ตอนที่ 820 ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี + ตอนที่ 821 ไม่คิดเลยว่าจะกล้ารังเกียจได้ถึงเพียงนี้ โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 820 ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี
คุณย่าจะไปจำได้แม่นยำขนาดนั้นได้อย่างไร นึกอยู่นานก็นึกไม่ออก ต้องให้หานซู่ฉินเอ่ยหลายครั้งถึงจะพอจำได้ลางๆ
“ฉันจำได้ละ ที่มาทานข้าวบ้านเราบ่อยๆ เรื่องก็ตั้งหลายปีก่อนแล้ว หน้าตาหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน ตอนนี้น่าจะโตเป็นหนุ่มแล้วสินะ?” คุณย่ายิ้มกล่าว
“อายุสิบเก้าปีแล้วค่ะ เพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัย คะแนนสอบออกมาได้ตั้งสามร้อยกว่าคะแนนแหนะ!”
หานซู่ฉินพูดด้วยสีหน้าชอบใจ ครอบครัวฝั่งแม่เธอมีหลานชายหลานสาวตั้งมากมีเพียงคนนี้คนเดียวที่โดดเด่นกว่าคนอื่น หน้าตาก็หล่อเหลา การเรียนก็ดี แถมยังเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าสาว ๆ อีกด้วย
คนแก่ล้วนชอบเด็กที่เรียนดี คุณย่าเองก็ไม่ต่าง เนื่องจากตัวเธอเองไม่ได้รับการศึกษามามากเลยชื่นชอบเด็กที่การเรียนดีเป็นพิเศษ พอได้ยินว่าหลานชายของหานซู่ฉินคะแนนสอบดีก็นึกชอบใจขึ้นมา
“เป็นเด็กดีจริงๆ จะไปเรียนมหาวิทยาลัยไหนล่ะ?” คุณย่าถาม
หานซู่ฉินตอบโดยไม่ต้องคิด “บังเอิญจริงๆ เตรียมจะไปเรียนที่เมืองจิน ถึงตอนนั้นคงต้องรบกวนสองสามีภรรยาอิงหัวช่วยดูแลหน่อยแล้ว!”
คุณย่านึกฉงน “ทำไมถึงไปเรียนทางใต้ล่ะ? เรียนที่เมืองหลวงก็ดีอยู่แล้ว ให้ไปไกลขนาดนี้พ่อแม่เธอวางใจเหรอ?”
หานซู่ฉินยิ้มตอบ “มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงคะไม่ใช่เด็กอายุสามขวบแล้วสักหน่อย แม่ฉันกับพี่สะใภ้ยังอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง แต่หลานชายฉันมีความคิดเป็นของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก เขายืนกรานจะไปเรียนที่ทางใต้ แม่กับพี่สะใภ้ฉันจะรั้นสู้เขาได้ที่ไหนล่ะ!”
คุณย่าเห็นด้วยจากใจ “รั้นไม่ไหวจริงๆ ตอนนั้นอิงหัวกับอิงหนานใจเหี้ยมยืนยันจะไปทำงานทางใต้เสียให้ได้ ฉันรั้งอย่างไรก็รั้งไม่อยู่ เฮ้อ!”
เหมยเหมยหดตัวอยู่ตรงซอกมุมโซฟาไม่ปริเสียง ถือโอกาสที่คุณย่ากำลังคุยกับหานซู่ฉินอย่างออกรสแอบเปลี่ยนช่องละครน้ำเน่าของฉยงเหยาไปเป็นการ์ตูนและนั่งดูอย่างเกียจคร้าน
จ้าวอิงหัวไปทำงานที่ทางใต้เพราะเห็นแก่ปัญหาด้านสุขภาพของแม่เธอ เลยพอมีเหตุผลที่ฟังขึ้น แต่จ้าวอิงหนานไม่ยอมอยู่เมืองหลวงซึ่งเป็นเรื่องที่คิดไม่ตกเป็นอย่างมาก
อาจจะเพื่อคุณพ่อสยงสินะ?
ในเมื่อแต่งงานกับใครก็ต้องไปอยู่กับคนนั้นสิ!
“เหมยเหมย อนาคตถ้าพี่ฟู่หย่วนไปเรียนกับเธอ เธอต้องช่วยดูแลด้วยนะ!”
เสียงหานซู่ฉินดังขึ้นข้างหู เหมยเหมยที่กำลังดูการ์ตูนเรื่องเทพธิดาดอกไม้เลยไม่ได้ตั้งใจฟัง มองหานซู่ฉินอย่างงงงวย
หานซู่ฉินพูดย้ำอีกทีเหมยเหมยก็ยิ้มให้อย่างเกรงใจ “ป้าสะใภ้สบายใจได้ค่ะ หนูจะทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีเลย!”
“ขอบใจเหมยเหมยมากนะ พี่ฟู่หย่วนเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี รอเธอสนิทกับเขาก็จะรู้เอง” หานซู่ฉินยิ้มอย่างมีเลศนัย
เหมยเหมยยิ้มอีกครั้งโดยไม่ตอบอะไรอีก จะเข้ากันได้หรือไม่นั้นต้องรอให้เธอได้ใช้ชีวิตร่วมกันถึงจะรู้ คนอื่นพูดไม่นับหรอก หากหานฟู่หย่วนคนนี้เข้าหาง่ายจริงๆ อาจเป็นเพื่อนกันได้ ถ้าหากไม่ใช่ก็จะดูแลไปในฐานะญาติคนหนึ่ง
ทานข้าวเย็นเสร็จหานซู่ฉินเดินทางกลับบ้านแม่ บ้านแม่ของเธอไม่ได้อยู่ในเขตชุมชนเดียวกับตระกูลจ้าวแต่อยู่ในเขตชุมชนสำหรับครอบครัวทหารที่ค่อนข้างวุ่นวาย และนี่เป็นเหตุผลหลักที่หานซู่ฉินอยากจะจับคู่หลานชายกับเหมยเหมย
สามีและพี่ชายของเธอมีหน้ามีตาแล้วแต่รุ่นหลานๆ กลับไม่มีใครที่โดดเด่นยกเว้นหานฟู่หย่วน อยากให้ตระกูลหานไต่เต้าไปสูงกว่านี้ การแต่งงานคือวิธีที่ดีที่สุด
เดิมทีเธออยากแนะนำลูกสาวตระกูลอื่นให้หานฟู่หย่วน ใครจะคิดว่าจะมีเจ้าหญิงตัวน้อยหล่นมาจากฟ้าหละ นี่มันโอกาสอันดีที่พระเจ้ายื่นมาให้ตรงหน้าเธอเองไม่ใช่หรือ?
ตระกูลหานเองก็เพิ่งทานมื้อเย็นเสร็จต่างต้อนรับการมาของหานซู่ฉินอย่างอบอุ่น ในเมื่อหานซู่ฉินเป็นถึงสะใภ้ของตระกูลจ้าว เป็นหญิงสาวที่แต่งงานมีหน้าที่สุดของตระกูล
หานซู่ฉินได้บอกเล่าแผนการตัดสินใจของเธอไป เดิมทีคิดว่าครอบครัวฝั่งแม่จะรู้สึกโปรดปรานเพราะได้สิ่งที่ไม่คาดฝันนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันเกินความคาดหมายของเธอคือ พี่สะใภ้ที่ปกติเป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์มากที่สุดกลับเป็นคนคัดค้านคนแรก ส่วนหลานชายหานฟู่หย่วนเองก็ดูไม่ค่อยยินยอมเสียเท่าไรนัก
………………………
ตอนที่ 821 ไม่คิดเลยว่าจะกล้ารังเกียจได้ถึงเพียงนี้
พี่สะใภ้ของหานซู่ฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแปลกๆ “ความหวังดีของน้องสาว พี่ขอรับน้ำใจเอาไว้ แต่เรื่องนี้เห็นทีคงจะไม่ได้ ไม่อย่างนั้นน้องสาวแนะนำลูกชายคนรองของตระกูลจ้าว มาเป็นหลานสาวของเธอแล้วกัน!”
จ้าวเสวียเฉิงเป็นลูกชายของจ้าวอิงหย่งกับอันหย่าฟาง เขาอายุเท่ากันกับหลานสาวคนโตของหานซู่ฉิน เลยทำให้พี่สะใภ้ของหานซู่ฉินอยากให้ลูกสาวคนโตแต่งเข้าบ้านตระกูลจ้าวมาโดยตลอด แต่หานซู่ฉินกลับไม่ยอมช่วย ไม่ใช่ว่าเพราะเธอไม่อยากช่วย แต่เธอรู้แก่ใจดี
เพราะรูปร่างหลานสาวคนโตของเธอนั้นเหมือนกับเธอ ทั้งอ้วน ทั้งเตี้ย ภูมิหลังของครอบครัวไม่ค่อยดี ในตอนนั้นที่เธอได้แต่งงานกับจ้าวอิงสยง สาเหตุแรกเพราะว่าตอนนั้นตระกูลจ้าวยังไม่มีชื่อเสียงเหมือนในตอนนี้ เลยไม่ต่างกับตระกูลหานเท่าไร
สาเหตุที่สองก็คือในเวลานั้นความอ้วนคือความงาม ดูเป็นคนมีบุญดูอุดมสมบูรณ์และน่าจะมีลูกดก ถือเป็นโอกาสที่ประจวบเหมาะพอดีเธอจึงได้แต่งงานกับจ้าวอิงสยง
อีกอย่างหานซู่ฉินก็ไม่ชอบหลานสาวคนนี้ ไม่เพียงแค่รูปร่างหน้าตาที่ธรรมดาแต่นิสัยก็ยังไม่ดีอีกด้วย เหมือนกับแม่ของเธอไม่มีผิด คิดตื้น ๆ จิตใจคับแคบ โลภมาก ประจบสอพลอ ดูถูกคนที่ด้อยกว่า ผู้หญิงแบบนี้ถ้าให้มาเป็นลูกสะใภ้ของเธอ เธอก็ยังไม่อยากได้ ไม่แปลกที่อันหย่าฟางจะไม่พึงพอใจ!
เธอจะไม่ทำเรื่องโง่ ๆ ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้ผิดใจกับอันหย่าฟางแน่ ๆ และดีไม่ดีอาจจะทำให้คุณย่าไม่พอใจเธอไปด้วย เรื่องยุ่งยากลำบากแบบนี้ ทำไปก็ไม่คุ้ม เธอไม่ทำเด็ดขาด
หานซู่ฉินเหลือบมองพี่สะใภ้ของเธออย่างดูแคลน แล้วกล่าวอย่างไม่เกรงใจ ” ในเมื่อพี่สะใภ้ดูถูกตระกูลจ้าว แล้วทำไมถึงอยากให้หลานสาวต้องไปลำบากใจด้วย? ฉันว่าต่อไป ฉันคงจะไม่กลับมาบ่อย ๆแล้ว จะได้ไม่ขัดหูขัดตาพี่สะใภ้”
“หานซูฉินอย่าโกรธไปเลย พี่จะกล้าดูถูกตระกูลจ้าวได้อย่างไร? ก็พี่ไม่ชอบจ้าวเหมย แล้วจะให้ป๋อหย่วนแต่งงานกับผู้หญิงประเภทนี้ไม่ได้ มันไม่เป็นธรรมกับป๋อหย่วนของพี่เกินไป!”
หม่ากุ้ยฟาง พี่สะใภ้ของหานซู่ฉินทำสีหน้ารังเกียจ โหนกแก้มสูง ๆนั่น ยิ่งทำให้ใบหน้าของเธอดูซูบผอม
พอหานซู่ฉินได้ฟังก็พอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอโกรธมากแต่ก็ยังยิ้มออกมา มองอะไรตื้น ๆ คงคิดว่าตัวเองถูกต้อง นี่คิดว่าตัวเองเป็นใคร?
ยังจะกล้ารังเกียจหลานสาวของตระกูลจ้าว?
ถึงแม้จ้าวเหมยความประพฤติจะแย่จริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคนมากมายอยากได้ตัวเขา หากไม่ใช่เพราะเธอไปมาหาสู่อยู่บ้าง ถึงแม้หานป๋อหย่วนจะมีหน้าตาหล่อเหลา นั่นก็ยังไม่ดีพอที่จะแต่งงานกับจ้าวเหมยได้ ช่างไม่รู้เจียมตัวบ้างเลย!
อีกอย่าง จากที่เธอเห็น ข่าวลือเหล่านั้นต้องมีคนเจตนาร้ายใส่ร้ายป้ายสีแน่นอน สองปีที่ไปมาหาสู่กัน เธอจะไม่รู้เหรอว่าเหมยเหมยเป็นคนอย่างไร?
และเหตุผลที่เธอไม่หยุดข่าวลือเหล่านั้น ก็เพราะว่าเธอมีความคิดที่เห็นแก่ตัวเอง เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้พี่สะใภ้ของเธอยังจะกล้ารังเกียจ?
“น้ำเสียงของพี่สะใภ้ดูจริงจังมากเลยนะ พี่อยากขอ แล้วพี่มีปัญญาขอได้ไหมละ? ตัวเองเป็นอย่างไร ยังไม่รู้อีกเหรอ? ฉันละไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพี่ไปเอาความกล้ามาจากไหน คำพูดเหล่านี้ ให้พูดกันแค่ตอนอยู่ในบ้านก็แล้วกัน อย่าให้ฉันรู้ว่าพี่ไปพูดจาไร้สาระแบบนี้ข้างนอกนะ แล้วอย่ามาว่าฉันไม่เกรงใจละ!”
น้ำเสียงและสีหน้าในประโยคสุดท้ายของหานซู่ฉินนั้นจริงจังมาก มันแตกต่างกับเวลาปกติที่มีนิสัยอ่อนน้อม ในแววตาก็มีแต่ความเยือกเย็น หม่ากุ้ยฟางสะดุ้งตกใจจนตัวสั่น แม้ว่าในใจของเธอจะไม่ยอมรับ แต่เพื่ออนาคตของลูกชาย ลูกสาว เธอจะต้องทำใจดีสู้เสือพูดจาไพเราะไปก่อน
พ่อแม่และพี่ของหานซู่ฉินก็พูดจาไพเราะตามไปด้วย หานซู่ฉินถึงได้หายโกรธ พูดเย้ยหยัน “ฉันก็จะไม่ฝืนใจพวกพี่อีก แต่ก็อาจจะทำให้หย่วนเหลียงลำบากใจไปเสียบ้าง แต่ยังไงหย่วนเหลียงเด็กคนนี้ก็ค่อนข้างเชื่อฟังเลยทีเดียว”
หย่วนเหลียงเป็นลูกชายของหานซู่อินซึ่งน้องสาวของหานซู่ฉิน และเป็นหนุ่มหน้าตาดีมากคนหนึ่ง แต่ตอนแรกหานซู่ฉินไม่เคยพิจารณาหลานชายคนนี้เลย
เพราะถ้าเธอจะสนับสนุน ก็ต้องสนับสนุนหลานชายของเธอก่อน หลานที่เกิดจากน้องสาวที่เป็นคนสกุลอื่นไปแล้ว อย่างไรเสียก็ไม่เป็นประโยชน์กับตัวเธอ แล้วเธอจะทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นได้อย่างไร ?
หม่ากุ้ยฟางรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที แม้ว่าปากเธอจะบอกว่ารังเกียจจ้าวเหมยที่ชื่อเสียงไม่ดี แต่ในใจก็เสียดายผลประโยชน์ของตระกูลจ้าวที่ครอบครัวของเธอจะได้รับ ท่าทีก่อนหน้านั้นก็แค่อยากยกสถานะของตนเองให้สูงขึ้นก็เท่านั้น
แต่พอได้ยินว่าผลประโยชน์จะถูกคนอื่นแย่งไป ยังจะกล้าเอะอะโวยวายได้อย่างไร เธอจึงยิ้มเข้าสู้พลางกล่าว “หานซู่ฉินอย่าโกรธพี่เลยนะ แต่หย่วนเหลียง นามสกุลหลิวนะ จะไปเทียบกับป๋อหย่วนได้อย่างไร หานซู่ฉิน เธอว่าไหมละ?
………………………