สงครามพลันปะทุขึ้นมา
งูอลหม่านไร้หม่นมีเพียงแค่สามสิบสองตัว ระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์มีเพียงสิบห้าตัวเท่านั้น ตัวอื่นๆ ล้วนแต่เป็นระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายทั้งสิ้น พวกตงป๋อเสวี่ยอิงมีถึงสี่สิบเจ็ดคนที่มีพลังระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์ และพลังรบระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายสองคน เสียฝานและนักพรตโยวหยายังเป็นหนึ่งในผู้แกร่งกล้าระดับยอดสุดของเมืองเมฆาแดงอีกด้วย พวกเขาร่วมมือกับเหล่าผู้บำเพ็ญได้ดียิ่งนัก
แต่ว่า…
สถานการณ์ในสนามรบกลับเป็นฝ่ายได้เปรียบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“น้องหิมะเหิน พวกเรามาช่วยเจ้าแล้ว”
“อย่ากลัวไปเลย มีพวกเราอยู่”
เสียฝานและคนอื่นๆ ทั้งสิบหกคนยังลงล้อมตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ พวกเขาประมือกับงูอลหม่านไร้หม่นไปพลาง ขณะเดียวกันก็จงใจปล่อย‘งูอลหม่านไร้หม่น’ มาโดยไม่ช่วยเหลือตงป๋อเสวี่ยอิงแม้แต่น้อย
งูอลหม่านไร้หม่นระดับ ‘จักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์’ ตัวหนึ่งเข้ามาพัวพันกับตงป๋อเสวี่ยอิง
“นี่ก็คืองูอลหม่านไร้หม่นหรือ ไม่เหมือนธรรมดาทั่วไปจริงด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงนอกจากไม่โกรธแล้วยังยินดีอีกด้วย
เขาออกมา สิ่งที่ใฝ่หาก็คือการเคี่ยวกรำตนเอง!
“ฟิ้วววว….”
งูอลหม่านไร้หม่นตัวนี้โปร่งใสราวกับภาพลวง สามารถพัวพันตงป๋อเสวี่ยอิงได้อย่างง่ายดาย
เนื่องจากเหมือนภาพลวง จึงมิอาจสัมผัสถูกร่างของงูอลหม่านไร้หม่นได้เลย ราวกับไม่มีอยู่จริง แต่หลังจากร่างกายที่เหมือนภาพลวงเข้ามาพัวพันกับร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว เขากลับรู้สึกว่าฟ้าดินรอบด้านกดดันตนเองแรงกล้ามากขึ้นจนเห็นได้ชัด ทำให้พลังของตนลดลงกว่าครึ่งอย่างชัดเจน
“แฮ่…ผู้บำเพ็ญ ตายเสียเถอะ” งูอลหม่านไร้หม่นมีสองหัวทั้งด้านหัวและด้านหาง หัวหนึ่งปะทะเข้ามาตรงๆ ราวกับศิลาอย่างไรอย่างนั้น อานุภาพน่าหวาดหวั่นผิดธรรมดา ส่วนอีกหัวหนึ่งกลับมีแสงสีดำพลิกหมุนไป ความเร็วในการเคลื่อนไหวก็รวดเร็วเสียจนกลายเป็นเงารางมากมาย แต่ละครั้งที่อ้าปาก ก็ทำเอาตงป๋อเสวี่ยอิงหวาดผวาเสียจนต้องสำแดงวิถีหอกออกมาสกัดกั้นเขามิกล้าถูกกัดแม้แต่ครั้งเดียว
หัวทั้งสองของงูอลหม่านไร้หม่น หัวหนึ่งหนักหน่วงดุจขุนเขา ทั้งยังมิอาจทำลายได้อีกด้วย ส่วนอีกหัวหนึ่ง กลับเหมือนวภูติผีที่แฝงไว้ด้วยพิษอันร้ายกาจ หากถูกกัดเข้าไปคำหนึ่ง ผู้บำเพ็ญระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ทั่วไปก็จะเหมือนหายไปครึ่งชีวิตแล้ว หากถูกกัดสองสามคำ ก็เกรงว่าคงจะต้องสิ้นใจไป
งูอลหม่านไร้หม่นตัวนี้…
ร่างกายมิอาจแตะต้องได้ จึงมิอาจได้รับบาดเจ็บได้เลย
งูสองหัว หัวหนึ่งราวกับภูเขาลูกหนึ่ง มิอาจทำให้บาดเจ็บได้เลย! จวบจนบัดนี้ยังมิมีผู้ใดทำลาย ‘หัวศิลา’ ของงูอลหม่านไร้หม่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ให้แตกได้ มีเพียง ‘หัวพิษ’ อีกหัวหนึ่งเท่านั้นซึ่งเป็นความหวังเดียวที่จะสังหารมันได้ ภายในหัวพิษมีแกนชีวิตของงูอลหม่านไร้หม่นตัวหนึ่งบรรจุอยู่ หากทำลายหัวพิษของมันและทำให้แกนชีวิตของมันแตกได้ งูอลหม่านไร้หม่นก็จะสิ้นใจ
ตงป๋อเสวี่ยอิงถูกร่างที่เหมือนภาพลวงพันธนาการเอาไว้ พลังก็ลดลงไปเกือบครึ่งหนึ่ง เมื่อถูกหัวงูทั้งสองโจมตีอย่างต่อเนื่อง ก็ทำได้เพียงสกัดกั้นและพยายามรักษาชีวิตเอาไว้อย่างพอถูไถเท่านั้น
“นี่แค่งูอลหม่านไร้หม่นเพียงตัวเดียว เคราะห์ดีที่วิถีหอกของข้ารักษาไว้ได้ดีพอ จึงพอสกัดกั้นไว้ได้” ยามนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่กล้าประมาทเลย เขาสำแดงวิถีหอกต่างๆ ออกมาอย่างสุดกำลัง
ส่วนเรื่องสังหารน่ะหรือ
เขาไม่มีความคิดที่จะสังหารเลย
ต่อให้เป็น ‘เสียฝาน’ ซึ่งมีการโจมตีแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้บำเพ็ญทั้งห้าสิบเอ็ดคน หากสู้กันตัวต่อตัวก็ทำได้เพียงสังหารสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ที่มีการรักษาชีวิตค่อนข้างอ่อนแอได้เท่านั้น อย่าง ‘งูอลหม่านไร้หม่น’ ระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ต้องอาศัยการล้อมโจมตี!
……
ยามนี้ นักพรตโยวหยาและผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ถึงสิบสองคนร่วมแรงกันล้อมโจมตีงูอลหม่านไร้หม่นตัวหนึ่ง คนอื่นๆ ในกองกำลังของพวกเขาสกัดกั้นงูอลหม่านไร้หม่นตัวอื่นๆ เอาไว้ ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นมา
สิบสองคนร่วมมือกัน
บริเวณขาวดำของนักพรตโยวหยากำลังกดดันงูอลหม่านไร้หม่นตัวหนึ่งอย่างสุดกำลัง ผู้บำเพ็ญทุกคนที่อยู่รอบๆ ก็โจมตีอย่างสุดแรง
“ตู้ม”
ประกายกระบี่อสนีบาตฟันลงมา
แฮ่…เงาร่างของหัวขนาดมหึมาปรากฏขึ้นแล้วเปล่งเสียงคำรามออกมา ระลอกคลื่นจากการคำรามโจมตีงูอลหม่านไร้หม่น
การโจมตีต่างๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ร่างกายของงูอลหม่านไร้หม่นซึ่งถูกล้อมเอาไว้ตนนั้นกลับบิดเบี้ยวไป ร่างกายอันเลือนรางของมันสกัดกั้นรอบด้าน ทำให้การโจมตีทั้งหมดอ่อนกำลังลงหลังจากผ่านร่างอันเลือนรางไป ‘หัวศิลา’ ซึ่งแข็งแกร่งดุจหินผาอันมิอาจทำลายได้ของมันก็ขยายใหญ่ขึ้น แล้วกลืนเอา ‘หัวพิษ’ เข้าไปในปาก! หัวหนึ่งกัดอีกหัวหนึ่งเอาไว้…ทำให้เกิดเป็นรูปวงขึ้นมา
“ฆ่ามัน”
พวกนักพรตโยวหยาทำได้เพียงส่งคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่าโจมตีลงบนหัวศิลาเท่านั้น และส่งถ่ายเข้าไปในปากของ ‘หัวพิษ’
ผู้บำเพ็ญสิบสองคนวางแผนกันเอาไว้อย่างดีก่อนแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาลงมือจริงๆ ก็ยังคงรู้สึกว่ายากรับมืออนู่ดี
“สังหารยากเกินไปแล้ว”
“ร่างอลหม่านของมันสามารถถ่ายการโจมตีจำนวนมากออกไปได้อย่างง่ายดาย”
“ยังมีหัวที่ไม่สลายนั่นปกป้องหัวพิษอยู่”
เคราะห์ดีที่พวกนักพรตโยวหยาสามารถสัมผัสรับรู้ได้ พวกเขาทำให้ ‘หัวพิษ’ ที่ถูกซ่อนเอาไว้นั้นบาดเจ็บเสียแล้ว อาการบาดเจ็บของงูอลหม่านไร้หม่นตัวนี้ทวีขึ้นเรื่อยๆ เพราะสัมผัสได้ถึงข้อนี้ พวกเขาจึงมั่นใจที่จะสู้ต่อไป
“โยวหยา งูอลหม่านไร้หม่นหกสิบเก้าตัวที่อยู่ใกล้ๆ นั้นกำลังเร่งตรงเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เกรงว่าพวกเราคงจะสังหารงูอลหม่านไร้หม่นตัวนี้ไม่ทันก่อนที่พวกมันจะมาถึง”
“โยวหยา หรือไม่ก็เชิญเสียฝานผู้นั้นมาช่วยดีไหมเล่า”
นักพรตโยวหยาได้ยินสหายถ่ายเสียงก็ร้อนรนขึ้นมา
หากงูอลหม่านไร้หม่นหกสิบเก้าตัวนั้นมาถึง งูอลหม่านไร้หม่นที่นี่ก็จะเพิ่มจำนวนขึ้นจนถึงหนึ่งร้อยหนึ่งตัว! แม้กองกำลังของพวกเขาจะยังสามารถต้านทานเอาไว้ได้ ก็จะต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน! นอกจากนี้นี่ยังเป็นฝูงที่อยู่ใกล้ที่สุดด้วย ยังมีงูอลหม่านไร้หม่นฝูงอื่นๆ กำลังเร่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“เสียฝาน” นักพรตโยวหยาถ่ายเสียงไป
“ทำไมรึ จัดการไม่ได้จึงอยากให้ข้าช่วยอย่างนั้นหรือ” เสียฝานถ่ายเสียงไปแล้วหัวเราะเสียงแปลกพิกล
“มีเงื่อนไขอันใด” นักพรตโยวหยาถาม
“ก่อนหน้านี้เจ้าเอาแต่ทำลายเรื่องของข้ามาตลอดทาง ด้วยการช่วยเหลือหิมะเหินผู้นั้น!” เสียฝานถ่ายเสียงหัวเราะเยาะ
“ข้าจะไม่ช่วยแล้วก็ได้” นักพรตโยวหยาถ่ายเสียงบอก งูอลหม่านไร้หม่นตัวนี้เกี่ยวโยงกับการบำเพ็ญของเขา เขาจะต้องได้มันมาให้จงได้
เสียฝานถ่ายเสียงพูดว่า “ตลอดเส้นทางที่มานี้มิได้พบอันตรายใหญ่หลวงอันใด หากระหว่างทางกลับไม่มีอันตรายใหญ่หลวงดังเดิม ต่อให้เจ้าไม่ช่วยเขา เกรงว่าเขาก็คงจะมีชีวิตรอดเหมือนเดิม นอกจากนี้ ถึงเจ้าไม่ช่วยเขา ก็แค่มีแรงช่วยน้อยลงส่วนหนึ่งเท่านั้น…เพียงเท่านี้ ยังไม่พอให้ข้าลงมือช่วยเจ้าได้หรอก”
“มีเงื่อนไขอันใดเจ้าพูดมาเถิด” นักพรตโยวหยาถ่ายเสียงพูด
“สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์สองตน” เสียฝานถ่ายเสียง
“เจ้า…” นักพรตโยวหยาลอบโมโห “ข้าสามารถมอบอาหารหนึ่งล้านลูกบาศก์เมตรให้เจ้าได้ นี่คือสิ่งที่ข้าสามารถรับได้มากที่สุดแล้ว”
เขาสั่งสมไว้ค่อนข้างน้อย
มีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ทั้งหมดเพียงสามตนเท่านั้น! แต่หากครั้งนี้ล่าสังหารได้สำเร็จ หลังจากกลับไปเขาจะต้องเลือกงูอลหม่านไร้หม่นอย่างแน่นอน เขาต้องชดเชยให้คนอื่นๆ ในกองกำลังอีกห้าสิบคน ลำพังแค่ชดเชย เขาก็ต้องนำสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ทั้งสามตนออกมาแบ่งให้ทุกคนแล้ว
เนื่องจากงูอลหม่านไร้หม่นตัวหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วก็เทียบเท่ากับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นตนอื่นๆ ถึงสามตน!
“หนึ่งล้านลูกบาศก์เมตรรึ เจ้ากำลังดูหมิ่นข้าหรือไร” เสียฝานหัวเราะเยาะ
“สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์หนึ่งตน ข้าขอติดค้างเจ้าเอาไว้ก่อน ภายหน้าข้าจะหาโอกาสชดใช้ให้เจ้า” นักพรตโยวหยาถ่ายเสียงพูด
“แค่ตัวเดียวน่ะหรือ ทั้งยังติดข้าไว้ก่อนด้วย ข้าว่า เจ้าค่อยๆ ฆ่าเอาเองไปก็แล้วกัน” เสียฝานยิ้มหยัน เนื่องจากก่อนหน้านี้นักพรตโยวหยาเคยช่วยเหลือตงป๋อเสวี่ยอิง เดิมทีเขาก็ไม่ชอบหน้าอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นักพรตโยวหยายังให้ผลประโยชน์เขาน้อยเกินไปอีกด้วย!
……
แม้นักพรตโยวหยาจะโมโหแต่กลับทำอะไรมิได้ ทำได้เพียงโจมตีงูอลหม่านไร้หม่นซึ่งพยายามรักษาชีวิตอย่างสุดกำลังตนนั้นพร้อมกับคนอื่นๆ ต่อไป
“รีบช่วยข้าเร็ว”
“ช่วยข้าที”
งูอลหม่านไร้หม่นตัวนี้เริ่มขอความช่วยเหลือแล้ว
ทันใดนั้นงูอลหม่านไร้หม่นตัวอื่นๆ รอบด้านก็พากันพุ่งตรงมาทางนี้ งูตัวที่เดิมทีกำลังพัวพันตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ก็ทิ้งตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างรวดเร็วแล้วบุกไปทางนักพรตโยวหยา
“สกัดเอาไว้”
“เสียฝาน พวกเจ้าอย่าเอาแต่ยืนดูเฉยๆ สิ”
พวกนักพรตโยวหยาก็ร้อนใจขึ้นมา ตงป๋อเสวี่ยอิงและเหล่าผู้บำเพ็ญเอกเทศเหล่านั้นพากันทะยานเข้าไปช่วยสกัดกั้นทันที พวกเสียฝานทั้งสิบหกคนพากันหัวเราะเยาะ ทว่าก็ต้องลงมือจัดการงูอลหม่านไร้หม่นเหล่านั้น
พวกเสียฝานลงมืออย่างสบายๆ
“เสียฝาน ยังมีงูอลหม่านไร้หม่นอีกหกสิบเก้าตัวกำลังเร่งเดินทางมาที่นี่ เจ้าได้โปรดช่วยข้าสักครั้งเถิด”
“มาก็มาเถิด ส่วนเรื่องช่วยเหลือเจ้าน่ะหรือ สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์สองตนก็แล้วกัน” เสียฝานยิ้มหยัน เขายังยินดีที่อันตรายรุนแรงขึ้นเสียด้วยซ้ำไป! ต่อให้มาอีกหกสิบเก้าตัว เขาก็มั่นใจว่าการป้องกันตนเองไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นจำนวนงูอลหม่านไร้หม่นเกินร้อย เกรงว่า ‘จ้าวหิมะเหิน’ ผู้นั้นคงจะต้านทานไม่ไหวจนต้องสิ้นใจไปกระมัง
วัตถุต่างๆ ที่สั่งสมไว้ภายในที่เก็บสมบัติล้ำค่าของจ้าวหิมะเหินก็จะมาอยู่ในมือของพวกเขาแล้วมิใช่หรือไร
แม้หากจ้าวหิมะเหินสู้จนตัวตาย สมบัติล้ำค่าก็จะนับว่าเป็นของทั้งกองกำลัง แต่พวกเสียฝานมีกันตั้งสิบหกคน จากคุณูปการที่สร้างขึ้นตลอดทาง ก็อาจจะสามารถแบ่งมาได้เกือบครึ่งหนึ่งกระมัง
“มาเถอะๆ”
เสียฝานตั้งตารอคอย
ในที่สุด
“ฆ่าผู้บำเพ็ญพวกนี้ให้ตาย”
“ฆ่าพวกเขาให้ตาย”
งูอลหม่านไร้หม่นฝูงหนึ่งก็แหวกอากาศเข้ามาจากที่ไกลๆ เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวที่เปล่งออกมาสะท้อนก้องไปทั่วฟ้าดิน
มีถึงหกสิบเก้าตัว อานุภาพยิ่งใหญ่เทียมฟ้า
ตู้มมม…
เมื่อพวกมันเข้าร่วม สภาพการณ์ ณ ที่นั้นก็เปลี่ยนแปลงไปทันที!
พวกเสียฝานทั้งสิบหกคนก็ป้องกันอย่างสุดกำลัง ทว่าพวกเขาทั้งสิบหกคนก็ยังคงล้อมตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้โดยไม่ให้ความช่วยเหลือแม้แต่น้อย
“เขาจบเห่แล้ว”
“เกรงว่าหิมะเหินผู้นี้คงจะต้องตายเสียแล้ว” ผู้บำเพ็ญเอกเทศเหล่านั้นก็ร่วมมือด้วยอยู่ แต่พวกเขาก็มิกล้าสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว เดิมทีพวกเขาก็อ่อนแออยู่แล้ว ยังจะสอดมือเข้าไปอีกหรือ ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะต้องสิ้นใจกันไปหลายคน
“หิมะเหิน ข้าช่วยเจ้าไม่ไหวแล้ว เจ้าระวังตัวเอาเองเถิด” นักพรตโยวหยาถ่ายเสียงพูด
ช่วยไม่ได้
นักพรตโยวหยาสถานการณ์ย่ำแย่กว่า
เนื่องจากพวกเขากำลังล้อมโจมตีงูอลหม่านไร้หม่นที่ถูกล้อมสังหารตนนั้นกำลังร้องขอความช่วยเหลือไม่ขาดสาย ทำให้งูอลหม่านไร้หม่นกว่าครึ่งในที่นั้นล้อมโจมตีพวกนักพรตโยวหยา ยามนี้นักพรตโยวหยากังวลเป็นอย่างยิ่ง เขาสำแดงบริเวณขาวดำออกมาอย่างสุดกำลัง แถบผ้าขาวดำคลี่ออกมา และพันธนาการงูอลหม่านไร้หม่นตัวแล้วตัวเล่าเอาไว้เพื่อที่จะถ่วงเวลาและพยายามล้อมสังหารให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด
“เขาไม่มีคนคอยช่วยเหลือ”
“เหมือนจะโดดเดี่ยวแล้ว”
“สังหารเขาก่อน”
เหล่างูอลหม่านไร้หม่นก็มีปัญญาสูงส่งอย่างยิ่ง โดยเฉพาะงูอลหม่านไร้หม่นกลุ่มใหญ่ที่กำลังห้ำหั่นกับพวกเสียฝาน พวกมันพบว่าตงป๋อเสวี่ยอิงถูกแยกออกไปจนโดดเดี่ยวแล้ว จึงแบ่งงูอลหม่านไร้หม่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์สามตนออกไปล้อมโจมตีตงป๋อเสวี่ยอิงทันที
พวกมันคร้านที่จะสนใจการช่วงชิงภายในหมู่ผู้บำเพ็ญ…ขอเพียงสามารถสังหารผู้บำเพ็ญได้สักคนหนึ่ง สำหรับพวกมันแล้วก็ทำให้พวกมันฮึกเหิมขึ้นมาได้
เหมือนกับที่เหล่าผู้บำเพ็ญอยากจะสังหารสิ่งมีชีวิตคละถิ่นเพื่อนำมาเป็นอาหาร
บรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นก็กระหายอยากจะสังหารผู้บำเพ็ญทั้งหลายเช่นกัน
“ปัง ปัง ปัง”
ก่อนหน้านี้ตงป๋อเสวี่ยอิงรับมืองูอลหม่านไร้หม่นัวหนึ่งก็เปลืองแรงมากแล้ว ยามนี้มีงูอลหม่านไร้หม่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ถึงสามตนโจมตีเข้ามา เพียงพริบตาเขาก็ถูกบีบให้ตกลงสู่สถานการณ์คับขัน
………………………