ตอนที่ 679 การต้อนรับ Ink Stone_Fantasy
เยี่ยเทียนเป็นคนมีความคิดเป็นของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก เรื่องที่เขาตัดสินใจแล้ว ยากที่คนอื่นจะเปลี่ยนใจได้ ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าพรุ่งนี้เยี่ยเทียนจะเข้าร่วมงานประมูลแม้ว่าซ่งเวยหลันจะคัดค้านหัวชนฝา แต่ก็ไม่อาจห้ามปรามด้
ยิ่งหลังจากที่โก่วซินเจียได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับ “คัมภีร์เต๋าไคหยวน” แล้ว นอกจากจะตกตะลึงก็ยังสนับสนุนเยี่ยเทียนอย่างเต็มที่ ไม่ว่า “คัมภีร์เต๋า” เล่มนี้จะมีเคล็ดวิชาอยู่ภายในหรือไม่ มันก็ยังเป็นตำราเต๋าอันล้ำค่าอย่างยิ่ง
เมื่อหมดหนทาง ซ่งเวยหลันจึงได้แต่พยักหน้ายอมตาม แต่เดิมที่เยี่ยเทียนเพียงคิดว่าจะเข้าร่วมประมูลกับถังเหวิน หย่วนเพียงสองคน กลับกลายเป็นว่าไปกันทั้งครอบครัว กระทั่งโจวเซี่ยวเทียนยังไม่ยอมอยู่เฝ้าบ้าน
โชคดีที่ถังเหวินหย่วนมีอิทธิพลกว้างขวางในฮ่องกง แล้วยังได้รับบัตรเชิญมาหลายใบจากช่องทางผิดกฎหมาย ต้องเข้าใจก่อนว่า งานประมูลคริสตี้นั้นไม่ใช่ใครก็ตามจะสามารถเข้าร่วมได้
“แม่ครับ งานนี้จัดขึ้นที่ฮ่องกง ไม่ใช่ปักกิ่งซะหน่อย ทำไมต้องใส่เสื้อผ้ามากมายขนาดนั้น?”
เช้าตรู่วันต่อมา ซ่งเวยหลันก็มายังห้องของลูกชาย บอกว่าตอนนี้เดือนธันวาคมแล้ว จะให้เยี่ยเทียนใส่เสื้อกันหนาวก่อนออกไปข้างนอก ไม่งั้นไม่ยอมให้ออกไป ทำเอาเยี่ยเทียนจะร้องไห้หรือหัวเราะก็ไม่ออก
เห็นอวี๋ชิงหย่าแอบหัวเราะอยู่ที่ประตู เยี่ยเทียนก็พูดขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “มาหัวเราะอีก ชิงหย่า ขืนยังหัวเราะต่อละก็ จะให้เธอใส่เสื้อหนังออกไปด้วย!”
เห็นสามีโกรธขึ้นมาจริงๆ อวี๋ชิงหย่าก็ยิ้มเดินมาหา กล่าวว่า “แม่คะ ตอนนี้อุณหภูมิข้างนอกยี่สิบกว่าองศาเอง แม่ให้เยี่ยเทียนใส่เสื้อกันหนาว ออกไปข้างนอกเขาก็ร้อนแย่สิ!”
“งั้นไม่ใส่ก็ได้ ชิงหย่าเธอถือให้เขาแล้วกัน เวลารู้สึกหนาวจะได้ให้เขาใส่”
ซ่งเวยหลันคิดๆ ดูแล้วว่าจริง แต่เธอยังคงรู้สึกว่าลูกชายบาดเจ็บหนักยังไม่หายดี ร่างกายจึงอ่อนแอกว่าคนอื่นมาก ด้วยเหตุนั้นจึงยังกังวลใจ
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ก็เป็นเวลาประมาณเก้าโมง รถบัสคันหรูแล่นมารับสมาชิกภายในคฤหาสน์ทั้งหมด มุ่งสู่วงแหวนใจกลางเกาะฮ่องกง
งานประมูลศิลปวัตถุชาติจีนของคริสตี้ครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นเวลาทั้งหมดสามวัน
ว่ากันโดยทั่วไปแล้ว วันแรกสุด จะมีการจัดแสดงของสินค้าประมูลตัวชูโรงหลายชิ้น ทำให้บรรยากาศของงานประมูลครึกครื้นขึ้นมา จากนั้นเมื่อถึงเวลาใกล้จบ ก็จะจัดแสดงสินค้าตัวชูโรงอีกครั้ง ถือเป็นการเสร็จสิ้นกิจกรรมทั้งหมดโดยสมบูรณ์
ทางคริสตี้จัดเตรียมนำเครื่องเคลือบดินเผาซ่งจวินขึ้นแสดงในฐานะสินค้าชูโรงชิ้นแรกสุด
แต่เมื่อพิจารณาจากความนิยมพุ่งพรวดของตลาดตำราโบราณเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จึงจัดการให้ “คัมภีร์เต๋าไคหยวน” เป็นสินค้าประมูลตัวชูโรงในวันแรก
ดังนั้นพวกเยี่ยเทียนจึงรีบมายังสถานที่ประมูลล่วงหน้า เพราะสำหรับ “คัมภีร์เต๋าไคหยวน” ไม่กี่เล่มนั้น ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยเทียนหรือโก่วซินเจียต่างก็หมายมั่นปั้นมือครอบครองให้ได้
วงแหวนกลางคือชื่อสถานที่แห่งหนึ่งในเขตตะวันตกของฮ่องกง ขณะเดียวกันก็เป็นศูนย์กลางรัฐบาลและการค้าของฮ่องกงด้วย ธนาคารมากมายกับองค์กรแลกเปลี่ยนเงินตราและกงสุลต่างชาติล้วนตั้งอยู่ที่วงแหวนกลาง
เยี่ยเทียนกักเก็บอาการตื่นเต้นเอาไว้ ถึงแม้เขาจะมาฮ่องกงหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยมาที่วงแหวนกลาง ครั้งนี้นับว่าผู้คนหนาแน่นมาก แต่เยี่ยเทียนก็มองกลุ่มคนที่พลุกพล่านบนท้องถนนด้วยความสนอกสนใจ
รถขับมาจอดยังที่จอดรถในศูนย์กลางของวงแหวนกลาง เพื่อสร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการ คริสตี้จึงเจาะจงเลือกสถานที่บนใจกลางควีนส์โร้ดเป็นพิเศษ อันเป็นตึกระฟ้าสูงที่สุดในเกาะฮ่องกง
“ทำไมต้องมาจัดงานประมูลที่นี่ด้วย เลือกศูนย์ประชุมสักที่ไม่ได้หรือไง?”
อาจเป็นเพราะยังไม่อาจก้าวข้ามความหวาดกลัวจากการโจมตีอย่างฉับพลันที่นิวยอร์คเมื่อสองเดือนก่อนไม่ได้ พอเห็นตึกสูงใหญ่ถึงเจ็ดสิบสามชั้น ซ่งเวยหลันจึงเผลอบ่นพึมพำตอนเข้าไปในลิฟท์
หลังจากพบเหตุการณ์บุกโจมตีสะเทือนขวัญที่นิวยอร์ค ซ่งเวยหลันก็ไม่กล้าถอนบริษัทออกจากนิวยอร์ค แต่ไปก่อตั้งตึกออฟฟิศแห่งใหม่ที่ซานฟรานซิสโกเป็นสำนักงานใหญ่ และตึกหลังนี้ก็มีเพียงสามชั้นเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลกระทบกับเธอ
“แม่ ไม่เป็นไรหรอกครับ”
เยี่ยเทียนจับมือแม่เอาไว้ หัวเราะบอกว่า “เหตุการณ์นั้นร้อยปีเกิดขึ้นหนหนึ่ง ถ้าหากพวกเราประสบเข้าอีกครั้งล่ะก็ ผมว่าแม่บินกลับอเมริกาไปซื้อลอตเตอรี่ เป็นไปได้ว่าอาจแจ็คพอตได้ถึงสามสิบล้านดอลลาร์อเมริกาเลยนะครับ!”
“เจ้าเด็กบ้า ไม่รู้จักพูดเรื่องดีๆ พูดจาอัปมงคลให้น้อยๆหน่อย” แม้ซ่งเวยหลันจะตำหนิลูกชาย แต่ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
หลังจากได้รับผลกระทบจากการโจมตีกะทันหันที่นิวยอร์คก่อนหน้านี้ เวลาแต่ละสถานที่จัดกิจกรรมงานประชุม ก็จะตรวจสอบอย่างละเอียดเข้มงวดขึ้นมาก ด้วยเหตุนี้ทางฝ่ายจัดงานจึงลงทุนติดตั้งประตูนิรภัยเป็นพิเศษ
หลังจากเข้าไปในห้องประชุมแล้ว เยี่ยตงผิงก็มองซ้ายมองขวา กล่าวว่า “ที่นี่ใหญ่กว่างานประมูลที่จัดขึ้นในปักกิ่งมากทีเดียว”
องค์กรประมูลในปักกิ่ง มักจัดงานในห้องประชุมของโรงแรมสักแห่งเสมอ ส่วนใหญ่แล้วภายในสถานที่มีที่นั่งเพียงหนึ่งร้อยสิบที่นั่ง แต่สถานที่ตรงหน้ากลับจุคนได้เต็มที่ถึงสี่ห้าร้อยคน
“น้องเยี่ย ฮ่องกงนับว่าเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจฝั่งตะวันออก บริษัทประมูลคริสตี้นับว่าให้ความสำคัญมากทีเดียว”
เพราะมีเยี่ยเทียนอยู่ ถังเหวินหย่วนจึงไม่กล้าโอ้อวดใส่เยี่ยตงผิง อธิบายว่า “ งานประมูลครั้งนี้ไม่ได้มีแค่นักสะสมชาวฮ่องกง แต่ยังมีนักสะสมวัตถุโบราณแผ่นดินใหญ่ต่างประเทศมากมายมาร่วมด้วย พูดแบบไม่เกินเลย งานนี้ถือเป็นงานประมูลระดับโลกงานหนึ่ง!”
แน่นอนว่า ขณะที่ถังเหวินหย่วนกำลังอธิบายอยู่นั้น ภายในงานนอกจากจะมีกลุ่มชาวจีนที่นั่งอยู่ ยังมีฝรั่งผมทองตาสีฟ้าอยู่ด้วย อีกทั้งคนเหล่านี้จับจองที่นั่งไปกว่าครึ่ง
ตอนที่พวกเยี่ยเทียนมาถึง ก็เป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้คน เนื่องจากการรวมตัวของพวกเขาค่อนข้างแปลกประหลาด
นอกจากคนหนุ่มสาวอย่างเยี่ยเทียนกับภรรยาและโจวเซี่ยวเทียนแล้ว โก่วซินเจียผู้มีแขนข้างเดียวกับหนานไหวจิ่นที่ยังดูสดใสแข็งแรงก็เป็นที่จับตามองของผู้คน
ด้านจั่วเจียจวิ้นและถังเหวินหย่วนยิ่งไม่ต้องพูดถึง ภายในงานมีชาวจีนอย่างน้อยครึ่งหนึ่งลุกขึ้นยืนเพื่อทำความเคารพสองคนนี้ พวกเขาล้วนเป็นมหาเศรษฐีภายในฮ่องกง
ส่วนซ่งเวยหลันและสามีวันนี้แต่งกายธรรมดาอย่างมาก กลุ่มคนจึงพุ่งความสนใจส่วนใหญ่ไปที่พวกจั่วเจียจวิ้น ภายใต้การนำทางของพนักงาน คนทั้งกลุ่มก็มาถึงที่นั่งแถวแรกสุดในงานประชุม
“คนพวกนี้คือใครกันน่ะ? ทำไมถึงได้นั่งแถวแรก?”
“นั่นน่ะสิ เมื่อกี้ฉันเห็นท่านเซอร์เหอยังนั่งแถวสามเลย”
“เชยจริง คนผู้นั้นคือคุณถัง ข้างๆ เขาคือปรมาจารย์จั่ว แค่นี้ก็ยังไม่รู้จักหรือ?”
“ต่อให้เป็นคุณถังกับปรมาจารย์จั่ว ก็ไม่น่ามีคุณสมบัตินั่งที่แถวแรกได้หรือเปล่า? พวกเธอรู้ไหมว่า วันนี้ท่านเทศมนตรีมาร่วมงานประมูลนี้ด้วย?”
หลังจากที่พวกเยี่ยเทียนนั่งลงแล้ว คนที่นั่งอยู่ทางด้านหลัง ก็อดส่งเสียงพึมพำขึ้นมาไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นในหรือนอกประเทศ ลำดับที่นั่งล้วนดึงดูดความสนใจของผู้คนเสมอ หากพูดถึงภายในงานประมูล ตำแหน่งที่นั่งแถวแรกมักถูกตระเตรียมไว้ให้กับแขกผู้มีเกียรติตลอดทุกครั้ง
และงานประมูลเช่นวันนี้ ท่านเทศมนตรีในเขตปกครองพิเศษฮ่องกงก็อาจมาร่วมงานด้วย
เทศมนตรีอาจไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมประมูลตลอดทั้งงาน แต่ว่าที่นั่งแถวแรก จะต้องถูกจัดเตรียมเอาไว้ จริงอยู่ที่ ถังเหวินหย่วนและจั่วเจียจวิ้นมีชื่อเสียงไม่น้อยบนเกาะฮ่องกง แต่ก็ยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะนั่งตรงนั้น
“น้องจั่ว พวกเราดึงดูดสายตาคนกันหรือเปล่า?”
ถังเหวินหย่วนเองก็นึกไม่ถึงว่าทางฝ่ายจัดงานจะเตรียมที่นั่งแถวแรกไว้ให้พวกเขา ดังนั้นพอได้ยินเสียงซุบซิบจากด้านหลังแล้ว จึงอดขำ เผลอมองไปทางซ่งเวยหลันไม่ได้
จั่วเจียจวิ้นได้ยินแล้วก็ยิ้มตอบ “เดาว่าน่าจะเป็นศิษย์น้องเล็กมากกว่า”
เมื่อต้นปีเพื่อเสาะหาเครื่องรางฮวงจุ้ยจำนวนหนึ่ง จั่วเจียจวิ้นเองก็เป็นแขกประจำของงานประมูล เพียงแต่เขาก็เหมือนกับถังเหวินหย่วน คือไม่เคยได้รับที่นั่งแถวแรก
แต่ว่าถังเหวินหย่วนและจั่วเจียจวิ้นต่างก็เป็นคนแก่ประสบการณ์ จึงไม่ใส่ใจกลับคำซุบซิบนินทาเหล่านี้ ต่างพูดคุยกันเป็นปกติ ไม่สนใจว่าคนด้านหลังจะพูดอะไรก็ตาม
กลุ่มเยี่ยเทียนไม่ได้มาถึงไวเกินไปนัก หลังจากพวกเขานั่งลงไม่ถึงห้านาที บานประตูใหญ่ทั้งสองบานของห้องประชุมก็ถูกผลักออกจากด้านนอก ชายชราผมขาวอายุราวห้าสิบกว่าปี ล้อมรอบด้วยคนจำนวนเจ็ดแปดคนเดินเข้ามาข้างใน
“สวัสดีครับคุณต่ง!”
“สวัสดีครับท่านเทศมนตรี!”
“สวัสดีครับคุณต่ง!”
เมื่อเห็นคนผู้นี้เข้ามา ภายในห้องก็มีเสียงปรบมือดังเกรียวกราว กลุ่มเยี่ยเทียนเองก็ลุกขึ้นยืน ถึงแม้เขาจะไม่รู้จักท่านเทศมนตรีคนแรกของฮ่องกงซึ่งถือกำเนิดในตระกูลส่งออกสินค้าผู้นี้ แต่ก็เคยเห็นเขาในโทรทัศน์มาไม่น้อย
ข้างกายของท่านเทศมนตรี เป็นชาวอังกฤษร่างผอมแห้งผู้หนึ่ง ดูอายุแล้วน่าจะห้าสิบกว่าปีเช่นกัน หลังจากที่คุณต่งเดินมาถึงแถวแรกแล้ว คนผู้นั้นก็เดินมาหาพวกเยี่ยเทียนทันที
สิ่งที่ทำให้ทางพวกเยี่ยเทียนประหลาดใจก็คือ ซ่งเวยหลันกลับลุกไปต้อนรับ ยิ้มเอ่ยปากว่า “วิลสัน ได้ยินว่าคุณขยับขยายที่ทางมาฝั่งตะวันออก ไม่นึกว่าคุณจะมาฮ่องกง?”
“ครับ มิสซ่งแสนสวย พอได้ยินว่าคุณจะมาร่วมงานประมูลครั้งนี้ เมื่อคืนผมถึงกับนอนไม่หลับ!”
วิลสันที่ซ่งเวยหลันทักทายนั้นพูดภาษาจีนกลาง พอมาถึงด้านหน้าซ่งเวยหลันแล้ว ก็ประคองมือขวาของซ่งเวยหลันขึ้น จุมพิตแผ่วเบาครั้งหนึ่ง
“บ้าเอ๊ย ไอ้เวรนั่นเป็นใครกัน? บังอาจมาจูบเมียฉัน?”
ถึงแม้จะรู้ว่าการจุมพิตที่มือเป็นวัฒนธรรมทั่วไปของฝั่งตะวันตก แต่เมื่อเห็นภาพนี้ เยี่ยตงผิงยังออกจะทนไม่ได้ หันไปเห็นหน้าเยี่ยเทียนมีสีหน้าเฉยเมยก็อดไม่ได้ กระทืบเท้าหลังฝ่าเท้าของลูกชาย กระซิบเสียงต่ำ “ไอ้ลูกเวร นั่นแม่ของแกนะ จะไม่สนใจหน่อยหรือ?”
“พ่อ จะหึงโดยไร้เหตุผลไปหน่อยแล้ว นั่นมันเรื่องธรรมดาที่เข้าใจได้อยู่”
เยี่ยเทียนกลอกตาใส่พ่อ แต่พอเห็นสีหน้าดุดันอย่างนั้นของพ่อ ก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหลืออด เดินหน้าขึ้นไปพูด “คุณวิลสันครับ ผมว่าคุณควรจะเรียกเธอว่ามาดามซ่ง ไม่ใช่มิส”
“ใช่แล้ว นี่น่ะลูกชายของฉัน!” เยี่ยตงผิงที่อยู่ด้านข้างได้ยินแล้วร่าเริงขึ้นมา
“อ้อ ท่านผู้นี้คือ?” วิลสันส่งสายตาสงสัยไปทางซ่งเวยหลัน
“เขาคือลูกชายของฉันเองค่ะ วิลสัน ฉันเคยบอกแล้วนี่ว่าฉันแต่งงานมาหลายปีแล้ว คุณไม่เชื่อเอง”
ซ่งเวยหลันยิ้มอ่อน เดินไปข้างกายเยี่ยตงผิง คว้าแขนของสามีไว้ กล่าวว่า “คนผู้นี้คือเยี่ยตงผิง สามีของฉันเองค่ะ เยี่ยตงผิง เขาชื่อวิลสัน เมื่อก่อนเป็นประธานบริษัทที่ประเทศอังกฤษของฉัน”
หลังจากอธิบายให้เยี่ยตงผิงฟังแล้ว ซ่งเวยหลันก็มองไปทางวิลสันอย่างแปลกๆ “คุณอยู่ที่สำนักงานใหญ่คริสตี้ไม่ใช่หรือคะ ทำไมถึงย้ายมาทางฮ่องกงล่ะ?”
“ผมหวังว่าจะได้มาพบหญิงสาวสวยเหมือนคุณทางทิศตะวันออกไงล่ะครับ”
วิลสันหัวเราะเสียงดังออกมา ยิ้มขอโทษขอโพยกับเยี่ยตงผิง กล่าวว่า “คุณเยี่ยครับ ผมล้อเล่นน่ะ มาเถอะผมจะแนะนำให้ทุกคนรู้จัก!”
………………………………………….