ตอนที่ 1320

Alchemy Emperor of the Divine Dao

สัตว์อสูร!

หลิงฮันไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง แต่สัตว์อสูรตัวนั้นสูงมากหลายร้อยฟุตและมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ หากรูปร่างของมันเป็นเช่นนั้น ก็คงไม่อาจเรียกว่าสัตว์อสูรได้ แต่ประเด็นสำคัญคือกล้ามเนื้อทั้งตัวของมันประกอบด้วยศพ

อย่างไรก็ตามมันก็ยังมีจมูก ดวงตา และปากขนาดใหญ่ที่สามารถสร้างสายลมที่รุนแรงดูดผู้คนเข้ามาเข้าไปในปากของมันได้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะมัน!

หลิงฮันและคนอื่นๆต่างตกตะลึง สัตว์อสูรตัวนี้ใช้พลังปราณเพื่อสร้างแรงดูดที่น่าทึ่ง อย่างไรก็ตามการโจมตีของราชันสวรรค์เฉินเฟิงก็ถูกมันทำลายได้อย่างง่ายดาย นี่แสดงให้เห็นว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน

– แต่สัตว์อสูรตัวนี้ก็ไม่มีทางที่จะเป็นระดับสร้างสรรพสิ่งได้ มิฉะนั้นมันไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวอะไรก็สามารถสยบจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ได้แล้ว

ใต้สนามรบสองดินแดนมีสิ่งมีชีวิตแบบนี้อยู่ด้วย?

“เจ้าสิ่งชั่วร้ายนี้คืออะไร?” นักพรตกว่างฉิงกล่าว หัวที่โล้นเกรียนของเขาส่องแสงเป็นประกาย

“หรือว่าศพและโลหิตนับไม่ถ้วนที่แทรกซึมอยู่ใต้พื้นดินก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายนี้ขึ้นมา?” นักปราชญ์ชุดขาวกล่าว ดวงตาของเขาเป็นเหมือนหยินและหยางที่ข้างหนึ่งเหมือนดวงอาทิตย์ ข้างหนึ่งเหมือนดวงจันทร์และเปล่งแสงแปลกๆออกมา

“มีความเป็นไปได้มากที่จะเป็นแบบนั้น!” ราชันสวรรค์เฉินเฟิงพยักหน้า ถึงแม้ว่าทั้งสองดินแดนจะมีความขัดแย้งกัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จัก พวกเขาก็ยังคงร่วมมือกัน

นั่นเป็นเพราะไม่ว่าจะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือดินแดนใต้พิภพต่างก็มีเหตุผลเป็นของตัวเอง แต่สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายในถ้ำรู้จักเพียงแค่การฆ่าฟันและกินเลือดเนื้อเท่านั้น

ฟิ้ว!

สายลมแปลกๆเริ่มพัดกระหน่ำอีกครั้ง มันไม่ได้โกรธเพราะถูกราชันสวรรค์เฉินเฟิงโจมตี แต่มันก็ต้องการกินทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่อ

“สามห้าว!” จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ทั้งสี่คนปลดปล่อยการโจมตีเข้าใส่สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายที่อยู่ในถ้ำพร้อมเพรียงกัน

ตู้ม!

วิถีดาราจักรสี่สายพุ่งเข้าไปในถ้ำ ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว จนในที่สุดสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายที่อยู่ในถ้ำก็เริ่มปรากฏตัวออกมาอยู่ด้านหน้าของทุกคน

แต่มันไม่ได้พุ่งพรวดออกมา แต่คลานออกมาอย่างช้าๆ

สีหน้าของทุกคนกลายเป็นซีดขาว มันเป็นตัวบ้าอะไรกันแน่?

“น่าสนใจ!” ฉือหวงยิ้มและร่างกายของเขาก็เริ่มเรือนแสง

ในขณะเดียวกันเป่ยหวงก็จับกระบี่ล้ำค่าที่อยู่ในมือแน่นด้วยความตื่นเต้น

หลิงฮันส่ายหัว แม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นคนที่แข็งแกร่งมากและมีอาวุธเซียนอยู่ในมือ แต่มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่พวกเขาจะมีพลังต่อสู้เทียบเท่าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์

พูดอีกนัยหนึ่งคือทั้งสองคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายตัวนี้ ซึ่งมีเพียงแค่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์สี่คนนี้เท่านั้นที่สามารถต่อกรกับมันได้

“ฆ่ามัน!” ชายร่างใหญ่ที่มีหัวเป็นหมาป่าส่งเสียงคำรามไปที่สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายและชักกระบี่ครามออกมา กระบี่ของเขาขยายใหญ่ขึ้นหลายร้อยเท่าและโจมตีใส่สิ่งมีชีวิตชั่วร้าย

สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายยกแขนขึ้นและตบไปที่กระบี่ ตู้ม เพียงแค่ฝ่ามือของมันก็ก่อให้เกิดพลังทำลายล้างที่รุนแรง และทำให้ทั้งถ้ำสั่นสะเทือนและมีหินนับไม่ถ้วนตกลงมาแต่ก็ยังไม่พังทลาย

ชายร่างใหญ่ที่มีหัวเป็นหมาป่าหัวเราะและพูดว่า “ที่แท้เจ้าก็มีพลังต่อสู้ระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด แต่แค่นั่นยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ข้าหวาดกลัว!” เขาส่งเสียงคำรามและโจมตีอีกครั้ง

ตู้ม วิถีดาราจักรลอยออกไปเพื่อยับยั้งสิ่งมีชีวิตชั่วร้าย

สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายส่งเสียงคำรามเบาๆ แต่ก็ดังสะท้อนอยู่ในถ้ำ ซึ่งทำให้จอมยุทธระดับภูผาวารีบางคนตกตะลึง บางคนแสดงสีหน้าที่น่ารังเกียจ

“บัดซบ!” นักพรคกว่างฉิง ราชันสวรรค์เฉินเฟิงและนักปราชญ์ชุดขาวกระโจนออกไปโจมตีพร้อมกัน ดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายนี้จะไม่มีสติปัญญาเลยแม้แต่น้อย และรู้จักเพียงแค่การฆ่าฟันเท่านั้น ซึ่งพวกเขาก็ไม่รังเกียจที่จะร่วมมือกันเพื่อกำจัดมัน

ดังที่ชายร่างใหญ่ที่มีหัวเป็นหมาป่าพูด สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายนี้มีพลังต่อสู้ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด แต่มันไม่สามารถใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้ ซึ่งจะทำให้พลังต่อสู้ของมันไม่มากไปกว่านี้

อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งสี่คนเป็นแค่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงเท่านั้น แต่ประเด็นสำคัญที่สุดคือสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายตัวนี้ไม่มีสติปัญญาเลยแม้แต่น้อยและรู้เพียงแค่การฆ่าฟัน ซึ่งแค่นั้นมันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาต้องหวาดกลัว และในไม่ช้าพวกเขาก็จะสามารถกำจัดสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายตัวนี้ได้สำเร็จ

สิ่งที่น่าประหลาดใจของสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายคือมันก่อตัวขึ้นมาจากซากศพของสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง ซึ่งศพแต่ละร่างนั้นธรรมดามาก ส่วนศพที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นแค่จอมยุทธระดับดาราสามดาว ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันเอาพลังต่อสู้ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดมาจากไหน

จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ทั้งสี่คนจ้องมองเข้าไปในถ้ำลึก ด้วยสายตาของพวกเขา ทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายตัวนี้ได้

สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายมีรูปร่างเป็นแบบนี้เพราะบางอย่างที่อยู่ด้านหลังของมันใช่หรือไม่?

ทั้งสี่คนมองหน้ากันและพยักหน้า แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนที่มาจากดินแดนต่างกัน แต่เพียงแค่มองหน้ากันก็รู้แล้วว่าต้องทำอะไร

เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่ธรรมดา ทั้งสองฝ่ายเลือกที่จะร่วมมือกันเป็นการชั่วคราว

“ข้าจะพาพวกเจ้ากลับ!” นักพรตกว่างฉิงโยนดอกบัวล้ำค่าออกมา ซึ่งมันเป็นพาหนะบินได้ และเมื่อมันตกลงสู่พื้นดิน มันก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นรัศมีสามร้อยฟุตและสามารถขนออกจากหุบเหวนรกได้ครั้งละหลายคน

ในความเป็นจริง หากไม่มีสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายที่คอยสร้างแรงดึงดูด จอมยุทธระดับภูผาวารีก็สามารถปีนกลับขึ้นไปเองได้

จากนั้น จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ทั้งสี่คนเข้าไปในถ้ำ

“พวกเราเองจะตามพวกเขาไปใช่หรือไม่?” เป่ยหวงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ว่าเจ้าจะตามเข้าไปหรือไม่เข้าไป ข้าก็คิดที่จะเข้าไปอยู่แล้ว” ฉือหวงกล่าว ตัวเขาเป็นจอมยุทธระดับดาราและยิ่งมีอาวุธเซียนอยู่ในมือ ยิ่งทำให้เขาไม่กังวลเท่าไหร่

“แน่นอนข้าจะเข้าไปดู!” หลิงฮันพยักหน้า

ทุกคนตัดสินใจที่จะเข้าไป ในขณะเดียวกันฉื้อหวงจี่ก็แอบหันไปมองหลิงฮันเป็นครั้งคราว เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะดึงเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิด

คนส่วนใหญ่ตัดสินใจที่จะออกไปจากที่นี่ แต่ก็ยังมีคนที่กล้าจะอยู่ เพราะมันอาจทำให้พวกเขาได้รับโอกาสครั้งใหญ่ที่อยู่ที่นี่ก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม มิใช่ว่ามีจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์สี่คนอยู่ที่นี่ด้วยหรอกหรือ?

แม้ว่าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์จะเดินระมัดระวังแค่ไหน แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมากเกินไป ถ้าพวกเขาเดินเร็วเกินไป คงจะทิ้งห่างคนอื่นที่อยู่ด้านหลังอย่างสมบูรณ์ แต่โชคดีที่มันเป็นอุโมงค์ ซึ่งมีเพียงแค่ทางตรงเท่านั้น พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะหลงและตามไม่ทัน

หลังจากเดินเข้าไปได้ไม่นานก็มีที่ราบอันกว้างใหญ่ปรากฏอยู่ในสายตาของพวกเขา