ส่วนที่ 5 สมรภูมิดอกไม้เหลือง ตอนที่ 72 สังฆราชผู้ถูกเนรเทศ

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ความเศร้าเป็นแค่อารมณ์ ไม่ใช่เครื่องหมายแห่งความสิ้นหวัง มังกรดำน้อยก้มหน้า มองไปที่รอยเท้าของนางผ่านหิมะ เริ่มครุ่นคิดคำนวณ ว่าซางสิงโจวสามารถเอาชนะมังกรทองได้อย่างง่ายดายก็ย่อมเป็นเพราะเขามีข้อได้เปรียบเรื่องสถานที่ เขาต้องทำการเตรียมตัวเอาไว้ก่อน แล้วนางจะมองความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาผ่านการต่อสู้นี้ได้อย่างไร

เฉินฉางเซิงเดาออกว่านางกำลังคิดอะไรและกล่าว “เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องนี้อีก”

มังกรดำเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ดวงตาของเขา “สังฆราชให้ข้าเป็นผู้คุ้มกันของเจ้าเพราะมีเหตุผล”

ทั้งนางและเฉินฉางเซิงรู้ว่าที่สังฆราชช่วยนางออกจากใต้สะพานอุดรใหม่และทำให้นางเป็นผู้คุ้มกันของเฉินฉางเซิงก่อนหน้านี้เป็นเพราะความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างเผ่ามังกรยักษ์น้ำค้างแข็งกับเมืองไป๋ตี้

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ผู้คุ้มกัน’ อีกครั้ง เฉินฉางเซิงก็นิ่งเงียบไป เขาพลันถามขึ้น “รู้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้คุ้มกันให้อาจารย์ข้าในตอนนั้น”

มังกรดำน้อยส่ายหน้า

เฉินฉางเซิงมองเข้าไปในหิมะที่คนผู้นั้นหายไปและกล่าว “ในคืนนั้นอาจารย์อาบอกข้า… อาจารย์ไม่เลือกผู้คุ้มกัน”

แสงประหลาดฉายขึ้นในดวงตาของมังกรดำ

เฉินฉางเซิงกล่าวต่อ “อาจารย์เชื่อว่าคนเราไม่อาจพึ่งพาสิ่งภายนอกเมื่อบำเพ็ญเต๋า หรือพึ่งพาบุคคลอื่น แค่พึ่งพาตัวเองก็พอแล้ว”

มังกรดำน้อยไม่พูดอะไร

คนเช่นนี้น่ากลัวเกินไป

……

……

หลังจากราตรีมืดมิดก็คือรุ่งอรุณ จิงตูยังถูกห้อมล้อมด้วยพายุหิมะในยามที่ต้าลู่ต้อนรับปีใหม่

มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันแรกของปีใหม่ ยกตัวอย่างเช่นต้าโจวได้เปลี่ยนชื่อรัชศกอย่างเป็นทางการ พระราชวังหลีมีประมุขคนใหม่

ในงานฉลองปีใหม่ที่พระราชวังหลี มีบางสิ่งเกิดขึ้นที่ทำให้ต้าลู่ต้องตกใจ

ตามโองการสุดท้ายของสังฆราชและการประกาศของนิกายหลวงที่ได้แจ้งไปทั่วโลก เฉินฉางเซิงคือสังฆราชคนใหม่

แต่เขาก็ไม่ปรากฏขึ้นในงานฉลองปีใหม่และไม่มีใครเห็นเขาในโถงตำหนักแสงจ้า เป็นธรรมดาที่ไม่มีการทำพิธีขึ้นครองตำแหน่ง ข่าวนี้ก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างประหลาดใจทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นนักบวชของพระราชวังหลี อาจารย์นักเรียนของสำนักไม้เลื้อยหรือชาวบ้านธรรมดาในจิงตู พวกเขาล้วนรู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมาก

ในเวลาแห่งการสับสน พระราชวังหลีได้ประกาศคำอธิบายออกมา

ประกาศนี้มีตราประทับของห้าผู้ยิ่งใหญ่และเฉินฉางเซิงลงนามด้วยตัวเอง

เพราะว่าสังฆราชยังเยาว์เกินไป เขายังบำเพ็ญเพียรมาไม่นานพอ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเข้าสู่โลกแห่งการบำเพ็ญเพียร ทำความเข้าใจวิถีสวรรค์ท่ามกลางฝุ่นผงของโลกมนุษย์

แล้วเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ ประกาศนี้ไม่ได้ให้คำตอบเอาไว้ แค่เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่าสังฆราชอาจกลับมาจิงตูเมื่อไหร่ก็ได้เพื่อขึ้นครองบัลลังก์

สังฆราชไม่ได้อยู่ในพระราชวังหลีแต่ซ่อนชื่อแล้วเข้าสู่โลกแห่งการบำเพ็ญเพียรอย่างนั้นหรือ

นี่เป็นครั้งแรกที่เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์

ความตกใจและประหลาดใจแพร่กระจายไปทั่วจิงตูและต้าลู่ มากจนคนมากมายไม่อาจจำได้ว่าชื่อรัชศกใหม่ของราชวงศ์ต้าโจวคืออะไร

หลังจากอารมณ์พวดนี้จางลงเมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนก็มีเวลาว่างในที่สุดและหันหัวมานึกถึงเมื่อปีก่อน เมื่อนึกถึงเรื่องต่างๆ ที่อดีตสังฆราชทำ พวกเขาก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้าง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแผนของอดีตสังฆราช

หากเฉินฉางเซิงยังอยู่ในจิงตู จะสร้างความขัดแย้งกับราชสำนัก และนำมาซึ่งสงคราม

หากเขาไปจากจิงตู ก็จะทำให้ราชสำนัก…หรือพูดให้เจาะจง จะทำให้ซางสิงโจวรู้สึกสบายใจมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้แต่ในตอนนี้น้อยคนที่เข้าใจว่าทำไมซางสิงโจวถึงเป็นกังวลนัก หงุดหงิดนักที่มีเฉินฉางเซิงอยู่

ส่วนเฉินฉางเซิงได้เข้าใจนานมาแล้วและอย่างที่ซางสิงโจวคิดอย่างโศกเศร้าคืนก่อนกลางหิมะในสำนักฝึกหลวง เมื่อทั้งสองฝ่ายเกลียดกันก็ไม่สู้ไม่พบกันจะดีกว่า

ให้ศิษย์อาจารย์มีเวลาเล็กน้อย ทิ้งระยะห่างเล็กน้อย

ให้ราชสำนักกับนิกายหลวงมีเวลาสักเล็กน้อย ทิ้งระยะห่างเล็กน้อย

ให้โลกนี้กับคนบนโลกนับล้านมีโอกาสสักครั้ง

ไม่มีความจำเป็นต้องมีสงคราม ไม่จำเป็นต้องมีคนตายเพื่อเรื่องนี้

เฉินฉางเซิงยังคงเป็นสังฆราช

ก็แค่เขาไม่อาจอยู่ในจิงตู ไม่อาจอยู่ในพระราชวังหลี

ต่อให้กลายเป็นว่าทั้งสองฝ่ายปรองดองกันไม่ได้ในที่สุด อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีระยะห่าง

ปัญหาไม่สามารถแก้ได้ในตอนนี้ แต่ในอนาคต บางทีทั้งสองฝ่ายอาจจะมีปัญญามากขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหานี้

มันเป็นแผนของอดีตสังฆราช และตอนนี้มันดูเหมือนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาไร้ทางออกนี้

แน่นอนว่าแผนของอดีตสังฆราชมีรายละเอียดมากกว่านี้เพื่อให้แน่ใจว่าต่อให้เฉินฉางเซิงออกจากจิงตู พระราชวังหลีก็ยังรักษาจุดยืนเอาไว้

สถานการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้มีปัจจัยที่ซับซ้อนอย่างมาก แสดงให้เห็นความฉลาดและความอดทนของอดีตสังฆราชได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ในฐานะผู้สืบทอด ทั้งหมดที่เฉินฉางเซิงต้องทำก็คือยอมรับการจัดการนี้และทำตามเพื่อเพิ่มปัญญา ความอดทนและความแข็งแกร่ง

เขาจำเป็นต้องพึงพาปัญญาและความอดทนเพื่อมีชีวิตรอด

ตราบใดที่เขามีชีวิตอยู่ เขาก็เป็นสังฆราช

เขาจะได้ถกเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อภูเขาเต็มไปด้วยดอกไม้บาน

ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจเรื่องนี้ น้อยคนที่จะเข้าใจได้ว่าอดีตสังฆราชได้ใช้ความคิดและทุ่มเทเพียงใดให้กับแผนนี้ หรือพระราชวังหลีได้แสดงความกล้าและเด็ดเดี่ยวมากเพียงใด หลังจากความตกใจจางลง ความเป็นจริงที่คนเห็นก็เรียบง่ายมาก

เฉินฉางเซิงได้กลายเป็นสังฆราช แต่เขาถูกขับออกจากจิงตู

ทุกคนสามารถเห็นว่านี่เป็นชัยชนะของราชสำนัก

คนมากมายเชื่อว่าผลลัพธ์นี้เป็นเพราะซางสิงโจวไม่ต้องการที่จะให้ราชสำนักกับนิกายหลวงต้องปะทะกัน และไม่ต้องการที่จะปฏิเสธโองการสุดท้ายของอดีตสังฆราช ดังนั้นเขาจึงแสดงความไม่เห็นแก่ตัวออกมา

การที่จะใจกว้างนั้นก็คือการแสดงการดูถูกอีกฝ่ายหนึ่ง

ใครก็ตามจะเห็นว่าสังฆราชที่ไม่อาจอยู่ในพระราชวังหลีได้นั้นเป็นสังฆราชแค่เพียงในนาม

บางทีการเป็นสิ่งที่น่าหดหู่ยิ่งกว่าสังฆราชแค่เพียงในนามเท่านั้น

เป็นสังฆราชที่ถูกเนรเทศ

……

……

รัชศกเจิ้งถ่งจบลงอย่างเป็นทางการ

การปกครองของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ในต้าลู่ได้กลายเป็นหน้าประวัติศาสตร์ และหน้าใหม่ก็ได้ถูกเปิดขึ้นแล้ว

ราชวงศ์ต้าโจวได้เปลี่ยนผู้ปกครองอย่างเป็นทางการ เมื่อการบรรจบกันของเหนือใต้ได้สำเร็จลุล่วง ฤดูใบไม้ผลิกลับคืนสู่แผ่นดิน เรื่องมากมายได้กลายเป็นจริง ในขณะนี้มีผู้บำเพ็ญเพียรมากมายได้รับคำสั่งจากราชสำนักและได้ออกจากแดนใต้เดินทางขึ้นเหนือเพื่อร่วมกับกองทัพต่างๆ

จักรพรรดินีมารถูกกำจัด ราชามารตายแล้ว เมืองเสวี่ยเหล่าตกอยู่ในความโกลาหล สังฆราชลาจากโลกใบนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนจากเก่าเป็นใหม่ อนาคตของต้าลู่สว่างดังแสงไฟ

เป็นที่แน่นอนว่าโลกมนุษย์จะได้พบกับยุคที่ดีที่สุดนับจากจักรพรรดิไท่จง

ไม่มีใครรู้ว่าในวันกลางฤดูหนาวที่ธรรมดา เฉินฉางเซิงสังฆราชที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งได้ออกจากสำนักฝึกหลวง

เขาไปจากตรอกไป๋ฮวาและปะปนไปในฝูงชน เขาเดินไปตามแม่น้ำลั่ว ข้ามสะพานหน่ายเหอและผ่านเสาหินในพระราชวังหลี ออกจากประตูเมืองและไปจากจิงตู

ในอกเสื้อเขามีจดหมาย กระบี่มัดไว้ที่เอว มือของเขาถือร่มเอาไว้

เด็กสาวในชุดดำเดินอยู่ข้างกายเขา

เด็กสาวสะอาดน่ารักแต่ใบหน้าไร้อารมณ์ ทำให้นางดูเย็นชา นางอุ้มกระถางใบไม้ครามไว้แนบอก

เฉินฉางเซิงไม่ได้เดินเร็วนัก แต่เด็กสาวตัวเล็กมาก หากนางต้องการเดินให้ทันนางก็ต้องเดินให้เร็วกว่า

ยามนางเดิน ผมสีดำกระเด้งขึ้นลงในลมหนาว ใบไม้ครามที่อกก็เด้งขึ้นลงเช่นกัน

ไม่ใช่ไม้พายสองอันเด้งขึ้นลงในลมฤดูใบไม้ผลิ แต่เป็นภาพลักษณ์ที่นางและโลกนี้ควรมี

……