บทที่ 1954 ไล่ล่าอิสรภาพ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

ร่างกายของฟางหยวนอาบไปด้วยเลือดและบาดแผล เขายืนขึ้นและมองไปยังหอเย็บปักถักร้อยที่อยู่ด้านหน้า

เดิมที่หอเย็บปักถักร้อยเป็นคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ที่เทพอมตะแรกกําเนิดมอบให้เทพอมตะกลุ่มดาวเพื่อเป็นสินสอดของนางตามธรรมเนียมในยุคนั้นต่อมาเมื่อเทพอมตะกลุ่มดาวกลายเป็นเทพอมตะนางเปลี่ยนหอเย็บปักถักร้อยเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่มีพลังอํานาจอันลึกลับ

มากกว่าหนึ่งล้านปีต่อมา เทพปีศาจคลั่งบุกวงสวรรค์ เขาเดินทางผ่านวิหารจักรพรรดิอมตะวิหารมิตเร้นทะเลสาบแห่งปัญญาถ้ำทรายนิรันดร์ วิหารล้านราชันสวรรค์หอเย็บปักถักร้อยวิหารกลางและหอคอยดวงตาสวรรค์

เทพปีศาจคลั่งที่ประมาทพบความสูญเสียบางอย่างที่หอเย็บปักถักร้อย เขาถูกบังคับให้ทิ้งผิวหนังสามชิ้นเอาไว้ก่อนที่จะสามารถผ่านมัน

แผ่นหนังเปื้อนเลือดสามพื้นถูกเย็นติดอยู่กับอากาศด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋

หลังจากนั้นความเสียหายของหอเย็นปักถักร้อยก็ไม่สามารถแก้ไข

ไม่เพียงฟางหยวน แต่ราชันมังกรและผู้อมตะคนอื่นๆก็สามารถมองเห็นแผ่นหนังเปื้อนเลือดทั้งสามผืนลอยอยู่กลางอากาศเหนือหอเย็บปักถักร้อย

พวกมันดูเหมือนธงเลือดสามพื้นที่โบกสะบัดไปมาตามสายลม

แผ่นหนังด้านซ้ายมีภาพนกตัวหนึ่ง มันมีหกขาแต่ไม่มีปีก

แผ่นหนังตรงกลางมีภาพเสือดาว มันอ้าปากแต่ไม่มีฟัน

แผ่นหนังด้านขวามีภาพปลา มันมีสีสันสดใสแต่ไม่มีเหงือก

แผ่นหนังเปื้อนเลือดทั้งสามสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่งและสร้างเสียงราวกับกองทัพใหญ่กําลังออกรบ

“โฮก…”

ทันใดนั้นเสียงคารามของสัตว์อสูรพลันดังขึ้น

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่ผูกมัดแผ่นหนังเปื้อนเลือดทั้งสามปลดปล่อยแสงสีแดงเลือดออกมาและทําให้มันกลายเป็นดวงแสงสามดวง

เมื่อแสงสีแดงเลือดจางหายไป สัตว์อสูรที่มีร่างกายเท่ากับเนินเขาสามตัวก็ปรากฏขึ้น

ตัวแรกเป็นนกสีเหลือง มันมีหกขา จงอยปากของมันแข็งและยาว แต่มันไม่มีปีก

ตัวที่สองเป็นเสือดาวสีฟ้า มันอ้าปากแต่ไม่มีฟันแม้แต่ซี่เดียว

ตัวที่สามเป็นปลาเกล็ดเขียวที่ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ มันปิดปากแน่นแต่ไม่มีเหงือก

หัวใจของผู้อมตะทั้งหมดสั่นสะท้านขึ้นเมื่อเห็นพวกมัน แม้แต่ราชันมังกรยังแสดงออกด้วยท่าทางเคร่งขรึมและหยุดโจมตี

“มันคือแผ่นหนังเปื้อนเลือดที่ถูกทิ้งไว้โดยเทพปีศาจคลั่ง!”

“สัตว์ประหลาดทั้งสามมีกลิ่นอายที่น่าตกใจมาก”

“ฟางหยวนเรียกการจัดเตรียมของเทพออกมางั้นหรือ?”

“เดี๋ยว! ไม่ใช่ว่าสัตว์ประหลาดเหล่านี้ดูคล้ายกับสัตว์ประหลาดในตํานานมนุษย์คนแรกงันหรือ?”

ตํานานมนุษย์คนแรก

มนุษย์คนแรกเดินอย่างโดดเดี่ยวอยู่ในดินแดนอันกว้างใหญ่ เส้นผมของเขายุ่งเหยิงและดูหมือนคนบ้าบางครั้งเขาจะกรีดร้องบางครั้งเขาจะนั่งลงด้วยความงุนงงและบางครั้งเขาจะหัวเราะออกมาราวกับคนโง่

วิญญาณชะตากรรมแยกเขากับลูกๆของเขาออกจากกัน เขาสูญเสียวิญญาณความมั่งคั่งและถูกบังคับให้กลายเป็นคนบ้า

“ข้าคือผู้ใด? ข้าอยู่ที่ไหน? ข้ากําลังทําสิ่งใดอยู่?” มนุษย์คนแรกสูญเสียสติสัมปชัญญะ

เช้าวันหนึ่ง นกฝูงหนึ่งวิ่งผ่านมนุษย์คนแรก

นกเหล่านี้ไม่มีปีก พวกมันใช้ขาหกข้างวิ่งอยู่บนพื้นและส่งฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ

มนุษย์คนแรกกระโดดด้วยความดีใจ

“เช่นนั้นข้าก็เป็นนก!” เขาวิ่งเข้าไปรวมกลุ่มกับฝูงนก

นกตัวหนึ่งอุทานด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเป็นมนุษย์ เจ้าใช้สองขาในการเดินเจ้าไม่ใช่นกออกไปอย่ามารบกวนพวกเราพวกเรากําลังไล่ล่าวิญญาณอิสรภาพพวกเราต้องการอิสรภาพของพวกเรากลับคืน”

มนุษย์คนแรกถาม “เหตุใดพวกเจ้าจึงไล่ล่าอิสรภาพ?”

นกกล่าวอย่างจริงจัง “เราเคยครอบครองวิญญาณอิสรภาพมาก่อน แต่เราไม่รู้ตัวหลังจากสูญเสียมันไปเราพบว่าเราไม่มีปีกและไม่สามารถบินได้อีกต่อไป เมื่อเราได้รับวิญญาณอิสรภาพกลับคืนเราจะสามารถสยายปีกและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง”

มนุษย์คนแรกกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว มนุษย์ก็ต้องการอิสรภาพเช่นกัน หากมนุษย์ไม่มีอิสรภาพพวกเราจะเป็นเหมือนนกที่สูญเสียปีก”

“ถูกต้อง ข้าจําได้แล้ว!” มนุษย์คนแรกปรบมือและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง“ข้าต้องไล่ล่าอิสรภาพเพื่อปลดโซ่ตรวนแห่งโชคชะตาหลังจากนั้นข้าจะสามารถไปทุกที่และอยู่กับทุกคนที่ข้ารักตลอดไป!”

นกมองมนุษย์คนแรกด้วยสายตาแปลกประหลาด “โอ้ มนุษย์ ความคิดของเจ้าช่างแปลกประห ลาดนัก

“ดูพวกเรา นกจะไม่มีปีกได้อย่างไร ดังนั้นการไล่ล่าอิสรภาพจึงเป็นหน้าที่ของเรา”

“แต่มนุษย์ถูกลิขิตให้อยู่เพียงลําพัง การพบพานจะจบลงด้วยการพลัดพรากโอ้ มนุษย์เจ้าต้องการไล่ล่าอิสรภาพแต่เจ้าต้องทําตามธรรมชาติของตนเองด้วยอย่าเพ้อฝันมากเกินไป”

มนุษย์คนแรกเกาศีรษะ “แล้วข้าควรทําอย่างไร?”

นกทิ้งคําพูดสุดท้ายเอาไว้ “มนุษย์ ให้เราแนะนําเจ้าอย่างจริงใจ หากเจ้าได้รับอิสรภาพในอนาคตเจ้าต้องถนอมมันเอาไว้อย่าเป็นเหมือนเราที่ปล่อยมันไปอย่าปล่อยวิญญาณอิสรภาพบินหนีไป มิฉะนั้นเจ้าจะเสียใจ”

เมื่อมนุษย์แยกทางกับฝูงนกเขาค่อยๆลืมตัวตนและเป้าหมายของตนเองอีกครั้ง

บ่ายวันหนึ่ง ฝูงเสือดาวสีฟ้ากระโดดผ่านมา

มนุษย์คนแรกตะโกนด้วยความดีใจ

“ข้าเป็นเสือดาว!” เขาวิ่งเข้าไปรวมกลุ่มกับฝูงเสือดาว

เสือดาวผลักเขาออกไปและตะโกน “เจ้าเป็นมนุษย์ เจ้าใช้สองขาในการเดินเจ้าไม่ใช่เสือดาวออกไปอย่ามารบกวนพวกเราพวกเรากําลังไล่ล่าวิญญาณอิสรภาพพวกเราต้องการอิสรภาพ ของพวกเรากลับคืน”

มนุษย์คนแรกถาม “เหตุใดพวกเจ้าจึงไล่ล่าอสรภาพ?”

เสือดาวกล่าวอย่างจริงจัง “เราเคยครอบครองวิญญาณอิสรภาพมาก่อน แต่เราไม่รู้ตัวหลังจากสูญเสียมันไปเราพบว่าเราไม่มีฟันและไม่สามารถกัดเหยื่อได้อีกต่อไปเมื่อเราได้รับวิญญาณอิสรภาพกลับคืนเราจะสามารถกินอาหารอย่างมีความสุขอีกครั้ง”

มนุษย์คนแรกกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว มนุษย์ก็ต้องการอิสรภาพเช่นกัน หากมนุษย์ไม่มีอิสรภาพพวกเราจะเป็นเหมือนเสือดาวที่สูญเสียฟัน”

“ถูกต้อง ข้าจําได้แล้ว!” มนุษย์คนแรกปรบมือและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ข้าต้องไล่ล่าอิสรภาพเพื่อปลดโซ่ตรวนแห่งโชคชะตาหลังจากนั้นข้าจะสามารถครอบครองอาหารเลิศรสสุราชั้นดีเสื้อผ้าที่งดงามและความมั่งคั่งที่ไม่รู้จบสิ้นข้าจะมีชีวิตที่ไร้กังวล!”

เสือดาวตกตะลึงก่อนจะหัวเราะ “โอ้ มนุษย์ ความคิดของเจ้าช่างแปลกประหลาดนัก”

“ดูพวกเรา เสือดาวจะไม่มีฟันได้อย่างไร ดังนั้นการไล่ล่าอิสรภาพจึงเป็นหน้าที่ของเรา”

“แต่มนุษย์ถูกลิขิตให้เกิดมามือเปล่าและจากไปมือเปล่า โอ้ มนุษย์ เจ้าต้องการไล่ล่าอิสรภาพแต่เจ้าต้องทําตามธรรมชาติของตนเองด้วย อย่าเพ้อฝันมากเกินไป”

มนุษย์คนแรกไม่พอใจ “แล้วข้าควรทําอย่างไร?”

เสือดาวทิ้งคําพูดสุดท้ายเอาไว้ “มนุษย์ ให้เราแนะนําเจ้าอย่างจริงใจ หากเจ้าได้รับอิสรภาพในอนาคตเจ้าต้องถนอมมันเอาไว้อย่าเป็นเหมือนเราที่ปล่อยมันไปอย่าปล่อยวิญญาณอิสรภาพบินหนีไปมิฉะนั้นเจ้าจะเสียใจ”

เมื่อมนุษย์แยกทางกับฝูงเสือดาว เขาค่อยๆลืมตัวตนและเป้าหมายของตนเองอีกครั้ง

เย็นวันหนึ่ง ฝูงปลาเคลื่อนที่ผ่านมา

มนุษย์คนแรกตะโกนด้วยความดีใจ

“ข้าเป็นปลา!” เขาวิ่งเข้าไปรวมกลุ่มกับฝูงปลาและพยายามทําท่าทางว่ายอากาศเหมือนพวกมัน

ปลาตําหนิ “เจ้าเป็นมนุษย์ เจ้าใช้สองขาในการเดิน เจ้าไม่ใช่ปลา ออกไป อย่ามารบกวนพวกเราพวกเรากําลังไล่ล่าวิญญาณอิสรภาพ พวกเราต้องการอิสรภาพของพวกเรากลับคืน”

มนุษย์คนแรกถาม “เหตุใดพวกเจ้าจึงไล่ล่าอิสรภาพ?”

ปลาถอนหายใจ “เราเคยครอบครองวิญญาณอิสรภาพมาก่อน แต่เราไม่รู้ตัว หลังจากสูญเสียมันไปเราพบว่าเราสูญเสียเหงือกและไม่สามารถหายใจในน้ำได้อีกต่อไปเมื่อเราได้รับวิญญาณอิสรภาพกลับคืน เราจะสามารถว่ายน้ำอีกครั้ง”

มนุษย์คนแรกกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว มนุษย์ก็ต้องการอิสรภาพเช่นกัน หากมนุษย์ไม่มีอิสรภาพพวกเราจะเป็นเหมือนปลาที่สูญเสียเหงือกและไม่สามารถหายใจ”

“ถูกต้อง ข้าจําได้แล้ว!” มนุษย์คนแรกปรบมือและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง“ข้าต้องไล่ล่าอิสรภาพเพื่อปลดโซ่ตรวนแห่งโชคชะตาหลังจากนั้นข้าจะสามารถหายใจได้อย่างอิสระและมีชีวิตอยู่ตลอดไปข้าจะมีชีวิตนิรันดร์!”

ปลาเย้ยหยัน “โอ้ มนุษย์ ความคิดของเจ้าช่างแปลกประหลาดนัก”

“ดูพวกเรา ปลาจะไม่มีเหงือกได้อย่างไร ดังนั้นการไล่ล่าอิสรภาพจึงเป็นหน้าที่ของเรา”

“แต่มนุษย์ถูกลิขิตให้เกิดและตาย เจ้าไม่มีความสัมพันธ์กับชีวิตนิรันดร์ โอ้ มนุษย์เจ้าต้องการไล่ล่าอิสรภาพแต่เจ้าต้องทําตามธรรมชาติของตนเองด้วยอย่าเพ้อฝันมากเกินไป”

มนุษย์คนแรกขมวดคิ้วและรู้สึกหงุดหงิด “แล้วข้าควรทําอย่างไร?”

ปลาทิ้งคําพูดสุดท้ายเอาไว้ “มนุษย์ ให้เราแนะนําเจ้าอย่างจริงใจ หากเจ้าได้รับอิสรภาพในอนาคตเจ้าต้องถนอมมันเอาไว้ อย่าเป็นเหมือนเราที่ปล่อยมันไปอย่าปล่อยวิญญาณอิสรภาพบินหนีไปมิฉะนั้นเจ้าจะเสียใจ”

เมื่อมนุษย์แยกทางกับฝูงปลา เขาค่อยๆลืมคําแนะนําของนก เสือดาว และปลา

“ข้าเป็นมนุษย์ ข้าต้องการอิสรภาพ!”

“ข้าต้องการกําจัดโซ่ตรวนแห่งโชคชะตา ข้าต้องการอยู่กับคนที่ข้ารักตลอดไปข้าอยากมีความสุขกับชีวิตมีความมั่งคั่งเพียงพอและไร้กังวลข้าอยากมีชีวิตนิรันดร์!”

สิ่งมีชีวิตมากมายที่เดินผ่านมนุษย์คนแรกได้ยินถ้อยคําเหล่านี้ พวกมันต่างส่ายศีรษะและสร้างระยะห่างออกจากเขา

“ไปกันเถอะ เขาคือมนุษย์ เขาพูดเรื่องไร้สาระอีกแล้ว”

“เขาบ้าไปอย่างสมบูรณ์แล้ว”

“เขากล้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร?”

วันหนึ่ง วิญญาณอิสรภาพบินเข้ามาหามนุษย์คนแรกด้วยตัวของมันเอง

มนุษย์คนแรกมีความสุขมากและรีบคว้ามันไว้

“โอ้ อิสรภาพ ในที่สุดข้าก็ได้รับอิสรภาพ” มนุษย์คนแรกมีความสุขมากแต่เขายังถามวิญญาณอิสรภาพด้วยความสับสน“นกไร้ปีกกําลังไล่ล่าเจ้า เสือดาวไร้ฟันกาลังไล่ล่าเจ้าปลาไร้เหงือกก่าลังไล่ล่าเจ้าแต่เหตุใดเจ้าจึงบินมาหาข้าที่นี่?”

วิญญาณอิสรภาพตอบ “ข้าไม่ได้บินมาหาเจ้า มนุษย์ เจ้าเคยใช้วิญญาณทัศนคติรังแกข้าใช้วิญญาณแห่งความรักผูกมัดข้าและใช่วิญญาณความมั่งคั่งติดสินบนข้า ข้าเกลียดเจ้า!ข้าบินมาที่นี่เพราะข้าถูกดึงดูดโดยวิญญาณความเข้าใจของเจ้า”

วิญญาณความเข้าใจบินออกมาจากร่างของมนุษย์คนแรกและอธิบายด้วยรอยยิ้ม“มนุษย์เพราะเจ้ากลายเป็นคนบ้าเจ้าเพ้อฝันตลอดเวลา มนุษย์ที่ต้องการอยู่กับคนรักตลอดไปมนุษย์ที่ต้องการชีวิตที่ไร้กังวลมนุษย์ที่ต้องการชีวิตนิรันดร์สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งใดได้นอกจากคนบ้า”

วิญญาณอิสรภาพถอนหายใจ “อิสรภาพของความเข้าใจคืออิสรภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดความคิดเพ้อฝันเหล่านี้สามารถเสริมกําลังให้ข้ามนุษย์คนแรก แม้เจ้าจะจับข้าแต่ข้าจะไม่ทํางานเพื่อเจ้าปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้!”

มนุษย์คนแรกส่ายศีรษะและกํามือแน่นขึ้น “วิญญาณอิสรภาพ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป”

วิญญาณอิสรภาพเย้ยหยัน “เช่นนั้นก็เตรียมตัวรับแรงกดดัน”

หลังกล่าวจบค่าวิญญาณความรับผิดชอบก็บนลงมาบนไหล่ของมนุษย์คนแรก

“หนักมาก!” มนุษย์คนแรกเกือบล้มลงจากแรงกดดัน เขารู้สึกราวกับกําลังแบกภูเขาเอาไว้ทั้งลูก

วิญญาณความเข้าใจถอนกายใจ “อิสรภาพมาพร้อมกับความรับผิดชอบเสมอมนุษย์เจ้าต้องการอิสรภาพดังนั้นเจ้าจึงต้องแบกรักความรับผิดชอบ อย่างน้อยที่สุดเจ้าก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง”

มนุษย์คนแรกกัดฟันและอดทน เหงื่อไหลลงมาจากร่างกายของเขาราวกับสายน้ำในไม่ช้าเขาก็คุกเข่าลงบนพื้น

เขาเห็นใยแมงมุมอีกครั้ง

ใยแมงมุมของวิญญาณชะตากรรมรัดพันอยู่รอบตัวเขา มนุษย์คนแรกแทบไม่สามารถแบกรับความรับผิดชอบที่หนักอึ้งและไม่มีแรงที่จะหลบหนีจากใยแมงมุม

ใยแมงมุมของวิญญาณชะตากรรมบีบรัดแน่นและทําให้เกิดบาดแผลเลือดไหลบนร่างกายของมนุษย์คนแรก

มนุษย์คนแรกตะโกน “เกิดสิ่งใดขึ้น?”

วิญญาณความเข้าใจอธิบาย “มนุษย์ ยิ่งเจ้ามีอิสระมากเท่าใด เจ้าก็จะยิ่งรู้สึกถึงข้อจํากัดรอบตัวเจ้ามากเท่านั้น”

วิญญาณอิสรภาพหัวเราะ “ปล่อยข้าไป ยิ่งเจ้าจับข้าไว้นานเท่าใด ใยแมงมุมก็จะยิ่งผูกมัดเจ้ามากเท่านั้น มันจะมัดเจ้าแน่นขึ้นและบีบรัดเจ้าจนตาย!”

มนุษย์คนแรกส่ายศีรษะ “ไม่ข้าไม่ปล่อย วิญญาณอิสรภาพ ข้าต้องการเจ้า!”

ใยแมงมุมจํานวนนับไม่ถ้วนเจาะเข้าไปในชั้นผิวหนังของมนุษย์คนแรกและทําให้เขากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่เขายังไม่ยอมปล่อยวิญญาณอิสรภาพ

“ฮ่าฮ่าฮ่า” มนุษย์คนแรกหัวเราะอย่างโง่เขลาอีกครั้ง “ข้าสัมผัสได้ถึงวิญญาณความสุขที่อยู่ห่างออกไปเพียงความรู้สึกนี้ก็ทําให้ข้าพอใจมากแล้ว”

วิญญาณความเข้าใจยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “นั่นเป็นเรื่องปกติ ผู้ใดก็ตามที่ได้รับอิสรภาพจะสัมผัสได้ถึงความสุข”

มนุษย์คนแรกยังอดทนต่อไปเรากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเป็นบางครั้งและหัวเราะอย่างมีความสุขเป็นบางคราวใยแมงมุมรัดแน่นและฝังลึกลงไปถึงกระดูกของเขาแต่มนุษย์คนแรกยังไม่ยอมปล่อยมือจากวิญญาณอิสรภาพ

ในที่สุดเขาก็หมดสติด้วยความเจ็บปวด

เมื่อเวลาผ่านไป เขาค่อยๆตื่นขึ้น

ใยแมงมุมของวิญญาณชะตากรรมไม่ได้มีดรัดเขาอีกต่อไป วิญญาณความรับผิดชอบก็ไม่ได้กดดันเขาในขณะเดียวกันวิญญาณความเข้าใจก็หายตัวไปแล้ว

“เดี๋ยว! แล้ววิญญาณอิสรภาพ?” มนุษย์คนแรกไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ของวิญญาณอิสรภาพในช่วงเวลาที่เขากําลังตื่นตระหนก เขาเปิดมือออก

เมื่อช่องว่างถูกเปิดออก วิญญาณอิสรภาพรับบินหนีไปและทิ้งมนุษย์คนแรกเอาไว้เบื้องหลัง

มนุษย์มักไม่เข้าใจอิสรภาพเมื่อได้ครอบครองมัน เพียงเมื่อสูญเสียมันไปพวกเขาจึงจะตระหนักถึงมัน

มนุษย์คนแรกตะลึงเมื่อเห็นวิญญาณอิสรภาพบินหนีไป เขาจําคําแนะนําของนกเสือดาวและปลาได้ทันทีนั่นทําให้เขารู้สึกเสียใจมากขึ้นไปอีก

เขาดึงผมของตนเองและกลิ้งไปมาบนพื้น

“ข้ายอมตาย” มนุษย์คนแรกเสียใจมาก “ข้ายอมเสียสละความรัก ข้ายอมทิ้งชีวิตที่ดีแต่ข้าไม่ต้องการสูญเสียอิสรภาพ!”