ตอนที่ 1963 หลายปีมานี้คงลำบากเจ้าแล้ว

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“จ…เจียนหงเซียว! นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

สภาพของเจียนหงเซียวในตอนนี้เปี่ยมไปด้วยพลังเขากลับขึ้นมาอยู่ในยอดของอาณาจักรเทพถ่องแท้และยังดูแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าก่อนที่จะต้องรับการสะท้อนจากเต๋าสวรรค์ไปในครานั้นเสียอีก

ทางเจียนห่างนั้นรู้ดีว่าการที่เจียนหงเซียวจะสามารถกลับมาหายจากการสะท้อนได้มันย่อมต้องใช้โอสถหกชีพจรดวงดาว

แต่ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนี้จะมีโอสถหกชีพจรดวงดาวอยู่ที่ใด?

หากมันมีอยู่จริงแล้วเจียนหงเซียวก็คงไม่ต้องออกไปอยู่ที่เมืองจักรพรรดิเลิศประกายนับแสนปี

ปัญหาในตอนนี้ก็คือมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ภายในวังดารานั้นหลายต่อหลายคนย่อมจะรู้จักเจียนหงเซียวดี

และแต่ละผู้คนนั้นก็มึนงงอย่างมากไม่คิดอยากเชื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ยอดเทพถ่องแท้ผู้นี้มันคือเจียนหงเซียวจริงๆ อย่างนั้นหรือ?

ก่อนหน้านี้หลังจากเกิดเรื่องราวขึ้นทุกผู้คนต่างคิดว่าเจียนหงเซียวนั้นคงไม่อาจกลับมาลุกขึ้นได้อีก

ใครจะไปคาดคิดว่าเวลาหนึ่งแสนปีต่อมาเจียนหงเซียวกลับสามารถกลับมายืนยังจุดสูงสุดขึ้นเป็นผู้อาวุโสวังดาราได้อีกครั้ง?

“เดี๋ยวก่อน! ต่อให้จะเป็นโอสถหกชีพจรดวงดาวจริงแต่เขาก็ไม่น่าจะหายกลับขึ้นมาได้สมบูรณ์ปานนี้! เว้นเสียแต่ว่าโอสถหกชีพจรดวงดาวนั้นมันจะเป็นขั้นเทวะ!” เจียนห่าวนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่นสะท้าน

เมื่อทุกผู้คนได้ยินพวกเขาทมั้งลายก็ยิ่งตื่นตกใจ

“โอสถหกชีพจรดวงดาวนั้นเป็นโอสถความยากเก้า แม้แต่ขั้นสูงยังไม่อาจหาได้ง่ายๆ แต่ขั้นเทวะ…จะเป็นไปได้อย่างไร?”

“หรือว่าเขานั้นจะได้โอสถหกชีพจรดวงดาวขั้นเทวะมาจริง?”

“ไม่นึกเลย ไม่นึกเลยว่าผู้อาวุโสหงเซียวนั้นจะกลับมายืนในวังดาราได้อีกครั้ง!”

เวลานั้นผ่านไปกว่าแสนปีและที่ผ่านๆ มานั้นเจียนหงเซียวก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ภายในเมืองจักรพรรดิน้อยๆ แห่งหนึ่ง

แต่จู่ๆ กลับสามารถย้อนกลับมาในจุดสูงสุดได้ ความเป็นไปได้เดียวนั้นมันย่อมจะเป็นโอสถหกชีพจรดวงดาว

แต่เรื่องราวเช่นนั้นมันช่างมหัศจรรย์จนเกินกว่าจะเชื่อลง

แต่พวกเขาทั้งหลายนั้นได้ไม่เห็นเลยว่าเจียนซู่เทาผู้ที่นั่งอยู่ใกล้กับวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงนั้นเป็นผู้ที่ตื่นตกใจมากที่สุดในหมู่ผู้คนทั้งหลาย

วันก่อนนี้เขาได้ใช้พลังของวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงในการทำนายออกมาและพบว่าตำแหน่งผู้อาวุโสของวังดารานั้นกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

และคนที่จะมาแทนที่นั้นมันก็คือตัวเจียนหงเซียวนี่เอง

นอกจากนั้นตัวเขาย่อมรู้เรื่องอาการของเจียนหงเซียวดีกว่าคนอื่นๆ

ห้าปี!

มันเป็นเวลาสั้นๆ แค่ห้าปีที่เย่หยวนใช้ในการศึกษาโอสถหกชีพจรดวงดาว!

นี่มัน…เป็นตัวโอสถบรรพกาลมาสิงร่างเด็กหนุ่มคนนี้หรือ?

จอมเทพโอสถหกดาว! ที่สำคัญเขายังเป็นแค่เทพถ่องแท้หนึ่งดาวผู้หนึ่ง แต่เขากลับใช้เวลาเพียงแค่ห้าปีในการเรียนรู้ศึกษาโอสถหกชีพจรดวงดาว?

ที่สำคัญดูจากสภาพของเจียนหงเซียวในตอนนี้แล้วเขากลับเริ่มขึ้นมาแตะช่วงคอขวดได้แล้วด้วย

หากเป็นเช่นนั้นจริงเจียนหงเซียวอาจจะบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์ได้ในอีกไม่ช้า!

เทพสวรรค์!

มันมีเทพถ่องแท้มากมายเพียงใดที่วิ่งตามคำนี้ทั้งชีวิตแต่กลับไม่อาจเข้าใกล้มันได้?

แต่เจียนหงเซียวนั้นกลับมีทุกขลาภ ช่วยส่งตัวเขาให้ขึ้นมาถึงจุดนี้ได้

การที่สามารถก้าวขึ้นมาถึงขั้นนี้ได้มันย่อมหมายความว่าโอสถที่เจียนหงเซียวได้มานั้นมันต้องมิใช่โอสถหกชีพจรดวงดาวธรรมดาอย่างแน่นอน

แล้วเจ้าเด็กคนนั้นมันต้องเป็นตัวตนระดับใดกัน?

เป็นเวลาอันยาวนานจนถึงวันนี้เองที่เจียนซู่เทาได้รู้ตัวแล้วว่าตนนั้นได้ดูถูกเย่หยวนไป

ดูถูกเขามากจนเกินไป!

เด็กคนนี้มันย่อมมิใช่รัศมีผ่าจักรพรรดิธรรมดาๆ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเขาถึงไม่อาจจะใช้ศาสตร์ดูรัศมีกับเย่หยวนได้

เมื่อได้กลับมายืนในวังดาราอีกครั้งเจียนหงเซียวก็รู้สึกเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งจนจุกอก

ตอนที่เขานั้นใช้วิชาเปลี่ยนชะตาแล้วพลาดพลั้งไปเขาได้ยอมรับไปแล้วว่าชีวิตของเขาคงเป็นเช่นนี้

เพราะฉะนั้นเขาจึงได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองจักรพรรดิน้อยๆ เช่นนั้นอย่างสบายใจ

จนถึงวันหนึ่งที่เขาได้ทำนายดวงชะตาของตน

แต่ด้วยชะตาที่เขาอ่านได้นั้นมันกลับยุ่งเหยิงอย่างที่ไม่อาจนำมาตีความใดๆ ได้เลย

จากนั้นเขาก็ได้พบกับเย่หยวนที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างไป!

วันนี้ในที่สุดเขาก็กลับมายืนในที่แห่งนี้ได้

“คนบาปหงเซียวกลับมาแล้ว!” เจียนหงเซียวก้มหัวลงในโถงใหญ่ด้วยความรู้สึกอันเหลือล้น

ภายในห้องโถงนี้มันปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน หลังจากเวลาผ่านไปแสนนานในที่สุดก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นตอบรับ “ดีใจที่เห็นเจ้ากลับมาได้ ไปนั่งเถอะ”

“ขอรับ!

เจียนหงเซียวนั้นตอบรับและเดินไปยังทางที่นั่งผู้อาวุโส

เจียนห่าวนั้นยังคงยืนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่อาจตัดใจเดินจากไปได้ เป็นท่าทางที่แสนอึดอัด

“น้องเจียนห่าว หลายปีมานี้คงลำบากเจ้าแล้ว” เจียนหงเซียวบอกแก่เจียนห่าวด้วยรอยยิ้ม

นั่นทำให้ริมฝีปากของเจียนห่าวกระตุกแรงด้วยใบหน้าที่แสนอึดอัด ตอนนี้เขาคิดหวังอยากจะมุดดินหนีไปเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด

เขานั้นพยายามอย่างหนักมากว่าแสนปีเพื่อรักษาตำแหน่งนี้ แต่สุดท้ายกลับถูกเจียนหงเซียวปัดทิ้งลงง่ายๆ

เวลาหนึ่งแสนปีมานี้เขานั้นเป็นได้เพียงแค่ตัวแทนชั่วคราว

เมื่อเจ้าของตำแหน่งเดิมกลับมาแล้วเขาจึงถูกโยนทิ้งอย่างง่ายดาย

เขานั้นไม่คิดอยากยอมรับมัน

แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก

เพราะในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนี้คำพูดของเจียนซู่เทานั้นนับเป็นกฎเหล็ก ไม่มีใครอาจหาญกล้าท้าทาย

ในสายตาของเจียนห่าวแล้วต่อให้เจียนหงเซียวรักษาตัวกลับมาได้แล้วมันจะเป็นอย่างไร?

เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็เป็นคนบาปที่ทำเรื่องสุดยิ่งใหญ่ไว้ จะบอกว่าเวลาแสนปีที่ผ่านไปนี้มันทำให้บาปของเขาจางหายไปหรือ?

แล้วใครกันเล่าที่จะมาทวงถามความยุติธรรมให้แก่เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่ตายลง?

แต่เจียนซู่เทากลับไม่คิดจะอธิบายเรื่องราวใดๆ

เท่านั้นเรื่องราวทั้งหลายมันก็สิ้นสุดลง

เขา เจียนห่าว กลับต้องไปนั่งตำแหน่งผู้พิทักษ์เช่นเดิม

ช่างน่าขัน!

“ยินดีกับผู้อาวุโสหงเซียวด้วยที่ได้กลับมา!” เจียนห่าวกัดฟันพูดก่อนจะเดินออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสไป

เหล่าศิษย์ทั้งหลายในวังดาราต่างมองดูภาพนี้ด้วยร่างกายที่สั่นเกร็งจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

เพราะเรื่องนี้มันช่างแสนอึดอัดแก่ทุกผู้คนที่พบเห็น

“ข้าไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งข้าจะได้มีโอกาสกลับขึ้นมาเหยียบวังดาราอีกครั้ง! เย่หยวน เรื่องนี้เฒ่าคนนี้ต้องขอบคุณเจ้าที่ได้ให้โอกาสข้าเกิดใหม่!” เจียนหงเซียวกล่าวขอบคุณเย่หยวนด้วยความรู้สึกที่สุดลึกล้ำ

เขานั้นได้ทำนายดวงชะตาของตนและพบว่าเรื่องราวทั้งหลายนั้นมันล้วนขึ้นอยู่กับเย่หยวน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่เคยนึกเคยฝันว่าตัวเขาจะสามารถกลับขึ้นมายังวังดาราได้อีกครั้ง

ที่สำคัญมันยังเป็นเวลาที่แสนสั้น!

โอสถหกชีพจรดวงดาวนี้เขาย่อมรู้ดีว่าเย่หยวนจะสามารถหลอมมันได้แน่ แต่ก็ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนกลับจะมอบโอสถหกชีพจรดวงดาวขั้นเทวะวิญญาณไพศาลให้แก่เขา!

ตอนที่เขาได้เห็นโอสถนั้นร่างของเขาถึงกับแข็งทื่อไม่อาจขยับ

หลังจากกลืนโอสถนั้นลงไปแล้วจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็แทบจะลอยออกจากร่าง

มันไม่ได้เพียงแค่เพิ่มพลังวิญญาณในกายเขาแต่มันยังเพิ่มความเข้าใจในวรยุทธวิญญาณลับโกลาหลให้แก่ตัวเขาทำให้สุดท้ายสามารถขึ้นไปแตะฐานของอาณาจักรเทพสวรรค์ได้!

ทุกผู้คนต่างสั่งสอนคนรุ่นหลังว่าให้ตอบแทนคุณเป็นเท่าตัว แต่สิ่งที่เย่หยวนตอบแทนให้เขามานี้มันมากมายจนเขาแทบไม่อาจทำใจรับไว้ได้

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “พี่หงเซียวทำเช่นนี้อีกแล้วนะ? ระหว่างเรานั้นมันยังต้องมีสิ่งใดให้ต้องขอบคุณอีกเล่า?”

“ฮ่าๆ เฒ่าคนนี้…เฒ่าคนนี้ห้ามตัวไม่ไหวจริงๆ! จริงด้วย ตอนนี้มันยังเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าที่สนามรบเทพโบราณจะเปิดออก เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายจะเริ่มมารวมตัวกันในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศในอีกไม่นานแล้ว แม้ว่าชะตาของเจ้านั้นจะแกร่งกล้าแต่ภายในสนามรบเทพโบราณนี้ไม่ว่าจะเป็นชะตาเช่นใดมันก็ไร้ค่า ข้าเคยได้ยินมาว่าแม้แต่เต๋าบรรพกาลก็ยังเคยตายลงในที่แห่งนั้น” เจียนหงเซียวบอก

นั้นทำให้เย่หยวนเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึงทันที “เต๋าบรรพกาล? พวกเขานั้นมิใช่ว่าอยู่คงเป็นนิรันดร์หรือ?”

เจียนหงเซียวส่ายหัวออกมา “ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ นั้นข้าก็ไม่ทราบได้ แต่ตัวตนระดับนั้นมีหรือที่พวกเราจะเข้าใจได้? ข้าแค่เคยได้ยินเฟิงฉีพูดถึงเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว”

ตอนนี้เย่หยวนนั้นได้เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นและรู้จักว่า ‘เฟิงฉี’ ผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นลูกสาวของเจียนซู่เทา ส่วนทางด้านเจียนหงเซียวนั้นเป็นลูกเขยของเขา!

ตอนนั้นเจียนเฟิงฉีผู้นี้ได้พบเจอทุกข์โชคร้าย ตั้งแต่นั้นมานางก็ได้แต่นอนอยู่บนเตียงอย่างไม่อาจขยับไปไหนได้อีก

เจียนหงเซียวนั้นรักเจียนเฟิงฉีจนหมดใจทำให้เขาไม่สนคำห้ามปราบของน้องชายแท้ๆ ของตนและใช้วิชาลับเปลี่ยนชะตาออกมา

แต่เรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมันก็เกิดขึ้นในช่วงสุดท้ายของวิชาที่มันส่งผลร้ายขึ้นไปถึงวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงทำให้ชีวิตของศิษย์ทั้งสามสิบหกและน้องชายของเขานั้นเหือดแห้งไป

เรื่องราวในครั้งนั้นมันเป็นแผลใจของเจียนหงเซียวอย่างมากทำให้เขาไม่อยากที่จะพูดถึงมันขึ้นมาอีก

ตอนที่เย่หยวนได้ยินเรื่องราวครั้งแรกเขาก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกาย

………………………….