ตอนที่ 1961 สนามรบเทพโบราณ

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“ทำไมกันเล่า?” เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่ถามกลับไปอย่างมึนงง

เขานั้นเข้าใจได้ตั้งแต่ที่มาถึงว่าสายสัมพันธ์ของเจียนซู่เทาและเจียนหงเซียวนั้นมันไม่ธรรมดา

หากให้พูดตามหลักเหตุผลแล้วเจียนซู่เทาย่อมต้องการให้เจียนหงเซียวหายกลับมาเป็นแน่

แต่เจียนซู่เทาผู้นี้กลับปฏิเสธออกมามันทำให้เย่หยวนมึนงงอย่างมาก

เจียนซู่เทาพูดตอบกลับมา “สูตรโอสถหกชีพจรดวงดาวนี้มันเป็นของล้ำค่าในตระกูลเจียนเรา มีหรือที่จะนำมาให้คนนอกดูได้?”

เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้นพร้อมตอบกลับไป “แต่โอสถชนิดนี้มันเป็นโอสถที่ไม่มีประโยชน์กับผู้คนภายนอก ใช้ประโยชน์ได้กับแค่เพียงคนตระกูลเจียนมิใช่หรือ? ต่อให้ข้าจะดูสูตรโอสถนี้ไป ข้าก็คงทำได้แค่ช่วยเหลือคนตระกูลเจียนเท่านั้น มีเหตุใดให้ต้องหวงเก็บไว้ด้วย?”

เจียนซู่เทาหรี่ตาลงทันทีพร้อมด้วยคลื่นความไม่พอใจที่ปล่อยออกจากร่างทำให้เย่หยวนรู้สึกได้ถึงพลังกดดันมหาศาลทันที

เจียนหงเซียวที่เห็นเช่นนั้นจึงพูดแทรกขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ “นายท่าน ท่านโปรดสงบจิตใจก่อน เย่หยวนเขา… เขาทำไปทั้งหมดก็เพื่อช่วยเหลือข้านี้”

“หึ! ถึงกับกล้ามาเถียงคำเทพสวรรค์ผู้นี้ ช่างกล้า!” เจียนซู่เทาร้องบอก

แต่เย่หยวนก็ไม่คิดจะยอม “ผู้เยาว์แค่พูดความจริงออกมา! ปล่อยให้โอสถนี้มันอยู่ในมือท่านผู้อาวุโสไปมันก็ไม่มีประโยชน์ไม่มีใครจะหลอมได้ มีแต่จะทำให้คนตระกูลเจียนต้องเจ็บปวดหัวใจที่มีสูตรแต่ไม่มีโอสถ แต่หากมันมาอยู่ในมือข้าแล้วมันย่อมจะช่วยคนตระกูลเจียนได้มากมาย ท่านจะยังมีอะไรให้ขัดอีก?”

เมื่อเจียนซู่เทาได้ยินเช่นนั้นความไม่พอใจของเขาก็ยิ่งพุ่งขึ้นสูง “หึ ช่างเป็นเด็กน้อยที่ปากดีเสียจริง! มีหรือที่คนนอกเช่นเจ้าจะมากำหนดกฎใดๆ ในตระกูลเจียนข้าได้? ที่สำคัญเจ้าคิดจะหลอมโอสถหกชีพจรดวงดาวนี้ด้วยตัวเองที่เพิ่งขึ้นระดับหกมาหมาดๆ นั้น? เจ้าจะดูถูกโอสถนี้มากเกินไปแล้ว!”

เย่หยวนมองดูที่เขียนซู่เทาอย่างเย็นเยือก “ข้าขอเวลาห้าปี ข้าจะหลอมโอสถหกชีพจรดวงดาวได้สำเร็จอย่างแน่นอน!”

เจียนซู่เทาที่ได้ยินเช่นนั้นจึงตอบกลับมา “ผายลม! ช่างเป็นคำผายลมที่ยิ่งใหญ่! เจ้าคิดว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหกนั้นมันหลอมได้ง่ายดายนักหรือ? หรือเจ้าคิดว่าตัวมีรัศมีผ่าจักรพรรดิแล้วจะเก่งกาจเหนือสวรรค์? หากเทพสวรรค์ผู้นี้สังหารเจ้าลงเสียตรงนี้ต่อให้วันหน้าเจ้าจะมีโอกาสขึ้นไปถึงอาณาจักรเต๋าบรรพกาลได้มันก็ไร้ค่าใด!”

พูดจบเจียนซู่เทาก็ปล่อยคลื่นพลังอันเย็นเยือกออกมาดูท่าทางราวกับโกรธแค้นคิดสังหารผู้คนจริง!

มันเป็นคลื่นพลังที่รุนแรงหนักหน่วงจนเย่หยวนไม่อาจหายใจได้ทั่วท้อง

เย่หยวนรู้สึกราวกับว่าท้องฟ้ากำลังแตกสลาย หมุนวนปั่นป่วนอย่างบ้าคลั่ง

ในตอนนั้นที่เย่หยวนยังอยู่ในอาณาจักรลายพระเจ้าเขาได้พบเจอปะทะกับเทพสวรรค์หลินฉางชิงมาก่อน ในเวลานั้นตัวเย่หยวนรู้สึกได้ถึงความไร้พลังของตนอย่างถึงที่สุด

แต่พลังในตอนนั้นมันไม่อาจเทียบเคียงได้กับพลังในตอนนี้เลย

เพราะเทพสวรรค์ผู้อยู่เบื้องหน้าเขานี้มันมิใช่สิ่งที่เด็กน้อยอย่างหลินฉางชิงจะมาเทียบเคียงได้

แต่ทว่าไม่ว่าเจียนซู่เทาจะแข็งแกร่งเพียงใดมันก็ไม่ทำให้เย่หยวนคิดยอมแพ้ สีหน้าของเขานั้นยังคงรักษาความมั่นคงไว้ได้อย่างเต็มที่

เพราะเย่หยวนนั้นเป็นคนหัวรั้นไม่ยอมใครง่ายๆ

เรื่องราวตรงหน้านี้มันทำให้เจียนหงเซียวต้องสั่นกลัวในหัวใจอย่างมาก ไม่นึกไม่ฝันว่าเรื่องราวมันจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ไป

“ท่านซู่เทา โปรดระงับโทสะด้วย! หากท่านคิดสังหารเย่หยวนแล้วท่านโปรดสังหารข้าลงก่อนเถิด”

เจียนซู่เทาที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันหน้ากลับมาตะคอกใส่ “หึ! เจ้าคิดว่าเทพสวรรค์ผู้นี้จะไม่กล้าสังหารเจ้าเพียงเพราะเห็นแก่หน้าเฟิงฉี?”

เจียนหงเซียวหน้าถอดสีลงและรีบส่ายหัวออกมา “มิกล้า! แต่เย่หยวนนั้นเดินทางมาก็เพียงเพื่อที่จะช่วยเหลือข้า! ข้าย่อมไม่อาจทนดูเขาต้องตายลงต่อหน้าได้!”

เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันมาบอกแก่เจียนหงเซียว “หึ หากเขาไม่คิดให้สูตรโอสถแล้วก็ไม่ต้องขออีก จะเป็นปัญหาใดมากมาย? คนอื่นสร้างมันขึ้นมาได้ หากข้า เย่หยวนผู้นี้พยายามแล้วย่อมจะทำได้เช่นกัน! ผู้อาวุโส ไปกันเถอะ!”

เย่หยวนนั้นสามารถสร้างได้แม้แต่โอสถครองวิญญาณผสานเต๋า สุดยอดโอสถท้าทายสวรรค์เช่นนั้น เขาย่อมเชื่อมั่นว่าตนจะสามารถสร้างโอสถหกชีพจรดวงดาวขึ้นมาได้เช่นกัน

เพียงแค่ว่าตอนนี้เย่หยวนเพิ่งจะบรรลุขึ้นมาได้ไม่นานทำให้เขายังต้องทำความเข้าใจและศึกษาสมุนไพรวิญญาณและโอสถระดับหกทั้งหลายอีกมาก

ไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็คงไม่บอกว่าต้องใช้เวลาถึงห้าปีในการหลอมโอสถหกชีพจรดวงดาวขึ้นมา

การคิดจะมาข่มขู่เย่หยวนด้วยสูตรโอสถเช่นนี้มันมิใช่เรื่องที่จะมีใครทำได้ง่ายๆ

เจียนซู่เทาเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะกล่าวเช่นนั้นออกมาและได้แต่ผงะมึนงงไป

แม้ว่าเต๋าแห่งการทำนายของเขานั้นจะเหนือล้ำแต่เขาก็ไม่อาจทำนายชะตาของเย่หยวนได้ย่อมจะไม่เข้าใจความสามารถที่เย่หยวนมีอย่างแท้จริง

เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่อาจรู้ได้เลยว่าเย่หยวนนั้นมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำเพียงใด

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็ฟังดูเป็นคำพูดที่อวดดีจนเกินไป

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียโอสถนี้มันก็เป็นสิ่งที่จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ไปขอความร่วมมือจากโอสถบรรพกาลเพื่อสร้างขึ้นมา แต่มันกลับมีคนที่กล้าอวดอ้างว่าจะลำพังกำลังของตนเพื่อสร้างโอสถเช่นนั้นขึ้นมา?

แต่เย่หยวนนั้นกลับกล่าวคำพูดทั้งหลายออกมาอย่างหนักแน่นจนมันฟังดูน่าเชื่ออยู่ไม่น้อย

เจียนซู่เทาจึงได้แต่มึนงง

ที่สำคัญกว่านั้นคือเย่หยวนนั้นได้เดินจากไปแล้วและไม่คิดจะอยู่พูดคุยอีกต่อไป

เจียนซู่เทาหน้าถอดสีทันทีที่เห็นเช่นนั้น “มันมิใช่ว่าข้าจะมิให้สูตรโอสถแก่เจ้า แต่… เจ้าต้องยอมรับเงื่อนไขของเทพสวรรค์ผู้นี้เสียก่อน!”

เย่หยวนหยุดเท้าที่ก้าวเดินลงก่อนจะหันหน้ากลับมามองเจียนซู่เทาด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก

ตอนนี้เย่หยวนได้รู้แล้วว่าเจียนซู่เทานั้นต้องการอะไรกันแน่

เดิมทีตัวเย่หยวนเองก็มึนงงไม่น้อยเพราะเขานั้นย่อมคิดอยากช่วยเจียนหงเซียว แต่เหตุใดเจียนซู่เทานั้นจึงต้องสร้างเรื่องราวให้มันยากเย็น

ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายนั้นคิดจะใช้ประโยชน์บางอย่างจากตัวเย่หยวน

“ผู้อาวุโส กับตระกูลเจียนแล้วข้านั้นเป็นเพียงแค่คนนอก ท่านกลับใช้ชีวิตคนตระกูลเจียนมาข่มขู่บังคับคนนอก นี่มันจะหน้าไม่อายเกินไปหน่อยหรือ?” เย่หยวนถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม

เจียนซู่เทาเองก็เป็นคนแก่มากประสบการณ์ สามารถทำหน้าให้หนาเสียยิ่งกว่ากำแพงเมืองได้ไม่ยากและตอบกลับมาด้วยท่าทางสบายอารมณ์ “เจ้าต้องตกลงแน่”

เย่หยวนจึงสวนกลับไป “ท่านมั่นใจ?”

เจียนซู่เทาตอบ “เพราะข้านั้นมีวิชาการทำนายอยู่”

นั่นทำให้เย่หยวนต้องเบิกตากว้างอย่างไร้ทางหนี “เอาล่ะ ท่านชนะ ว่าเงื่อนไขมาเถอะ”

เย่หยวนนั้นย่อมเข้าใจดีว่าตัวเจียนซู่เทานั้นไม่อาจทำนายชะตาเขาได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่อาจทำนายชะตาเจียนหงเซียว

เพราะฉะนั้นเขาย่อมจะรู้ว่าเจียนหงเซียวนั้นจะหายในอีกไม่ช้า

และเรื่องราวทั้งหลายนี้เย่หยวนก็เป็นคนยืนยันมันเอง

เย่หยวนนั้นไม่มีทางเลือกอื่น ความรู้สึกที่ถูกผู้คนหลอกใช้งานเช่นนี้ตัวเขาเองก็ไม่ได้ชอบมัน

แต่เขานั้นติดค้างเจียนหงเซียวอย่างมาก

เพื่อเจียนหงเซียวแล้วเขาย่อมมีแต่ต้องยอมรับตกลง

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียการจะสร้างสูตรโอสถขึ้นมาใหม่นั้นมันก็กินเวลาและแรงมากจนเกินไป

ที่สำคัญนี่ยังเป็นโอสถที่สองจักรพรรดิเทพสวรรค์ร่วมแรงกันสร้างขึ้นมา ความยากเย็นของมันจะต้องเหนือล้ำเพียงใด?

ระดับความยากของมันนี้คงไม่ได้น้อยไปกว่าโอสถครองวิญญาณผสานเต๋าแน่

ที่สำคัญกว่านั้นคือนี่มันเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหก การพัฒนาต่างๆ ย่อมจะยากกว่าระดับห้าหลายเท่าตัว

เพราะฉะนั้นแล้วแม้เย่หยวนจะรู้ว่าวิธีการของเจียนซู่เทานั้นมันจะหน้าไม่อาย เขาก็ทำได้เพียงแค่ยอมรับมัน

“เจ้าช่วยเข้าไปเอาสิ่งของจากสนามรบเทพโบราณมาให้ข้า!” เจียนซู่เทาบอก

เจียนหงเซียวที่ได้ยินเช่นนั้นจึงถามขึ้น “นายท่าน หรือว่าจะเป็นสิ่งนั้น?”

เจียนซู่เทาพยักหน้าออกมาเป็นสัญญาณตอบว่าใช่

“ไม่นะ! ข้ายอมเป็นเช่นนี้ต่อไปดีกว่า! ข้าไม่อาจจะทนให้เย่หยวนเสี่ยงอันตรายเช่นนั้นได้!” เจียนหงเซียวร้องบอกขึ้น

เจียนซู่เทาตอบกลับไป “ข้ามิได้ถามเจ้า ข้าถามเขา! ที่สำคัญเขาย่อมจะตอบรับแน่”

เจียนหงเซียวหน้าถอดสีหันกลับมาหาเย่หยวนทันที “เย่หยวน เจ้าอย่าได้เข้าสนามรบเทพโบราณ! ที่แห่งนั้นมันอันตรายเกินไปเจ้าอาจจะตายลงได้!”

แต่เย่หยวนนั้นกลับจ้องมองเจียนซู่เทาอย่างหนักแน่น “ได้ ข้าตกลง! ตอนนี้ท่านจะมอบสูตรโอสถมาให้ข้าได้หรือยัง?”

เจียนซู่เทามองดูเย่หยวนอย่างตื่นตกใจไม่น้อย “เจ้าจะไม่ถามหน่อยหรือว่าเทพสวรรค์ผู้นี้ต้องการให้เจ้าไปเอาสิ่งใด? แล้วเจ้าจะไม่สงสัยหน่อยหรือว่าสนามรบเทพโบราณนี้มันเป็นสถานที่เช่นใด?”

…………………………