บทที่ 1241 ผลประโยชน์จากจักรพรรดิสัประยุทธ์

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1241 ผลประโยชน์จากจักรพรรดิสัประยุทธ์

เจดีย์ผลึกแก้วใสในร่างสั่นไหว

แม้ว่าสีหน้ามู่เฉินจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ก็มีริ้วความตื่นตะลึงวาบขึ้นในส่วนลึกของดวงตา เขาไม่คิดเลยว่าเทพจักรพรรดิอัคคีจะทรงพลังขนาดนี้ สามารถสัมผัสเจดีย์ในร่างกายของเขาได้เพียงมองปราดเดียว

“จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนทุกคนจะสามารถสัมผัสได้หรือ?”

มู่เฉินขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับเขาเพราะถ้าสิ่งนี้ไปดึงดูดเผ่าฝูถูก็สร้างปัญหาให้กับเขาไม่น้อย

แต่ในไม่ช้าเขาก็ล้มล้างความคิดออกไป เพราะเขารับรู้ได้ว่าจักรพรรดิสัประยุทธ์ไม่สามารถตรวจพบการสถิตอยู่ของเจดีย์ในร่างกายของเขาได้

นั่นก็หมายความว่าไม่ใช่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนทุกคนครอบครองความสามารถที่น่ากลัวนี้ นอกเหนือจากบุคคลที่อยู่ในระดับเดียวกับเทพจักรพรรดิอัคคี…

ทว่าจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกับเทพจักรพรรดิอัคคีมีน้อยมากในมหาพันภพ ดังนั้นจึงไม่ใช่บุคคลที่สามารถพบได้ง่ายๆ

เมื่อคิดแล้ว มู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจ เทพจักรพรรดิอัคคีคอยดูแลเขา ไม่น่าที่จะเปิดเผยแม้ว่าจะสัมผัสได้ถึงเจดีย์ในร่างกายของเขาก็ตาม

ขณะที่ความคิดเหล่านี้หมุนวนอยู่ในใจของมู่เฉิน เซียวเหยียนก็ถอนสายตาออกด้วยความประหลาดใจ

“เจดีย์นั่น…ดูเหมือนว่าเป็นวัตถุเอกลักษณ์ของเผ่าฝูถู…” เซียวเหยียนคิดก่อนที่จะยิ้มบางพลางพึมพำในใจ ‘ดูเหมือนว่ามู่เฉินจะมีภูมิหลังที่น่าสนใจ’

การชำระเจดีย์จะต้องมีสายเลือดของเผ่าฝูถู แต่ไม่มีสมาชิกจากเผ่านี้อยู่รอบตัวมู่เฉิน นอกจากนี้ดูเหมือนว่ามู่เฉินจงใจพยายามหลบซ่อนการมีอยู่ของเจดีย์ไว้โดยเฉพาะ

นี่เป็นการประทำที่ควรต้องไตร่ตรอง

เซียวเหยียนยิ้ม เก็บเรื่องนี้ลงไปในสมอง ในเมื่อมู่เฉินพยายามซ่อนก็ต้องมีเหตุผลสำหรับเขาที่จะทำเช่นนั้น ตนก็จะไม่เปิดเผยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากมู่เฉินอยู่แล้ว

“แต่เจดีย์นั่นดูเหมือนจะไม่ธรรมดา…” เซียวเหยียนเคยได้พบกับสมาชิกเผ่าฝูถูมาก่อน เขาแทบไม่เคยเห็นเจดีย์ใดที่มีรัศมีศักดิ์สิทธิ์แบบเดียวกับมู่เฉิน เห็นได้ชัดว่าระดับเจดีย์ของมู่เฉินนั้นไม่ธรรมดา

“ในเดือนเดียวก็มีพัฒนาการเพียงนี้ ดีเยี่ยมจริง” เซียวเหยียนเผยรอยยิ้มพอใจ ดูเหมือนว่าสายตาของเขาจะไม่ถั่วสินะ

“เทพจักรพรรดิอัคคี เจ้าคิดว่าทวีปซีเทียนของข้าเป็นยังไง?” ขณะนี้เองจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ยิ้มให้อีกฝ่าย

เมื่อมองไปที่จัตุรัสและฝูงชนที่ดูหรูหราเป็นพิเศษ เขาก็พยักหน้า “ทวีปซีเทียนเป็นสถานที่ที่มีจอมยุทธ์อัจฉริยะซ่อนเร้น”

จักรพรรดิ์สัประยุทธ์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจ “แต่ก็ยังด้อยกว่าเมื่อเทียบแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว”

เขาพูดจากกันบึ้งของหัวใจ จักรพรรดิสัประยุทธ์อาจจะหยิ่งยโส แต่เขาไม่ใช่คนหยิ่งผยอง ชื่อเสียงและพลังของแคว้นหวู่จิ้งฮั่วในมหาพันภพไม่ใช่สิ่งที่ตำหนักซีเทียนของเขาสามารถนำมาเปรียบเทียบได้

“จักรพรรดิสัประยุทธ์ถ่อมตัวเกินไป” เซียวเหยียนปลอบด้วยรอยยิ้ม

จักรพรรดิสัประยุทธ์ไม่ได้คงหัวข้อสนทนานี้ไว้ เขามองไปที่จัตุรัสก่อนที่จะเห็นมู่เฉินกับลั่วหลี จากนั้นก็โบกมือ

วาบ!

แสงสี่สายทะยานเข้ามา ทั่งสี่คุกเข่าคำนับเบื้องหน้าองค์จักรพรรดิ “คารวะเจ้าตำหนักซีเทียน!”

ทั้งสี่คนดึงดูดความสนใจของผู้คนในทันที หากหลายคนรู้สึกกลัวหลิ่วซิงเฉิน ซูมู่และฉู่เหมินแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็หวาดผวาในเวลานี้

เนื่องจากทั้งสี่ก็คือเทพจอมยุทธ์แห่งตำหนักซีเทียน

จอมยุทธ์บนตารางยอดนิยมที่ถูกวางตัวจะชนะในศึกนักรบทวีปครั้งนี้

“นั่นคือเทพจอมยุทธ์อีกสามคนเรอะ?”

สีหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดลงหลายส่วน เมื่อจดจ่ออยู่กับร่างทั้งสาม เขารู้สึกถึงรัศมีคุกคามมาจากพวกเขา

“เจ้าต้องระวังทั้งสามคนนี้ด้วย” ลั่วหลีเตือนเสียงอ่อนด้วยท่าทางที่เครียดจัด

มู่เฉินพยักหน้า พวกเขาจะต้องมีพลังแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครในเมื่อสามารถเป็นถึงอันดับต้นๆ บนตารางยอดนิยม ซึ่งเป็นบางสิ่งที่สามารถบอกได้จากสายตาที่หวาดกลัวจากผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ

เมื่อมู่เฉินมองไปที่เทพจอมยุทธ์ทั้งสาม หลิ่วซิงเฉิน ซูมู่และฉู่เหมินก็มีสายตาครั่นคร้ามเช่นกัน ก่อนที่พวกเขาจะแลกเปลี่ยนสายตากัน มีแววบางอย่างวาบผ่านในดวงตา จากนั้นก็กดอารมณ์ให้สงบ

“ฮ่าๆ เทพจักรพรรดิอัคคีคิดว่าพวกเขาทั้งสี่เป็นยังไง?” จักรพรรดิสัประยุทธ์มองทั้งสี่ จากนั้นก็หรี่ตาถามด้วยรอยยิ้ม

กวาดสายตามองทั้งสี่ เซียวเหยียนหยุดชะงักที่หลิงจั้นจื่อ ก่อนที่จะพูดว่า “จักรพรรดิสัประยุทธ์สั่งสอนพวกเขาได้ดี ทั้งสี่คนนั้นล้วนไม่ธรรมดา”

สายตาจักรพรรดิสัประยุทธ์เหลือบมองมู่เฉินถามว่า “เทพจักรพรรดิอัคคีคิดว่าพวกเขามีโอกาสที่จะชนะในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายหรือไม่?”

เซียวเหยียนยิ้มเพราะทราบถึงความตั้งใจของจักรพรรดิสัประยุทธ์ในการถามคำถามนี้ เขาตอบอย่างนิ่งเฉยว่า “พวกเขาต่างมีโอกาสสูง แต่ทุกเรื่องล้วนมีความไม่แน่นอน บางทีอาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ…”

สายตาของจักรพรรดิสัประยุทธ์เปล่งประกาย เขาจะไม่รู้สึกถึงความมั่นใจที่เทพจักรพรรดิอัคคีมีต่อมู่เฉินได้อย่างไร ทันใดนั้นเขาก็หันหน้ามาทางเทพจอมยุทธ์ทั้งสามและยิ้ม “ในเมื่อเทพจักรพรรดิอัคคีกล่าวว่าอาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น พวกเจ้าก็จงระวังให้มาก อย่าให้ล้มเหลวล่ะ”

“รับทราบ!”

หลิงจั้นจื่อ หลิงเจี้ยนจื่อและหลิงหลงจื่อเปล่งแสงวาบในดวงตา พวกเขาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเทพจักรพรรดิอัคคี แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเปิดเผยท่าทางไม่สุขใจใดๆ เมื่อเผชิญกับจอมยุทธ์ระดับนี้

จักรพรรดิสัประยุทธ์พยักหน้ามองไปที่จัตุรัสเสียงเรียบเฉยดังก้อง “บัดนี้ได้เวลาแล้ว ดังนั้นเตรียมตัวเข้าสู่สนามรบได้”

เขาโบกมือ ลำแสงนับไม่ถ้วนก็ทะยานไปตกอยู่เบื้องหน้าผู้เข้าแข่งขันทุกคน

ลำแสงสายหนึ่งพลิ้วลงมาที่เบื้องหน้ามู่เฉิน จากนั้นกลายเป็นรูปแกะสลักของกองทัพยิ่งใหญ่ซึ่งทำให้เกิดความผันผวนอันเป็นเอกลักษณ์

“ทุกคนนี่คือป้ายสัประยุทธ์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของเจ้า หากป้ายของใครถูกยึดก็จะเท่ากับล้มเหลว ต้องออกจากสนามรบ”

“สุดท้ายจอมยุทธ์ที่มีป้ายสัประยุทธ์มากที่สุดก็จะได้รับตำแหน่งนักรบแห่งทวีปซีเทียน”

จักรพรรดิสัประยุทธ์มองทุกคน “นอกจากนี้เพื่อเพิ่มกำลังใจในการต่อสู้ของทุกคน ข้าจะให้ประโยชน์บางอย่างกับพวกเจ้า หลังจากเข้าสู่สนามรบพวกเจ้าสามารถเทคลื่นหลิงลงไปในป้ายสัประยุทธ์เพื่อตรวจสอบคลังสัประยุทธ์ ภายในนั้นมีอาวุธมหสวรรค์ คัมภีร์ระดับเสินทง หรือแม้แต่ภาพค่ายกลให้พวกเจ้าได้เลือก”

คำพูดนี่ทำให้ความโลภพวยพุ่งในสายตาของหลายคนทันที

คลังสัประยุทธ์? ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องมีสมบัติล้ำค่ามหาศาลอยู่แน่ ถ้าได้มาสักชิ้นจะทำให้การเดินทางเข้าสู่สนามรบคุ้มค่าเลย

“ในสนามรบหากต้องการแลกสมบัติก็ต้องใช้ป้ายสัประยุทธ์เป็นสิ่งแลกเปลี่ยน… ดังนั้นหากใครต้องการสมบัติวิธีที่ดีที่สุดก็คือยึดป้ายผู้อื่นมา”

“นอกจากนี้เพื่อความสะดวกในการหาเป้าหมาย ตราบใดที่มีคนครองป้ายได้มากกว่าสองป้ายที่ตั้งก็จะปรากฏให้เห็น… ”

พูดถึงจุดนี้ ประกายล้อเลียนก็วูบไหวบนใบหน้า เพราะสิ่งนี้จะจุดประกายการแข่งขันมากขึ้น

ทุกคนสาดความโลภ มองคนอื่นด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

“จักรพรรดิสัประยุทธ์อยากให้ทั้งสนามรบวุ่นวายจริงๆ” มู่เฉินถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ อำนาจของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนช่างห่างไกลอย่างแท้จริง คำสั่งจากพวกเขาอาจทำให้จอมยุทธ์อื่นๆ ตกอยู่ในความโกลาหล

ทว่า…คลังสัประยุทธ์… ช่างเป็นเรื่องล่อใจขึ้นมาหน่อยๆ แล้วแฮะ

หลังจากที่โยนสิ่งล่อใจออกไป จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ไม่สนบรรยากาศที่เริ่มเดือดพล่าน เขาโบกมือ ท้องฟ้าก็บิดเบี้ยวรุนแรง วังวนปรากฏขึ้นสามแห่ง

“ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเข้าไป”

เมื่อเสียงจักรพรรดิสัประยุทธ์ดังออกมา ร่างแสงทั้งแปดก็ระเบิดตัวพุ่งเข้าไปในวังวน

“โอ้ มีคู่แข่งแปดคนในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเท่านั้น…” ทุกคนมองไปด้วยความอิจฉา ต้องรู้ว่ามีจอมยุทธ์มากกว่าสองร้อยคนในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายและจำนวนสูงขึ้นในขั้นต้น

แต่ไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถทำได้เนื่องจากจอมยุทธ์ระดับนี้มีจำนวนน้อยยิ่งกว่าน้อยแม้แต่ในตำหนักซีเทียน

“ระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย…”

เมื่อสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเปิดออกแล้ว ลำแสงหลายร้อยก็ทะยานเข้าไปในวังวน

“ข้าไปก่อนนะ” มู่เฉินส่งยิ้มให้ลั่วหลี

“สู้ๆ ระวังตัวด้วยนะ” ลั่วหลีพยักหน้าส่งรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ให้มู่เฉิน

มู่เฉินพยักหน้าร่างเปลี่ยนเป็นลำแสงติดตามผู้แข่งขันคนอื่นก็เข้าสู่วังวน

จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเข้าสู่สนามรบเรียบร้อย จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นก็เข้ามาในวังวนเป็นลำดับสุดท้าย

เมื่อทุกคนหายตัวไปในวังวนทั้งสามแห่ง จัตุรัสก็เริ่มเดือดพล่าน ผู้คนนับไม่ถ้วนเงยหน้าขึ้นสูง

ลั่วเทียนเสินก็อยู่ท่ามกลางฝูงชน เขามองวังวนที่หายไปก็หายใจลึกพร้อมกับความคาดหวังวูบไหวบนใบหน้าแก่ชรา

ศึกนักรบทวีปได้เริ่มขึ้นแล้ว