอักขระบางอย่างถึงจะสามารถทำได้”

แม้ว่าปากหญิงสาวคนนี้จะเต็มไปด้วยคำอธิบาย แต่ว่าสายตาที่มองไปยังหานลี่นั้นปิดบังความรู้สึกตื่นตกใจไม่มิดเลยแม้แต่น้อย

เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ของหานลี่และนางพญาหนอนข้าว แสดงอิทธิฤทธิ์ที่น่าตะลึงออกมา ทำให้บรรพชนเผ่ามารแรกเริ่มท่านนี้ก็ตกตะลึงอยู่ไม่น้อย และรู้สึกละอายใจไม่เหมือนเช่นผู้อื่น

ดังนั้นเมื่อนางได้เผชิญหน้ากับหานลี่อีกครั้ง ถึงแม้ว่าบนใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง แต่ในใจลึกๆ ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“สหายเองก็น่าจะรู้ดีว่า การที่สามารถฆ่านางพญาหนอนข้าวตัวนี้ได้ ไม่ใช่เพียงแต่คุณงามความดีของข้าเท่านั้น ยังมีความร่วมมือจากคนอื่นๆ ด้วย” หานลี่ส่ายหัวไปมา หยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋ากางเกง เทเม็ดยาสีเขียวมรกตออกมาหลายเม็ด หลังจากที่กลืนลงไป ถึงได้เอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ

“ไม่ใช่เพียงแต่อิทธิฤทธิ์ของสหายหานลี่ที่น่าตะลึง ที่มีวิธีปิดล้อมนางพญาหนอนข้าวตัวนี้ในชั่วครู่ แม้ว่าสายฟ้าแห่งการลงโทษนั้นจะรุนแรง แต่กลับไม่มีทางที่จะฆ่านางพญาหนอนตัวนี้ได้เลย แต่จะพูดไปแล้ว ผู้ที่สามารถควบคุมสายฟ้าได้แท้จริงคือผู้ใดกัน ไม่เพียงแต่สามารถรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ ซ้ำยังมีวิธีที่จะส่งเสียงมาให้ข้าและอีกสองคนได้ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านผู้นี้ส่งเสียงมาแล้วล่ะก็ เกรงว่าข้ากับท่านเมื่อครู่คงได้วิ่งหนีกระเจิงจริงๆ ศิษย์พี่หานมีความคิดอย่างไรกับตัวตนของท่านผู้นี้หรือไม่?” หลังจากที่เป่าฮวาขมวดคิ้ว จึงได้เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอีกครั้ง

“ข้าเองก็เป็นครั้งแรกที่รู้ว่าท่านผู้นี้ยังอยู่ แต่ในเมื่อสามารถควบคุมสายฟ้าที่น่าประหลาดนั่นได้ แน่นอนว่าคงไม่ใช่คนในแดนมนุษย์ และสถานที่นี้ยังเป็นสถานที่โบราณปิดผนึกอีก ดูเหมือนว่าท่านผู้นั้นจะรู้สถานการณ์นางพญาหนอนข้าวเป็นอย่างดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ล่ะก็ ตัวตนของท่านผู้นั้นก็ควรจะเปิดเผยออกมาแล้ว สหายเป่าฮวา ด้วยสติปัญญาของท่าน มากกว่าครึ่งก็คงจะคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน” หลังจากที่หานลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อยู่ๆ ก็ยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้น

“ดูเหมือนว่า ศิษย์พี่หานและข้าน้อยจะคิดเหมือนกันอยู่ ท่านผู้นั้นน่าจะเป็นเซียนบริสุทธิ์หนึ่งในสองผู้ที่ปิดผนึกนางพญาหนอนตัวนี้ได้ ไม่เช่นนั้น เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงไม่สามารถอธิบายได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางพญาหนอนข้าวจะไม่เหมือนตัวเดิมตัวนั้นแล้ว จิตวิญญาณดั้งเดิมในร่างของเขาก็ดูเหมือนจะเข้าใจแดนเซียนมากจนผิดปกติ หรือจะเป็นจิตวิญญาณดั้งเดิมของเซียนบริสุทธิ์อีกคนในแดนเซียน ที่ครอบครองร่างของนางพญาหนอนข้าวตนนี้ไว้?” เป่าฮวาพยักหน้า สีหน้าแสดงความสงสัยออกมาและพึมพำขึ้น

หานลี่ลูบคางไปมา บนใบหน้าก็เผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา

“หากท่านสหายทั้งสองอยากรู้เหตุผล น่าจะลองมาที่ของเราสักครั้งคงจะไม่เสียหายอะไร ไม่นานทั้งหมดก็จะชัดเจน” บนอากาศเหนือห้วงเหวลึก ทันใดนั้นเสียงของผู้ชายก็ดังขึ้นมาเบาๆ สงบและอ่อนโยน แท้จริงก็คือผู้ที่ส่งเสียงมาให้พวกเขาก่อนหน้าที่

หานลี่และเป่าฮวาที่ได้ยินสีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว

“ดูเหมือนว่าท่านทั้งสองจะยังไม่ไว้ใจเรา แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อนางพญาหนอนข้าวตัวนั้นได้ตายไปแล้ว อากาศว่างเปล่าแห่งนี้ที่ใช้พลังของมันสร้างขึ้นก็คงจะถล่มลงในทันที ไม่นานหลังจากนี้ท่านทั้งสอง ก็คงจะได้พบกับเราแล้ว” ชายผู้นี้ไม่ได้สนใจความลังเลของหานลี่และเป่าฮวาเลยแม้แต่น้อย กลับกันเอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะเบาๆ

“ท่านอาวุโส คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร?” ในใจของเป่าฮวาสั่นสะท้าน รีบเอ่ยปากถามขึ้น

ทว่ารอบทิศความว่างเปล่าก็พลันเงียบลง เสียงของชายผู้นั้นก็หยุดลงโดยกะทันหัน และไม่มีคำพูดใดๆ ส่งออกมา

และเกือบจะในเวลาเดียวกัน เสียงครึกโครมก็ดังอู้อี้ขึ้นมาจากก้นเหว น้ำทะเลโดยรอบก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง