บทที่ 1952 ความรับผิดชอบและการเสียสละ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บนภูเขาของนิกายที่สงบสุข

“เสี่ยวตเจ้ามานอนอยู่ที่นี่อีกแล้ว?” เสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น

“ศิษย์พี่” หยวนเชียงในวัยเยาว์ที่นอนอยู่บนพื้นเปิดเปลือกตาขึ้นและเห็นหญิงสาวผู้หนึ่ง

ดวงตาของหญิงสาวส่องประากยขึ้น “เสี่ยวต์ เจ้าหลอมรวมวิญญาณระดับสามได้อีกดวงแล้วเจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก”

“แต่ข้าไม่มีความสุข ศิษย์พี่รู้ว่าข้าไม่ชอบการหลอมรวมวิญญาณ” หยวนเชียงยืนขึ้นและบ่มพิมพ์

“อย่าท้อแท้ ความสามารถของเจ้าเป็นสิ่งที่ผู้คนมากมายต้องอิจฉา” หญิงสาวตบไหล่ปลอบโยน

แต่หยวนเชียงตู้ยังท้อแท้และก้มศีรษะลง

“ฮ่าฮ่า ข้าจะเล่าความลับให้เจ้าฟัง เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าพบเบาะแสเกี่ยวกับมรดกของผู้ใช้วิญญาณในห้องทํางานของท่านพ่อมันถูกซ่อนอยู่ที่มุมหนึ่งของภูเขาเจ้าคิดอย่างไร? เจ้าต้องการมันหรือไม่?” หญิงสาวถาม

หยวนเชียงตู้ที่ไม่สามารถอดทนต่อความเบื่อหน่ายเร่งกล่าว “มีเรื่องน่าสนุกเช่นนี้งั้นหรือ? วิเศษมากบอกข้าเร็วเข้า!”

“ตกลง เบาะแสนี้เป็นบทกวี ข้าไตร่ตรองเรื่องนี้มาสองสามวันแล้ว ข้าจะท่องมันให้เจ้าฟัง”หญิงสาวไม่ได้ปกปิดมัน บิดาของนางก็คืออาจารย์ของหยวนเชียง

หยวนเชียงปรบมือหลังจากได้ยินเพียงครั้งเดียว “ข้าเข้าใจแล้ว มันคือการจับคู่อักษรตัวแรกกับตัวสูท้ายจากนั้นก็เป็นคู่ของอักษรตัวที่สองและรองสุดท้ายมันจะบอกตําแหน่งกับเรา”

หญิงสาวคิดเล็กน้อยก่อนจะกระโดดขึ้นด้วยความดีใจ “มันอยู่ที่นั่น! น้องเล็กเจ้าฉลาดมาก”

“เรารีบไปหามันกันเถอะ” หยวนเชียงตู้ก้าวไปข้างหน้า

“รอข้าด้วย” หญิงสาวเร่งติดตามไป

“อย่ากังวล ศิษย์พี่ ข้าจะมอบมรดกนี้ให้ท่าน ข้าจะไม่แย่งมันไปจากท่าน ฮ่าฮ่าฮ่า” ร่างของหยวนเชียงตู้หายไปในป่า

ในที่สุดทั้งสองก็พบมรดกที่อยู่ในถ้ำบนภูเขา

“นี่คือมรดกบนเส้นทางแห่งไฟ” หยวนเชียงตูและหญิงสาวตรวจสอบอย่างระมัดระวัง “มันเป็นไฟที่ใช้เจตจํานงเป็นเชื้อเพลิง วิธีนี้ค่อนข้างแปลกใหม่และน่าทิ้ง อา…ผู้สร้างมันขึ้นมาคือท่านอาจารย์!”

หยวนเชียงรู้สึกประหลาดใจมาก

หญิงสาวก็ประหลาดใจเช่นกัน “พวกเขาอาจมีชื่อเดียวกัน”

หยวนเชียงตู้ไตร่ตรองก่อนกล่าว “ไม่ ศิษย์พี่ ท่านบอกข้าว่าท่านได้รับเบาะแสนี้มาจากห้องทางานของท่านอาจารย์”

“ถูกต้อง ข้าทําความสะอาดม้วนไม้ไผ่ของท่านพ่อและพบม้วนไม้ไผ่เก่าๆหลุดออกมาโดยบังเอิญมันบันทึกเบาะแสนี้เอาไว้” หญิงสาวกล่าว

“นี่เป็นมรดกที่ข้าสร้างขึ้นเมื่อยังเด็ก” เป็นเพียงเวลานี้ที่อาจารย์ของหยวนเชียงผู้เดินเข้ามาในถ้ำพร้อมกับผู้อาวุโสของนิกาย

หยวนเชียงตูและหญิงสาวโค้งคํานับ “คารวะท่านอาจารย์และผู้อาวุโส”

หยวนเชียงตู้เปิดปากถาม “ท่านอาจารย์ ท่านกําลังกลั่นแกล้งศิษย์
ใช่หรือไม่?”

“แน่นอนว่าไม่” อาจารย์ของหยวนเชียงตู้ส่ายศีรษะ

“ฮ่าฮ่าฮ่า เด็กน้อย เจ้าฉลาดมาก” ผู้อาวุโสของนิกายกล่าว “อาจารย์ของเจ้าและข้าพึ่งกลับมาจากยอดเขาเสียงสะท้อนวิญญาณเราพบร่องรอยของพวกเจ้าระหว่างทางข้ารับประกันได้ว่ามรดกนี้ถูกทิ้งไว้โดยอาจารย์ของเจ้าเมื่อเขายังเยาว์เขาชอบเส้นทางแห่งไฟและใช้เวลาห้าปีในการรวบรวมหินวิญญาณเพื่อซื้อวิญญาณระดับสามบนเส้นทางแห่งไฟ”

“แต่ท่านอาจารย์บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวารี?” ดวงตาของหยวนเชียงตู้เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

ผู้อาวุโสของนิกายถอนหายใจ “มรดกบนเส้นทางแห่งวารีของนิกายจําเป็นต้องมีผู้สืบทอดความชอบส่วนบุคคลจะเปรียบเทียบกับสถานการณ์ของนิกายได้อย่างไร?มรดกอมตะทุกมรดกต้องได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น มันเป็นหน้าที่ของเราเมื่ออาจารย์ของเจ้าละทิ้งเส้นทางแห่งไฟเขาทิ้งมรดกไว้ที่นี่ข้าอยู่กับเขาในเวลานั้นและเห็นเขาร้องไห้อย่างหนัก”

“แค่ก แค่ก” อาจารย์ของหยวนเชียงตูขัดจังหวะ “เนื่องจากพวกเจ้าพบมรดกนี้มันจะเป็นของพวกเจ้าไปกันเถอะ”

ผู้อาวุโสทั้งสองทิ้งหยวนเชียงตูและหญิงสาวไว้ในถ้ำ

“น้องเล็ก ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไม้ ข้าไม่ต้องการสิ่งนี้ ดังนั้นข้าจะมอบมันให้เจ้า” หญิงสาวกล่าว

หยวนเชียงตูมองมรดกที่อยู่ในมือและพึมพ่า “อาจารย์…”

หยวนเชียงตู้เปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง

เขาพบว่าตนเองยังอยู่ในหอคอยดวงตาสวรรค์
“บัดซบ!ข้าได้รับผลกระทบย้อนกลับและหมดสติไป!” หัวใจของหยวนเชียงต์เต้นแรงเมื่อเขาคิดถึงฉากเหตุการณ์ก่อนหน้า

ข้อห้ามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการหลอมรวมวิญญาณคือการถูกรบกวน

แต่ไม่ว่าหยวนเชียงคู่จะได้รับบาดเจ็บหนักเพียงใด สิ่งสําคัญที่สุดคือวิญญาณชะตากรรมต้องไม่ได้รับความเสียหาย สิ่งนี้เกี่ยวกับแผนการนับล้านปีของวังสวรรค์

หยวนเชียงตู้ทําได้เพียงหวังว่าวิญญาณชะตากรรมจะไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่เมื่อหยวนเชียงตู้เงยหน้ามองไปยังวิญญาณชะตากรรม เขากลับตกตะลึง

“อันใด!?”

วิญญาณชะตากรรมนอนอยู่ในเปลวเพลิงอย่างเงียบๆ มันอยู่ห่างจากการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์เพียงครึ่งก้าว

หลังจากตกใจ ความอบอุ่นก็พุ่งเข้าเติมเต็มหัวใจของหยวนเชียง

นี่คือเพลิงเจตจํานงของเขา!

มันเป็นมรดกที่เขาได้รับมาจากอาจารย์ในอดีต แม้หยวนเชียงตู้จะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมแต่เขาก็ไม่ลืมเส้นทางแห่งไฟเขาสามารถพัฒนาเพลิงเจตจํานงสู่ระดับอมตะ

เปลวเพลิงกลายเป็นวิธีหลักในการหลอมรวมวิญญาณของข้า ข้าอาจจุดเพลิงเจตจํานงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวในช่วงเวลาที่ข้าหมดสติ!”หยวนเชียงตู้คาดเดา

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น ตลอดชีวิตของเขา เขาใช้เพลิงเจตจํานงเข้าแทนที่ตนเองในยามฉุกเฉินและช่วยรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์มาแล้วหลายครั้ง

เมื่อเวลาผ่านไป เพลิงเจตจํานงจึงกลายความคุ้นชินและจะปรากฏขึ้นด้วยตัวของมันเองในช่วงเวลาสําคัญ

หยวนเชียงตูสูดหายใจลึก

เขามองเพลิงเจตจํานงและคิด นี่เป็นความรับผิดชอบประเภทหนึ่ง

เขานึกถึงอาจารย์และยิ้ม ความรับผิดชอบ…ท่านอาจารย์ ดูเหมือนข้าไม่ได้ทําให้ท่านผิดหวัง”

หยวนเชียงรู้สภาพของตนเอง อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงเกินไป เขาไม่สามารถดําเนินการหลอมรวมต่อ แต่ความหวังอยู่ตรงหน้า เขาใช้ความมุ่งมั่นครั้งสุดท้ายเพื่อสนับสนุนเพลิงเจตจํานง

“ลกไหม้ขึ้น!” หยวนเชียงตูพื้มพ่าและใช้พลังชีวิตของตนเองจุดเพลิงเจตจํานง

เพลิงเจตจํานงสว่างไสวขึ้นและเกิดเสถียรภาพ

ภายในกองไฟ วิญญาณชะตากรรมก้าวข้ามขั้นตอนสุดท้ายและฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ในที่สุด!

หยวนเชียงตู้เสียชีวิตไป ณ จุดนั้น

เขาเป็นวีรบุรุษของวังสวรรค์!

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะที่อ่อนแรงของกงเยี่ยนดังขึ้นที่ชั้นบนสุดของหอคอยดวงตาสวรรค์“หยวนเชียงตู้ทําภารกิจของเขาสําเร็จแล้วตอนนี้ถึงคราวของเราแล้ว”

“แต่ด้วยสถาพของเรา กระทั่งการส่งเสียงยังยากลําบาก แล้วเราจะกระตุ้นใช้งานหอคอยดวงตาสวรรค์ได้อย่างไร?” เช่อเว่ยกล่าวเสียงเบา

กงเยี่ยนตอบกลับ “ยังมีวิธี ข้าเหลือพลังงานอมตะเพียงพอที่จะกระตุ้นใช้ไพ่ตายของข้านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเกินไปงั้นหรือ?”

เช่อเว่ยและกงเยี่ยนเป็นสหายสนิท เช่อเว่ยเข้าใจความหมายของกงเยี่ยนทันที “แต่หากเจ้าได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้นเจ้าจะตายทันที”

“มีสิ่งใดต้องกลัว? ตอนนี้สหายของเรากําลังต่อสู้อยู่ข้างนอกด้วยทุกสิ่ง ที่นี่มีเพียงพวกเราเท่านั้นหลายปีที่ผ่านมาเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้าแต่เจ้ายังไม่ประสบความสําเร็จในการสร้างเส้นทางของตนเองข้าตั้งตารอคอยมันแต่น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถอยู่เป็นพยานให้กับเจ้า”

กงเยี่ยนกล่าวเบาๆก่อนที่เขาจะปลดปล่อยแสงสีฟ้าออกมาปกคลุมร่างของเช่อเว่ยเอาไว้

ร่างกายของเช่อเว่ยฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วขณะที่กงเยี่ยนได้รับบาดเจ็บมากขึ้น

“สหายของข้า…” เช่อเว่ยหลั่งน้ําตาอย่างเงียบๆ

กงเยี่ยนตายแล้ว อาการบาดเจ็บของเช่อเว่ยรุนแรงเกินไป แต่เขายังใช้กําลังทั้งหมดเพื่อคลานเข้าไปหาวิญญาณชะตากรรม

“ทํางาน…ข้าขอร้อง…” ดวงตาของเช่อเว่ยเริ่มพร่าเลือนขณะที่เขาส่งพลังงานอมตะทั้งหมดให้กับวิญญาณชะตากรรมและอธิษฐานอย่างเงียบๆอยู่ที่จุดนั้น