บทที่ 1582 กำหนดไว้แน่นอนแล้ว

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

มีบางคนอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ การได้ปีนป่ายขึ้นไปหากิ่งไม้สูงอย่างตระกูลโค่วนั้นอย่างดีจริงๆ ทหารสวรรค์เกราะดำหนึ่งแถบได้นั่งตำแหน่งแม่ทัพภาค ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์!

เหมียวอี้ที่ค่อยๆ เรียกสติกลัยว่าคิดในใจว่านี่คือสิ่งที่ตระกูลโค่วช่วยเตรียมให้ เขาพึมพำในใจว่า เรื่องแบบนี้ทำไมตระกูลโค่วไม่บอกเขาก่อนสักคำ?

“ทำไมไม่น้อมรับคำสั่ง?” เวินเจ๋อตะคอก

“น้อมรับคำสั่ง!” เหมียวอี้รีบน้อมรับคำสั่ง แล้วก้าวขึ้นมารับคำสั่งจากมือของอีกฝ่าย

“เฮ้อ!” เวินเจ๋อที่ทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้วทำสีหน้าผ่อนคลาย เขาตบบ่าเหมียวอี้ ทำท่าทางเหมือนบอกว่าการช่วยเหลือตัวเองนั้นทำให้มีความสุขที่สุดแล้ว เขาถอนหายใจแล้วบอกว่า “น้องชาย ดูแลตัวเองดีๆ แล้วกัน ต่อไปนี้เลิกก่อความขัดแย้งได้แล้ว” พูดจบก็นำคนออกไปแล้ว

เหมียวอี้อึ้งไปชั่วขณะ ทำไมฟังจากความหมายที่อีกฝ่ายพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลยล่ะ

สำหรับเขาแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกว่าการไปเป็นแม่ทัพภาพที่ตลาดผีมีอะไรไม่เหมาะสม ตำแหน่งแม่ทัพภาคตลาดผีก็คือการใช้ชีวิตไปวันๆ กอปรกับอยู่ห่างไกลจากราชันสวรรค์ ไม่มีใครมาควบคุม อิสระเสรีมาก ทั้งยังได้นอนกินค่าจ้างเฉยๆ ถ้าเล่นไม่ไหวจริงๆ อย่างมากก็แค่หลบฝึกตนอยู่ในจวนแม่ทัพภาคตลาดผีก็พอแล้ว แล้วอีกอย่าง การที่ตระกูลโค่วดำเนินการให้แบบนี้ ก็ไม่ถึงขั้นทำร้ายตนหรอกมั้ง?

“ยินดีด้วยที่นายท่านได้กลับคืนสู่ตำแหน่งแม่ทัพภาค”

กลุ่มกำลังพลกองมังกรดำที่ไม่รู้สถานการณ์ของเบื้องบนทยอยกันก้าวขึ้นมาแสดงความยินดี เหมียวอี้ก็ทำได้เพียงกล่าวขอบคุณตามมารยาท

จนกระทั่งเขากลับมาที่เรือนพักของตระกูลโค่ว พอใช้ระฆังดาราติดต่อไปหาตระกูลโค่วแล้ว ถึงได้พบว่าแม้แต่ตระกูลโค่วก็ไม่รู้สถานการณ์ เรื่องนี้ไม่ใช่ผลงานของตระกูลโค่วเลย ตอนนี้เขาเพิ่งจะตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ เกรงว่าเรื่องราวคงจะไม่ได้งดงามเหมือนที่ตนคิดไว้

ในจวนอ๋องสวรรค์โค่ว หอสามรากฐาน หลังจากโค่วหลิงซวีที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะยาวได้รับข่าว สีหน้าก็ย่ำแย่มาก

ถึงแม้จะตระหนักได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าประมุขชิงไม่เต็มใจจะปล่อยคน เอาแต่ชักช้าถ่วงเวลาอยู่อย่างนั้น แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะถูกประมุขชิงวางแผนได้โหดขนาดนี้ ตลาดผีงั้นเหรอ ประมุขชิงช่างคิดได้เนอะ

“เขาอยากจะให้ตระกูลโค่วกับตระกูลเซี่ยโห้วสู้กัน สิ่งที่เขาอยากเห็นคือให้เจ็บตัวเสียหายกันทั้งสองฝ่าย!” โค่วหลิงซวีกล่าวอย่างหน้าดำคร่ำเครียด

ผู้เฒ่าถังถอนหายใจแล้วบอกว่า “แผนนี้ของประมุขชิงช่างร้ายกาจจริงๆ ท่านอ๋อง การที่ตระกูลโค่วกับตระกูลเซี่ยโห้วสู้กันไม่ใช่การกระทำที่ชาญฉลาดนัก ที่ตลาดผี ตระกูลโค่วไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลเซี่ยโห้ว ฆ่าศัตรูตายแปดร้อย แต่ตัวเองก็บาดเจ็บไปแล้วสามพัน ไม่คุ้มค่า ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ทำได้เพียงปล่อยหนิวโหย่วเต๋อแล้ว”

โค่วหลิงซวีมองมาด้วยสายตาดุร้าย “ใช้ความพยายามไปมากขนาดนี้ ทำให้ใต้หล้ารู้กันทั่วกว่าจะได้ตัวมาไว้ในมือ พอโดนกดดันครั้งเดียวก็จะปล่อยแล้ว ถ้าแม้แต่คนคนเดียวข้าก็รักษาไว้ไม่ได้ แล้วจะคุมฝูงชนได้ยังไง จะให้คนในใต้หล้ามองข้ายังไง?”

ผู้เฒ่าถังขมวดคิ้ว นี่เป็นเรื่องที่ยุ่งยากจริงๆ ถ้าไม่สามารถรักษาหนิวโหย่วเต๋อเอาไว้ได้ ครั้งนี้ชื่อเสียงบารมีของนายท่านก็จะเสียหายหนักมาก

ไฟพิโรธของท่านพ่อเดือดดาลทะลุฟ้า สามพี่น้องที่ยืนอยู่ข้างล่างไม่กล้าพูดอะไร หลังจากยืนเงียบอยู่ในโถงพักหนึ่ง โค่วเจิงก็ลองกล่าวว่า “ท่านพ่อ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ไม่สู้ให้ทางหนิวโหย่วเต๋อซ่อนตัวในที่ปลอดภัยก่อนชั่วคราว ถ้าตัวเขาไม่ออกจากแม่ทัพภาค คนข้างนอกก็โจมตีเข้าไปสังหารเขาไม่ได้อยู่แล้ว”

ผู้เฒ่าถังส่ายหน้า “คุณชายใหญ่ เช่นนั้นการที่พวกเราดึงตัวหนิวโหย่วเต๋อมาได้ยังจะมีความหมายอะไรอีก? เจตนาของประมุขชิงชัดเจนมาก เห็นแก่หน้าท่านอ๋อง พวกเขาไม่สามารถทำอะไรหนิวโหย่วเต๋อตรงๆ ได้ แต่การเอาหนิวโหย่วเต๋อไปทิ้งที่ตลาดผี ก็เพราะอยากจะให้ตระกูลโค่วกับตระกูลเซี่ยโห้วสู้กัน ถ้าหากไม่สู้กัน ก็สามารถบีบให้หนิวโหย่วเต๋อตายอยู่ที่ตลาดผีได้ อยู่ที่ตลาดผีหนิวโหย่วเต๋อไม่มีอะไรให้สร้างความดีความชอบ ถ้าไม่มีผลงานอะไรก็ไม่มีทางได้เลื่อนตำแหน่ง แบบนี้ก็จะมีข้ออ้างในการลงโทษต่อไปเรื่อยๆ สามารถกดให้เขาอยู่ที่ตลาดผีแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันได้ตลอดไป เช่นนั้นหนิวโหย่วเต๋อก็จะหมดความหมายสำหรับตระกูลโค่วแล้ว ลูกศิษย์อสุราอัคนีอะไรนั่น ขุนผลมากฝีมืออะไรนั่นก็จะกลายเป็นความว่างเปล่า กลายเป็นซี่โครงไก่ กินแล้วไร้รสชาติ จะทิ้งก็เสียดาย ทั้งยังต้องจ่ายทรัพยากรของตระกูลโค่วเพื่อปกป้องอีก ได้ไม่คุ้มเสีย!”

โค่วเจิงเงียบงัน เขาฟังเข้าใจความหมายที่ผู้เฒ่าถังสื่อแล้ว เจ้าตัวกำลังโน้มน้าวให้ท่านพ่อปล่อยให้หนิวโหย่วเต๋อไปตายตามยถากรรมที่ตลาดผี ไม่ต้องใช้กำลังปะทะเพื่อศักดิ์ศรีหน้าตา

แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าหนิวโหย่วเต๋อตายที่ตลาดผี ก็อย่าว่าแต่ท่านพ่อเลย แม่แต่เขาเองก็รู้สึกว่าต่อไปนี้จะไม่มีหน้าไปเจอใครอีก อุตส่าห์แย่งตัวมาจากอ๋องสวรรค์คนอื่นได้ เพิ่งดีใจได้ไม่นานเท่าไรเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว น่าหัวเราะเยาะของจริง!

จู่ๆ โค่วฉินก็พึมพำว่า “หนิวโหย่วเต๋อนี่ก็จริงๆ เลย มั่นใจในตัวเองมากไปหน่อย ขนาดโดนทำโทษแล้วยังกำเริบเสิบสาน ไม่รู้จักยืนเฝ้ายามอย่างซื่อสัตย์ ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ ปล่อยให้จุดอ่อนใหญ่ขนาดนี้ตกอยู่ในมือประมุขชิงแล้ว”

คนที่เหลือชำเลืองมองมา ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น แต่ตอนนี้ไม่ว่าใครก็รู้ชัดอยู่แก่ใจทั้งนั้น ว่าจุดประสงค์ที่ประมุขชิงทำโทษให้หนิวโหย่วเต๋อยืนยามอยู่ที่อุทยานสวรรค์หนึ่งร้อยปี ก็เพื่อจะฉวยโอกาสพื้นฝอยหาตะเข็บ ถ้าไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ประมุขชิงก็จะหาข้ออ้างอื่นอยู่ดี คนอยู่ในมือประมุขชิงแล้ว ประมุขชิงมีเวลามากพอที่จะครุ่นคิดหาวิธีการ

ปั้ง! โค่วหลิงซวีที่เงียบไปพักหนึ่ง จู่ๆ ก็ตบโต๊ะยืนขึ้น “ประมุขชิงรังแกกันเกินไปแล้ว ข้าจะต้องไปขอคำอธิบายจากเขา!”

ตรงนี้เพิ่งจะเดินอ้อมโต๊ะออกมา แต่ผู้เฒ่าถังก็ยื่นมือขวางไว้แล้ว “ท่านอ๋อง! มีคำสั่งลงมาแล้ว เกรงว่าน้ำที่สาดออกไปแล้วจะเอาคืนยาก พอมาดูตอนนี้ สิ่งที่เรียกว่าลงโทษหนึ่งร้อยปีนั้นถูกวางแผนไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว คิดแผนส่งไปตลาดผีได้ตั้งแต่ต้น หนิวโหย่วเต๋อทิ้งจุดอ่อนใหญ่ขนาดนี้ไว้ ถ้าไม่พูดออกมาก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าพูดออกมาแล้ว เรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อก่อนี้ ไม่ว่าจะไปแก้ตัวตรงไหนก็ฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น ถ้าจะลงโทษต่อไปอีก ใครก็ว่าอะไรไม่ได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ประมุขชิงคาดการณ์ได้แม่นยำแล้วว่าการทำแบบนี้จะมีท่านอ๋องคนเดียวที่คัดค้าน ตระกูลอื่นจะต้องนิ่งดูดายแน่นอน ไม่มีทางร่วมมือกับท่านอ๋องเพื่อคัดค้าน ไม่แน่ว่าอาจจะซ้ำเติมก็ได้ ท่านอ๋อง ถ้าขาดอำนาจของตระกูลอื่นสนับสนุน ก็ตบมือข้างเดียวไม่ดัง! ที่สำคัญคือฝั่งประมุขชิงมีเหตุผลที่ฟังขึ้น ถ้าจะลงโทษต่อไปก็ไม่มีอะไรผิด!”

โค่วหลิงซวีกล่าวเสียงต่ำว่า “อย่าบอกนะว่าจะให้ข้านั่งดูเฉยๆ? ถ้าไม่ไปหาเขา เช่นนั้นก็ไม่หลงเหลือความเป็นไปได้อะไรแล้ว ถ้าไปหาเขาอาจจะยังมีโอกาสก็ได้”

ผู้เฒ่าถังแอบถอนหายใจ แล้วหลีกทางให้เขา

วังสวรรค์ อุทยานสายัณห์

“การผลัดเวรหนึ่งหมื่นสองพันกว่าครั้ง เขาไปยืนยามเพียงสามร้อยกว่าครั้ง เป็นเพียงจำนวนเศษเท่านั้น มันใช่เรื่องเหรอ? ช่างทำให้คนยกนิ้วจริงๆ! ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าขุนนางโค่ว ข้าคงแค้นจนอยากจะตัดหัวเขาแล้ว! ถ้าทุกคนของตำหนักสวรรค์เอาเยี่ยงอย่างเขาหมดล่ะ กฎสวรรค์จะยังมีอยู่หรือ กฎระเบียบไปอยู่ไหนแล้ว? อย่าบอกนะว่าขุนนางโค่วยังคิดจะมาขอร้องให้เขาอีก?” ประมุขชิงแทบจะคำรามใส่โค่วหลิงซวีที่มาขอคำอธิบาย จงใจอารมณ์เสียใส่

โค่วหลิงซวีบอกว่า “ข้าน้อยไม่ได้มาเพื่อขอร้องให้เขา มีความผิดก็ย่อมต้องลงโทษ! ข้าน้อยเพียงคิดว่าเขาไม่เหมาะจะไปที่ตลาดผี ฝ่าบาทได้โปรดไว้หน้าข้าน้อย ให้ข้าน้อยนำเขาไปลงโทษที่ทัพเหนือ!”

ประมุขชิงจึงตอบว่า “ขุนนางโค่ว ข้าไว้หน้าเจ้าแล้วนะ ถ้าไม่ใช่เพราะไว้หน้าเจ้า ด้วยยศของเขาในตอนนี้ จะไปรับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ตลาดผีได้เหรอ?”

“ฝ่าบาท…” โค่วหลิงซวีกำลังจะพูด

“พอแล้ว!” ประมุขชิงพูดตัดบทเสียเลย “ข้าเข้าใจความคิดของเจ้า แต่เจ้าก็ต้องเข้าใจความลำบากของข้าด้วย ทุกคนที่มีตาก็เห็นกันทั้งนั้น การผลัดเวรหนึ่งหมื่นสองพันกว่าครั้ง เขาไปยืนยามเพียงสามร้อยกว่าครั้ง ไม่ว่าจะแก้ตัวตรงไหนก็ฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น ถ้าอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ แล้วข้ายังจะให้ขุนนางโค่วพาเขาไปทัพเหนืออีก ทุกคนจะคิดยังไงล่ะ? พอมีคนนำให้ทำแบบนี้แล้ว ถ้าในภายหลังทุกคนเอาเยี่ยงอย่าง แล้วข้าจะเอาความมั่นใจจากไหนไปคุมกฎสวรรค์ล่ะ? ขุนนางโค่ว ไปที่ตลาดผีก็ไม่เป็นไรหรอก ยังมีโอกาสสร้างผลงาน รอให้เขาสร้างผลงานแล้ว ค่อยย้ายเขาไปที่ทัพเหนืออย่างสมเหตุสมผลก็ยังไม่สาย ทำไมต้องรีบร้อนทำตอนนี้ด้วยล่ะ? ตกลงตามนี้แล้วกัน!”

เหลวไหล! ถ้าจะสร้างผลงานที่ตลาดผี ก็หมายความว่าต้องปะทะกับตระกูลเซี่ยโห้วน่ะสิ เกรงว่ายังไม่ทันจะได้สร้างผลงาน ชีวิตก็คงไม่เหลือแล้ว! โค่วหลิงซวีด่าในใจ แต่ประมุขชิงไม่ยอมปล่อยคนโดยอ้างข้อหาโดดเข้าเวรหมื่นกว่าครั้ง นี่ไม่ใช่การโดนเวรแค่ครั้งสองครั้ง แต่เป็นหมื่นกว่าครั้ง แต่ยินแล้วยังตกใจ ทำให้เจ้าโวยวายไม่ออกเลย!

พยายามสุดความสามารถแล้ว รู้ว่าเถียงต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เรื่องนี้กำหนดไว้แน่นอนแล้ว โค่วหลิงซวีทำได้เพียงขอตัวออกไป

ขณะมองคล้อยหลังเขาเดินออกไป ประมุขชิงก็เรียกลูกน้อง ซ่างกวนชิงที่อยู่ข้างๆ เดินเข้ามาใกล้ “ฝ่าบาท!”

ประมุขชิงบอกว่า “ถ้าอยากจะให้เขากล้ำกลืนความโกรธ เกรงว่าจะไม่ง่าย! โพ่จวินเองก็ไม่พอใจที่ส่งหนิวโหย่วเต๋อไปตลาดผี โพ่จวินยังหวังให้หนิวโหย่วเต๋ออยู่ทำงานต่อที่กองทัพองครักษ์ เจ้าดูซิว่ายังพอมีวิธีไหนอีกบ้าง?”

ซ่างกวนชิงฟังเข้าใจแล้ว ประมุขชิงเองก็ไม่อยากปล่อยลูกศิษย์อสุราอัคนีไปง่ายๆ เช่นกัน ถึงอย่างไรก็เลี้ยงมาหลายปีแล้ว โดนคนฉกฉวยดอกผลจะต้องไม่พอใจแน่นอน เขาตอบอย่างลังเลว่า “นอกเสียจากจะตัดขาดการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างหนิวโหย่วเต๋อกับตระกูลโค่ว ข้าน้อยส่งคนไปกำจัดอวิ๋นจือชิวนั่นดีไหม?”

“ไม่เหมาะสม!” ประมุขชิงโบกมือ “ถ้าใช้วิธีการแข็งกร้าวแบบนี้ ผลกระทบจะเลวร้ายมาก ต่อให้ข้าไม่ได้ทำ โค่วหลิงซวีก็ต้องสงสัยว่าข้าทำอยู่ดี หากจะทำจริงๆ คงไม่รอถึงตอนนี้ กฎก็ยังต้องเป็นกฎ จะทำลายไม่ได้ แล้วอีกอย่าง ถ้าหนิวโหย่วเต๋อสงสัยว่าข้าสังหารเมียเขา เขาจะยังทำงานรับใช้ข้าอีกเหรอ? ข้าว่านะซ่างกวน ทำไมยิ่งนับวันเจ้าจะยิ่งเหมือนเกาก้วนเข้าไปเรื่อยๆ ทำไมเอะอะก็อยากจะฆ่าคน คิดวิธีการที่เหมาะสมกว่านี้ไม่ได้แล้วเหรอ?”

ซ่างกวนชิงลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็ทำสายตาล่อกแล่ก คิดแผนการได้แล้ว บอกว่า “งั้นก็ทำให้หนิวโหย่วเต๋อเป็นฝ่ายหย่ากับฮูหยิน!”

“เขายอมแลกทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนนี้ มีหรือที่จะเป็นฝ่ายขอหย่าก่อน?” ประมุขชิงเลิกคิ้วถาม

ซ่างกวนชิงกล่าวเสียงต่ำว่า “โจรราคะเจียงอีอีสร้างผลงานหลายครั้ง ชำนาญการทำเรื่องนี้ที่สุด ทำให้ขุนนางที่ไม่เชื่อฟังต้องขมขื่นมานักต่อนักแล้ว คดีน่านฟ้าระกาติง หนิวโหย่วเต๋อก็เอาเจียงอีอีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถ้าเจียงอีอีจะล้างแค้นก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล กอปรกับตัวตนของเจียงอีอี ไม่มีใครสงสัยว่าเขาคือคนของตำหนักสวรรค์”

ประมุขชิงหันหน้าช้าๆ กลับมามองเขาแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เอาสองมือไขว้หลัง เดินออกไปเงียบๆ…

จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าว ฮ่าวเต๋อฟางที่กำลังเล่นหมากล้อมกับซูอวิ้นอยู่ในศาลาแสยะยิ้ม “ตลาดผี! เกรงว่าคงทำให้โค่วหลิงซวีปวดหัวแล้ว”

จวนอ๋องสวรรค์ก่วง ก่วงลิงกงที่ยืนพิงระเบียงตึกพ่นเสียงทางจมูก แล้วถามว่า “ตอนนี้โค่วหลิงซวียังยิ้มออกอยู่รึเปล่า?”

จวนอ๋องสวรรค์อิ๋ง อิ๋งจิ่วกวงที่เดินไปเดินมาอยู่ในสวนแสยะยิ้มไม่หยุด “รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าประมุขชิงไม่ยอมหยุดแน่ ตอนนี้ตาแก่โค่วโยนหินใส่เท้าตัวเองเสียแล้ว”

จวนท่านปู่สวรรค์ ในสวนต้องห้าม ใต้ต้นไม้โบราณที่มีพุ่มไม้ใหญ่ราวกับกางร่ม เซี่ยโห้วท่ากำลังหลับตาเงียบๆ

เว่ยซูบอกว่า “นายท่าน ประมุขชิงอยากจะให้ตระกูลโค่วสู้กับพวกเราจนเสียหายทั้งคู่! ตระกูลโค่วไม่ถึงขั้นมองไม่ออกหรอก หวังว่าตระกูลโค่วจะให้หนิวโหย่วเต๋ออยู่ที่ตลาดผีอย่างว่านอนสอนง่ายหน่อย”

เซี่ยโห้วท่าลืมตาขึ้นช้าๆ “เขาว่านอนสอนง่ายแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ? อีกสามตระกูลอยากจะดูละครจะแย่อยู่แล้ว มีวิธีการปลุกปั่นเขาอยู่แล้ว”

เว่ยซูกำลังจะเอ่ยรับต่อ แล้วกลับชะงักงัน หยิบระฆังดาราอันหนึ่งออกมา หลังจากตั้งใจฟังแล้ว ก็รายงานว่า “นายท่าน โค่วหลิงซวีมาเยี่ยมถึงประตูบ้านแล้ว”

“อ้อ!” เซี่ยโห้วท่าอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะลั่น แล้วโบกมือบอกว่า “เชิญเข้ามา!”

…………………………