นี่ก็คืออาณาจักรแห่งกฎที่เขาฝึกตนผ่านสิ่งที่ได้รับมอบจากกฎดั้งเดิมหลังจากที่เขาบรรลุแดนมหายุทธ์

ในอาณาจักรกฎแห่งความตาย หลังจากเขาถูกคู่ต่อสู้ที่สามารถเปลี่ยนพละกำลังได้ซึ่งต้องการจะสังหารเขาได้ถูกตัวเขาเองดูดรับ และกลั่นแปรเป็นพละกำลังชีวิตจนสามารถพัฒนาเป็นผลการฝึกตนและร่างเนื้อ

จวบจนบัดนี้ อาณาจักรแห่งกฎประกอบด้วยสมรรถภาพสองชนิดคือ สมรรถภาพอย่างแรกคือการปราบปราม คนที่มีแดนแห่งกฎไม่เกินหลัวซิว ก็ล้วนถูกระงับพลังไว้ประมาณ 5 ส่วน แม้แต่ผู้ที่มีแดนแห่งกฎที่สูงกว่าเขาก็ถูกระงับพลังส่วนหนึ่งเอาไว้เช่นกัน มีเพียงผู้ที่มีแดนแห่งกฎเกินกว่าหลัวซิวอย่างมากเท่านั้นจึงจะเพิกเฉยต่อการปราบปรามอาณาจักรแห่งกฎได้

สมรรถภาพแบบที่สองก็คือยึดครองพละกำลังชีวิต

“มีผู้แข็งแกร่งในเมืองทองคำนับไม่ถ้วน เหตุใดจึงมีเพียงผู้บุ่มบ่าม 4 คนนี้เท่านั้นที่ไล่ตามออกมา? ” หลัวซิวยังคงงงงวยกับปัญหานี้อยู่

ในระหว่างที่หลัวซิวกำลังสงสัยอยู่ ทางด้านเมืองทองคำจู่ๆ ก็เต็มไปด้วยแสงสีทองปรากฏขึ้น แสงสีทองที่เต็มท้องฟ้าราวกับกลุ่มเมฆมหึมาก็ไม่ปาน กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ที่นี่อย่างรวดเร็ว

“เขายังไม่ได้หนีไปไหน!”

“พวกที่สังหารคู่หมั้นเทพยังอยู่ จับเขาไว้!”

“ทุกท่านระวังตัว คนผู้นี้สามารถสังหารคู่หมั้นเทพได้ ความสามารถต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่”

“……”

เห็นฉากตรงนี้ หลัวซิวรู้สึกตกตะลึง และในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจึงมีเพียงผู้บุ่มบ่าม 4 คนที่ไล่ตามออกมา

โดยพื้นเพของผู้บุ่มบ่ามทั้ง 4 คนนี้แน่นอนว่าเป็นพวกที่ไม่มีสมอง แต่คนอื่นในเมืองทองคำกลับทราบดีว่าเขาสามารถสังหารกองกำลังเจ้ายุทธจักรทุกท่านที่คอยปกป้องคุ้มครองขบวนได้ ความสามารถนั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงเรียกรวมพลกองกำลังจำนวนมากถึงจะไล่สังหารตามไปได้

ตูม! ตูม! ตูม!……

ในกลุ่มเมฆสีทองขนาดมหึมานั้นรวบรวมยอดฝีมือเผ่าเทพไว้ไม่รู้เท่าไหร่ และการโจมตีอย่างนับไม่ถ้วนจู่ๆ ก็เริ่มขึ้น ทำให้ร่างของเขาจมกองลงไป

ยอดฝีมือเผ่าเทพหลายท่านพอเริ่มการโจมตีขึ้นพละกำลังก็น่าเกรงขามอย่างหาที่สุดมิได้ แผ่นดินแตกร้าว มีร่องหุบเหวไปทั่ว ดินก็ถูกทำให้ระเหยขึ้นในบัดดล

ฝุ่นควันมลายหายไป ร่างของหลัวซิวลอยออกไป ยอดฝีมือเผ่าเทพหลายท่านพอเห็นว่าเขายังไม่ตาย สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป

“มิน่าถึงกล้าสังหารคู่หมั้นเทพ คนผู้นี้สามารถรับมือกับการร่วมมือกันโจมตีของพวกเราและไม่ตาย ความสามารถก็คงจะแข็งแกร่งมากจริงๆ”

“จะเก่งขนาดไหน พวกเรายอดฝีมือมากมายเช่นนี้ เขาก็ควรตายอย่างไม่น่าสงสัยเลย!”

“ฮ่าๆ ทุกท่านต้องระวังอย่างจัดการเขาจนตายล่ะ มิเช่นนั้นจะไปรับรางวัลจากเทพได้อย่างไร”

ความเร็วยิ่งยวดของยอดฝีมือเผ่าเทพที่มีแสงสีเขียวระยิบระยับรอบตัวผู้หนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็เหาะไปปรากฏกายอยู่เบื้องหลังหลัวซิว

การฝึกตนของคนผู้นี้คือกฎธาตุลม เพียงแค่เขายังไม่ทันได้โชว์ฝีมือ เปลวเพลิงสีดำขนาดใหญ่พวยพุ่งออกมาจากร่างของหลัวซิว และปกคลุมคนผู้นี้ในบัดดล

“โอ๊ย!……”

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมา ยอดฝีมือเผ่าเทพผู้นี้ดิ้นรนไม่ถึงสองเฮือกลมหายใจก็ถูกเปลวเพลิงสีดำเผาเป็นเถ้าถ่าน

“แค่พวกสุนัขรับใช้อย่างพวกเจ้าอยากจะจับข้าไปรับรางวัลกับเทพสุริยะงั้นหรือ?” ร่างของหลัวซิวปรากฏอยู่บนยอดเขาไกลโพ้นลูกหนึ่ง และเผชิญหน้ากับยอดฝีมือเผ่าเทพหลายท่านบนท้องนภาอย่างไม่เกรงกลัว

ตัวสำนึกของเขาได้ประเมินอย่างคร่าวๆ ไปหนึ่งรอบแล้วตั้งแต่เริ่มแรก พบว่าผู้คนพวกนี้ที่ไล่สังหารมาจากเมืองทองคำแม้ว่าจำนวนจะเยอะ แต่ฝีมือกลับไม่สูง ผลการฝึกตนสูงสุดก็เพียงแค่เจ้ายุทธจักรขั้น 7 เท่านั้น

จากความสามารถของหลัวซิวในตอนนี้ มีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับเจ้ายุทธจักรอนาคินขึ้นไปเท่านั้นจึงจะยับยั้งเขาไป แต่ในโลกเชิ่งถิงผู้แข็งแกร่งที่มีความสามารถระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์แน่นอนว่าก็มีน้อยเต็มที แม้ว่าจะเป็นเทพสุริยะที่อยู่เบื้องบนบัญชาตามความประสงค์ผู้นั้น คาดว่าความสามารถอย่างมากก็แค่ระดับเจ้ายุทธจักร

ตามที่หลัวซิวรู้มานั้นในโลกแสงดาวมี 10 เจ้ายุทธจักรอนาคินหลักๆ หากนับรวมกับผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ทุกท่านแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วน่าจะมีประมาณ 50-60 ท่าน แล้วนับรวมกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ลึกลับอีกรวมๆ แล้วก็ไม่น่าเกินร้อยท่าน