ภาคที่ 38 เจ้าดินแดนเสวี่ยอิง ตอนที่ 19 หนี หนี หนี!

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

“ผู้บำเพ็ญรึ” นัยน์ตาสีแดงเข้มของบุรุษร่างสูงใหญ่พลันมีประกายหนาวเหน็บพาดผ่าน

 

ไม่ว่าจะเป็นเพราะการจองจำอันแสนทรมานทุกวันคืนซึ่งมีเพียงการสังหารผู้บำเพ็ญเท่านั้นที่จะช่วยบรรเทาได้ หรือว่าจะเป็นความเกลียดชังผู้บำเพ็ญ ก็ล้วนทำให้เขาทุ่มเทสุดกำลังเพื่อสังหารผู้บำเพ็ญทั้งสิ้น

 

“หวู้!” บุรุษร่างสูงใหญ่ปริปาก

 

“สวบ” ในบรรดาองครักษ์สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์รอบกาย มีสัตว์ประหลาดตนหนึ่งถลันมาถึงข้างกายบุรุษร่างสูงใหญ่ทันทีแล้วก้มศีรษะพูดด้วยความเคารพว่า “ท่านอ๋อง!”

 

นักโทษคละถิ่นเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง จึงเป็นผู้นำของ ‘ผู้ล่าฝูโม๋’ ของพวกมันกองนี้อย่างไร้ข้อกังขา

 

บุรุษร่างสูงใหญ่พูดเสียงเรียบว่า “ตอนนี้ ไม่ไกลจากพวกเรานัก มีกองกำลังผู้บำเพ็ญอยู่กองหนึ่ง เจ้านำองครักษ์ห้าร้อยตนออกไปขับไล้พวกเขาตามที่ข้ากำชับ”

 

“ขอรับ” ผู้ล่าฝูโม๋ ‘หวู้’ รับคำอย่างนอบน้อม

 

ไม่นานนัก

 

ผู้ล่าฝูโม๋ห้าร้อยตนจากไปอย่างรวดเร็ว พวกมันสามารถติดต่อกับผู้นำของพวกมันผ่านทางจิตใจได้ตลอดเวลา และนี่ก็คือหนึ่งในวิธีการของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง

 

“หวังว่าครั้งนี้จะไม่ปล่อยให้พวกมันหนีรอดไปนะ” จากนั้นบุรุษร่างสูงใหญ่ก็นำเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชามุ่งหน้าไปยังอีกทิศหนึ่ง

 

จากประสบการณ์ตลอดคืนวันอันยาวนานของพวกเขา

 

ผู้บำเพ็ญเหล่านี้ต่างก็เอาตัวรอดเก่งนัก ทันทีที่พบอันตราย ก็จะปะทุความเร็วอันน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งออกมาเพื่อหนีเอาชีวิตรอด! ภายในกองออกล่าแต่ละกองล้วนแต่ต้องเชิญผู้บำเพ็ญที่เชี่ยวชาญด้านความเร็วอย่างยิ่งมาด้วยคนหนึ่ง โดยเฉพาะ ความเร็วนั้นเหนือกว่าผู้บำเพ็ญระดับเดียวกันมากโข ความเร็วของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั้งหลายล้วนมิอาจสู้ได้เลย

 

เนื่องจากข้อได้เปรียบทางด้านความเร็ว เหล่าผู้บำเพ็ญจึงสามารถหลุดรอดจากการไล่สังหารและการโอบล้อมต่างๆ ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

 

บุรุษร่างสูงใหญ่จงใจส่งผู้ใต้บังคับบัญชาไปห้าร้อยตน…เพื่อขับไล่กองกำลังผู้บำเพ็ญโดยเฉพาะ ทำให้กองกำลังผู้บำเพ็ญตกหลุมพราง แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ จะสำเร็จหรือไม่ก็ยังไม่แน่!

 

******

 

หิมะใหญ่ดุจขนห่านยังคงสาดซัดเต็มผืนดิน ทำเอาความรกร้างกลายเป็นสีขาวโพลนไปหมด

 

พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งห้าสิบเอ็ดคนมุ่งหน้าไปอย่างเงียบเชียบโดยไม่ทิ้งร่องรอยกลิ่นอายเอาไว้เลยแม้แต่น้อย

 

“น้องหิมะเหิน ครั้งนี้ติดค้างเจ้ามากมายนัก ข้าจึงได้งูอลหม่านไร้หม่นมา” นักพรตโยวหยาเดินอยู่เคียงข้างตงป๋อเสวี่ยอิง แต่เดิมเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของนักพรตโยวหยายังดูแคลนตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่บ้าง แต่ยามนี้แต่ละคนกลับเกรงอกเกรงใจเป็นอย่างมาก

 

“ต่อให้ไม่มีข้า ใช้เวลามากอีกหน่อยพี่โยวหยาก็คงจะได้มาเช่นกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ

 

“พูดเช่นนี้ไม่ได้นะ! หากเนิ่นช้าต่อไป สิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่เข้ามาโจมตีก็จะมากยิ่งขึ้น แม้อาจจะสามารถสังหารงูอลหม่านไร้หม่นตนนั้นได้เช่นกัน แต่จากสภาพการณ์ก่อนหน้านี้ ก็เป็นไปได้มากกว่าว่าอาจจะสังหารไม่ทัน ข้าคงจะต้องละทิ้งมันไปแล้วเลือกหนีเอาชีวิตรอด ผู้บำเพ็ญของทั้งกองกำลังต่างก็ไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์คับขันด้วยกันทั้งนั้น” นักพรตโยวหยากล่าว

 

ทุกคนยินดีสกัดกั้นอันตรายทั้งปวง

 

แต่หากต้องเห็นการก้าวเข้าสู่ ‘สถานการณ์คับขัน’ ต่อหน้าต่อตา แม้แต่คนในกองกำลังผู้ใต้บังคับบัญชาของนักพรตโยวหยาก็จะต้องต่อต้านแล้วเลือกหนีเอาชีวิตรอดเช่นกัน

 

“ฮ่าฮ่า หากท่านรู้สึกติดค้างในใจ รอกลับไปยังเมืองเมฆาแดง ก็มอบซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ให้ข้าเพิ่มอีกสักตนหนึ่ง ข้าก็ไม่รังเกียจหรอกนะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงสัพยอก

 

“ยังจะให้เพิ่มอีกหรือ ที่ข้ารับปากว่าจะให้เจ้าตนนั้น ข้าก็ยังต้องขอติดเอาไว้ก่อนเลย หวังว่าระหว่างทางจะสามารถสังหารได้อีกสักสองสามตน” นักพรตโยวหยาเบ้ปาก

 

ทั้งสองสนทนากันอย่างสบายใจด้วยอารมณ์ดียิ่งนัก

 

“โยวหยา พวกเราถูกผู้ล่าฝูโม๋แปดสิบกว่าตนพบเข้าเสียแล้ว” คนอาภรณ์เทาถ่ายเสียง

 

“ถูกพบเข้าแล้วหรือ” นักพรตโยวหยาขมวดคิ้ว “ผู้ล่าฝูโม๋แปดสิบกว่าตน ในจำนวนนั้นมีระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์อยู่เท่าไหร่หรือ”

 

“จากที่คาดการณ์เบื้องต้น น่าจะมีจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์อยู่เกือบครึ่ง” คนอาภรณ์เทากล่าว

 

“เช่นนั้นก็ฆ่าทิ้งเสีย! ครั้งนี้ล่ามาได้ค่อนข้างน้อย ระหว่างทางกลับต้องฆ่าให้เยอะหน่อย” นักพรตโยวหยาเรียบเฉยเป็นอย่างมาก

 

จากนั้นนักพรตโยวหยาก็ถ่ายเสียงบอกผู้บำเพ็ญทั้งหมดทันที “ทุกท่าน พวกเราถูกกองกำลังผู้ล่าฝูโม๋กองหนึ่งพบเข้า ทั้งหมดมีแปดสิบกว่าตนด้วยกัน มีระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ราวครึ่งหนึ่ง เตรียมประมือเถิด!”

 

“แปดสิบกว่าตนหรือ”

 

“เป็นผู้ล่าฝูโม๋หรือ”

 

ทุกคนในกองกำลังต่างก็มีท่าทีสบายๆ ไม่แยแสแต่อย่างใด

 

ผู้ล่าฝูโม๋ก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่ค่อนข้างใหญ่โต คาดว่าจำนวนของผู้ล่าฝูโม๋น่าจะมีราวห้าหมื่นกว่าตน! เผ่าพันธุ์ที่มีจำนวนมากเช่นนี้…ในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั้งหลาย สายเลือดของพวกมันก็มิได้นับว่าสูงส่งอะไรนัก พลังก็ธรรมดาสามัญ อย่างงูอลหม่านไร้หม่นตัวหนึ่งก็สามารถสู้กับผู้ล่าฝูโม๋ในระดับเดียวกันได้ถึงสามตน!

 

ผู้ล่าฝูโม๋แค่แปดสิบกว่าตนหรือ

 

สามารถกดดันและกวาดล้างได้อย่างง่ายดาย!

 

“น้องหิมะเหิน เจ้าต้องช่วยหน่อยนะ พวกเราร่วมแรงกัน สังหารระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ให้ได้สักตนสองตน” นักพรตโยวหยาถ่ายเสียงพูด

 

“ได้สิ ข้าออกมาทั้งทีก็ต้องหาอาหารให้ได้มากหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับคำ ออกมาครั้งนี้ นอกจากงูอลหม่านไร้หม่นตัวนั้นแล้ว จนถึงบัดนี้ยังมิได้ล่าสังหารระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์สักตนเลย

 

ตู้ม!

 

หลังจากต่อสู้กันอยู่ครู่หนึ่งก็ปะทะขึ้นมาแล้ว

 

หากพูดถึงระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ พวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีจำนวนมากกว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นเหล่านี้เสียอีก! หากร่วมมือกันอย่างสมบูรณ์แบบ ก็สามารถกวาดล้างได้อย่างราบคาบ

 

และในครั้งนี้ มีตงป๋อเสวี่ยอิงปะทุพลังออกมาร่วมกับพวกนักพรตโยวหยา จึงสามารถสังหาร ‘ผู้ล่าฝูโม๋’ ระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ได้ตนหนึ่ง

 

“ตู้ม” ตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งร่างกายปะทุออกไปจนสูงสิบเมตรกลิ่นอายพลุ่งพล่าน หอกยาวหอกหนึ่งแทงลงบนศีรษะของผู้ล่าฝูโม๋จนยุบลงไป กลิ่นอายวิญญาณของผู้ล่าฝูโม๋ตนนั้นจึงสลายไปจนหมดในที่สุด

 

“สำเร็จแล้ว!”

 

“มันตายแล้ว”

 

นักพรตโยวหยาและคนอื่นๆ พากันดีใจใหญ่

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถอนหายใจคราหนึ่ง ร่างกายหดเล็กลงแล้วกลับคืนสู่สภาพเดิมทันที เพียงแค่ห้ำหั่นกันราวสิบกว่าชั่วลมหายใจ พลังชีวิตก็เผาผลาญไปสองส่วนแล้ว! พลังชีวิตที่เพิ่งจะอาศัยหยกแก้วคละถิ่นฟื้นฟูกลับมาจนสมบูรณ์กลับลดลงไปอีกครั้งแล้ว

 

“ไม่ง่ายเลยจริงๆ มีพันธนาการของนักพรตโยวหยา มีผู้แกร่งกล้าระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์กลุ่มหนึ่งร่วมกันโจมตี ข้าก็พยายามสุดกำลัง ก็ต้องใช้สิบกว่าชั่วลมหายใจจึงจะสามารถสังหารระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ตนหนึ่งได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง ผู้ล่าฝูโม๋เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่ธรรมดามากจำพวกหนึ่ง สังหารระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ต้องเปลืองแรงเช่นนี้เชียว

 

“อะไรกัน” เสียฝานเห็นเข้าก็รู้สึกริษยาขึ้นมา

 

เขากับผู้ใต้บังคับบัญชาร่วมมือกันก็ไม่สามารถสังหารจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ได้สำเร็จแม้แต่ตนเดียว

 

ช่วยไม่ได้

 

นักพรตโยวหยาและตงป๋อเสวี่ยอิงต่างก็สามารถปะทุพลังของผู้แกร่งกล้าระดับยอดสุดในเมืองเมฆาแดงออกมาได้ ถึงอย่างไรเสียฝานก็ตัวคนเดียว

 

“โยวหยา” เสียฝานถ่ายเสียงพูดอย่างอดไม่ได้ “เจ้าก็ช่วยข้าหน่อยเถิด” บริเวณขาวดำของนักพรตโยวหยาให้ผลดียิ่งในด้านการกดดันพลังของศัตรู

 

“เฮอะๆ รู้จักขอให้ข้าช่วยด้วยหรือ” นักพรตโยวหยาเหลือบมองเสียฝานที่อยู่ไกลออกไปแวบหนึ่ง ทั้งสองสบตากันอยู่ห่างๆ

 

“หากเจ้าช่วยข้า ถึงตอนที่วิญญาณอาวุธตำหนักเมฆาแดงแบ่งสรรให้ ข้าก็จะแบ่งให้เจ้ามากหน่อย” เสียฝานถ่ายเสียงพูด หากเป็นผู้แกร่งกล้าระดับยอดสุดคนอื่นๆ ในเมืองเมฆาแดง โดยทั่วไปก็ต้องไว้หน้าตนเองก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติต่อกันได้ไม่น่ามองเลย ย่อมไม่มีหน้ามาขอให้นักพรตโยวหยาช่วยเหลืออีกเด็ดขาด! แต่ ‘เสียฝาน’ นั้นไม่เห็นแก่หน้าตนเองอยู่แล้ว

 

ก่อนหน้านี้ตำหนิฉีกหน้ากัน แต่แล้วก็หันกลับมาสนทนากันพลางยิ้มตาหยี

 

“เจ้าขอร้องข้ารึ” นักพรตโยวหยาถ่ายเสียง “ก็ได้ๆ จะช่วยเจ้าดูสักตั้ง”

 

“ต้องขอบใจแล้วๆ” เสียฝานยิ้มตาหยีอีก

 

“ทว่าพวกเราไม่สามารถรั้งอยู่ที่นี่นานได้ รอจนพบสิ่งมีชีวิตคละถิ่นฝูงหน้า ข้าค่อยช่วยเจ้าก็แล้วกัน” นักพรตโยวหยากล่าว

 

“ทุกท่าน ออกเดินทางต่อเถิด อย่าเอาแต่สู้เลย” นักพรตโยวหยาถ่ายเสียงออกคำสั่ง

 

อยู่นอกเมืองมิอาจเอาแต่ต่อสู้ได้

 

จะต้องยุติการต่อสู้ให้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ

 

……

 

กองออกล่าของพวกตงป๋อเสวี่ยอิงจากไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

 

ภายในกองกำลังเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ผู้บำเพ็ญจำนวนมากอารมณ์ดียิ่งนัก เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งจะล่าจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์มาได้ตนหนึ่ง

 

แต่จู่ๆ…

 

“อะไรน่ะ” สีหน้าของนักพรตโยวหยาพลันเปลี่ยนแปรไปอย่างใหญ่หลวง พลางจ้องคนอาภรณ์เทาที่อยู่ไกลออกไปเขม็ง “เจ้ามิได้มองผิดนะ”

 

“ไม่ผิดหรอก” คนอาภรณ์เทาพยักหน้า

 

“เป็นอะไรไปน่ะ” ผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ พากันมองไปทางนักพรตโยวหยา

 

นักพรตโยวหยาพลันถ่ายเสียงให้คนทุกผู้ “มีผู้ล่าฝูโม๋แปดร้อยกว่าตนพบพวกเราเข้า กำลังไล่สังหารเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง นอกจากนี้ในจำนวนนั้นยังมีระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ถึงหกร้อยกว่าตนด้วย!”

 

อันที่จริงแล้วนี่ก็คือองครักษ์ห้าร้อยนายที่นักโทษคละถิ่นส่งมา! ระหว่างทาง องครักษ์ห้าร้อยนายนี้ได้พบกับผู้ล่าฝูโม๋ฝูงเล็กๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ จึงรวมตัวเข้าด้วยกันทั้งหมด ก่อให้เกิดเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ถึงแปดร้อยกว่าตน

 

“อะไรนะ”

 

“ผู้ล่าฝูโม๋แปดร้อยกว่าตนอย่างนั้นหรือ”

 

“จักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์หกร้อยกว่าตนหรือ”

 

ทุกคนพากันตะลึงงันไป ถึงขั้นรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจขึ้นมา

 

ผู้ล่าฝูโม๋นั้นพบเห็นได้ทั่วไปมากที่สุด กองกำลังผู้บำเพ็ญอย่างพวกเขากลุ่มนี้ เชื่อมั่นว่าสามารถต่อสู้กับผู้ล่าฝูโม๋ ‘จักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์’ สองร้อยตนได้อย่างสูสี! หากพบผู้ล่าฝูโม๋จักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์สามร้อยตน…ต่อให้สังหารก็ยังพอมีโอกาสรอดชีวิต สี่ร้อยตน…หากห้ำหั่นกัน ในกองกำลังก็คงต้องเกิดความสูญเสีย! ห้าร้อยตน…กองกำลังก็ต้องมีผู้ล้มหายตายจากมากมายแล้ว จะสิ้นใจไปครึ่งหนึ่งก็เป็นเรื่องปกติมาก

 

แปดร้อยกว่าตน จักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์หกร้อยกว่าตนอย่างนั้นหรือ

 

หากต่อกรกันขึ้นมา

 

ถ้าเคราะห์ดี ก็อาจรอดชีวิตได้สักสองสามคน หากเคราะห์ร้าย ก็ต้องดับสลายทั้งกอง!

 

“หนีๆๆ!” เสียฝานตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว “รีบหนีเร็ว!”

 

“เร็วเข้า!” นักพรตโยวหยาก็รีบออกคำสั่ง

 

“สวบ!”

 

แสงรำไรโอบล้อมทั้งกองกำลังเอาไว้ ความเร็วทะยานขึ้นจนถึงขีดจำกัด หลบหนีไปอย่างบ้าคลั่ง!

 

……………………