ตอนที่ 681 เริ่มประมูล Ink Stone_Fantasy
“ตำราซึ่งมาจากตุนหวงเล่มนี้ มีทั้งหมดหกเล่ม โดยตระกูลของคุณสเตนเป็นผู้เสนอมา พวกเรารับประกันได้ว่าเป็นของแท้ มันคือผลงานชิ้นโด่งดังของลัทธิเต๋า และจากการตรวจสอบ ตำราทั้งหกเล่มนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นสมบัติที่สูญหายไปของชาติจีน…”
หลังจากอธิบายประวัติของ “ตำราเต๋าไคหยวน” แล้ว เฮนรี่ก็กล่าวต่อ “ราคาเปิดของตำราหกเล่มนี้อยู่ที่สามแสนสองหมื่นเหรียญฮ่องกง ประมูลโดยเพิ่มครั้งละหนึ่งหมื่นเหรียญ สหายผู้ที่สนใจสามารถเริ่มประมูลได้เลยครับ!”
ว่ากันตามตรงแล้ว งานประมูลศิลปวัตถุชาติจีนในครั้งนี้ เฮนรี่ทุ่มเทเวลาให้กับมันมากจริงๆ เขาถึงขั้นสามารถบอกประวัติและยุคสมัยของสมบัติทุกชิ้นได้อย่างชัดเจน เรื่องนี้ต่อให้เป็นนักประมูลชาวจีนเองก็ยังไม่อาจทำได้
หลังจากได้ยินคำพูดของเฮนรี่แล้ว เยี่ยเทียนก็ขยับมือขวา กำลังจะชูหมายเลขที่อยู่บนขาขึ้นไป แต่ยังไม่ทันได้ยกมือกลับถูกเยี่ยตงผิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉุดเอาไว้
เยี่ยเทียนขมวดคิ้วอย่างงงๆ กระซิบถามว่า “พ่อทำอะไรน่ะ ผมกำลังจะประมูลของชิ้นนี้นะ”
“เหลวไหล ฉันหรือจะไม่รู้ว่าแกมาที่นี่ทำไม?”
เยี่ยตงผิงมองลูกชายอย่างอารมณ์เสีย กล่าวว่า “จะซื้อของก็ต้องต่อราคาทั้งนั้น ลูกจะรีบร้อนไปทำไมกัน รอมันจะหลุดประมูลแล้วค่อยยกมือก็ยังไม่สาย!”
เยี่ยตงผิงค้าขายของโบราณมาสิบกว่าปี เคยไปร่วมงานประมูลมานับไม่ถ้วน มีประสบการณ์การรับมือกับนักประมูลอย่างโชกโชน
เยี่ยตงผิงรู้ว่า ตอนเปิดประมูล จะต้องไม่แสดงออกว่ามีท่าทีต้องการต่อสิ่งของชิ้นนั้น ไม่อย่างนั้นนักประมูลจะมีวิธีถลุงเงินออกจากกระเป๋ากางเกงมากขึ้น
เยี่ยเทียนเองก็เป็นคนหัวไว พอพ่อพูดแบบนี้ ก็เข้าใจในทันใด สงบอารมณ์นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ถึงแม้เขาจะไม่ขาดเงินแต่ก็จะไม่ยอมโดนฝรั่งหลอกฟัน
“เยี่ยเทียน?”
ถังเหวินหย่วนที่นั่งด้านซ้ายของเยี่ยเทียน ใช้แขนกระทุ้งเขาเบาๆ ตัวเอกของงานประมูลวันนี้คือเยี่ยเทียน ถังเหวิน หย่วนจึงไม่อยากทำเกินหน้าเกินตา
“รอก่อนครับ…” เยี่ยเทียนส่ายหน้าน้อยๆ ถึงแม้ว่าพลังของเขาจะหายไปจนหมด แต่สภาพจิตกลับมั่นคงขึ้นไม่น้อย ความสามารถในการสงบสติอารมณ์นั้นห่างไกลเกินกว่าคนธรรมดาจะเปรียบเทียบได้
“หกเล่มมูลค่าถึงสามแสนสองหมื่น นี่ค่อนข้างจะแพงไปหรือเปล่า?”
“นั่นน่ะสิ ผลงานของจางต้าเชียนยังขายแค่แปดหมื่นหยวน แค่ตำราไม่กี่เล่มนี้ราคาสูงได้ขนาดนั้นเชียวหรือ?”
หลังจากที่เฮนรี่ประกาศราคาสามแสนสองหมื่นเหรียญฮ่องกงแล้ว ภายในงานประมูลก็เงียบลงครู่หนึ่ง เหล่าคนที่เดิมทีมีความสนใจภาพเขียนหรือตำราโบราณ ต่างฮือฮากันขึ้นมา
ต้องเข้าใจก่อนว่า งานประมูลในปี 2000 นี้ ถึงแม้ตลาดศิลปวัตถุจะเป็นที่นิยมขึ้นในทุกๆ วัน แต่ราคาของวัตถุโบราณประเภทภาพเขียนก็ไม่ได้สูงค่านัก มีตลาดประมูลหลายแห่งเปิดแสดงภาพเขียนอันวิจิตรงดงาม แต่กลับมีราคาเพียงหมื่นหรือแสนเหรียญฮ่องกง
อีกทั้งสมบัติอย่างตำราโบราณชนิดนี้ ยิ่งถูกแยกประเภทออกมาอีก กลุ่มคนที่สะสมมีน้อยมาก สถิติการหลุดประมูลในงานที่ผ่านมาจึงมีสูง
ในงานประมูลทั่วไป จากสภาพตำราโบราณหกเล่มนี้ สามารถเสนอราคาได้ประมาณห้าหมื่นถึงแปดหมื่นเหรียญฮ่องกงเท่านั้น สูงสุดก็ไม่เกินหนึ่งแสน
แต่ราคาประมูลของเฮนรี่กลับสูงถึงสามแสนสามหมื่น สูงกว่าราคาในตลาดทั่วไปหลายต่อหลายเท่า นั่นทำให้ผู้มีความตั้งใจซื้อตำราทั้งหลายเกิดไม่พอใจขึ้นมาทันที
“พวกนายต่างหากที่ไม่เข้าใจ ช่วงนี้ท่านผู้เฒ่าถังกว้านประมูลซื้อสินค้าชนิดนี้อยู่ น่ากลัวว่าคริสตี้คงจะไปแอบได้ยินมานะสิ?”
“ฉันว่าแล้ว มิน่าล่ะถึงโก่งราคาสูง ที่แท้ก็จ้องผู้เฒ่าถังอยู่นั่นเอง?”
“เฮ้อ ผู้เฒ่าถังมีทุกอย่างเพียบพร้อมขนาดนั้น จะมาแย่งของชิ้นนี้กับพวกเราทำไมกัน ของสะสมตำราโบราณไม่ได้กำลังเป็นที่นิยมซะหน่อย”
ช่วงเวลาที่ผ่านมาถังเหวินหย่วนกว้านซื้อตำราโบราณจากตลาดประมูลทั่วทุกทิศ ดึงดูดความสนใจจากผู้คนไม่น้อย ปัจจุบันเมื่อเชื่อมโยงราคาสามแสนสองหมื่นเข้ากับท่านผู้เฒ่าถังแล้ว จึงเริ่มมีคนเข้าใจที่มาที่ไป
ทางฝั่งถังเหวินหย่วนไม่ส่งเสียงใดๆ ส่วนอีกฝั่งที่เป็นผู้ซื้อและมีเจตนาจะซื้อเหล่านั้นก็รังเกียจราคาสูงลิบลิ่ว ดังนั้นหลังจากเฮนรี่เปิดราคาต่ำสุดผ่านไปนาทีกว่า บรรยากาศทั้งงานกลับเย็นชืดลงทันใด
เมื่อเห็นบรรยากาศภายในงานเงียบสงบ ใจของเฮนรี่ก็สั่นไหว สายตาเหลือบมองไปยังถังเหวินหย่วนโดยไม่ตั้งใจ
ผู้คนด้านล่างเวทีคาดเดาไว้ไม่ผิด ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่ถังเหวินหย่วนกว้านซื้อตำราโบราณเหล่านั้น ถึงขั้นมีบางครั้งที่ถูกเสนอราคาออกไปอย่างไร้เหตุผล ของชิ้นละราคาสามแสนห้าหมื่น แต่เขากลับปั่นจนถึงสามล้านห้าแสน
คนที่มีสถานภาพระดับถังเหวินหย่วน แม้เขาจะเข้าร่วมงานประมูลเพียงครั้งเดียว ก็ยังถูกคริสตี้บันทึกเอาไว้ในบัญชีแขกสำคัญ ยิ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาใช้จ่ายแบบไม่ยั้ง จึงถูกเฮนรี่จับตามองไว้แต่แรกแล้ว
ดังนั้นตอนเรียบเรียงและจัดอันดับรายการสินค้า เฮนรี่จึงตัดความความเป็นไปได้ทุกอย่างออก นำตำราทั้งหกเล่มนี้ไว้อยู่หน้าสุด เขาเชื่อมั่นว่าด้วยท่าทีของถังเหวินหย่วนในช่วงนี้ จะต้องสามารถประมูลออกไปในราคาที่สูงลิบลิ่วแน่นอน
เพียงแต่ที่เฮนรี่ไม่ได้คาดคิดไว้ก็คือ ถังเหวินหย่วนที่อยู่ด้านล่างเวทีกลับไม่มีความคิดจะชูหมายเลขขึ้นแม้แต่น้อย
และยิ่งสำหรับคนอื่น ราคานี้ยังไม่อาจทำให้พวกเขาพึงพอใจ ด้วยเหตุนี้แม้แต่เฮนรี่ยังลนลานขึ้นมาเล็กน้อย หนึ่งนาทีผ่านไปเมื่อไม่มีใครเสนอราคา ความเป็นไปได้ที่สินค้าประมูลชิ้นนี้จะหลุดประมูลจึงมีสูงมาก
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีครับ ที่ตำราโบราณหกเล่มมีราคาสูงถึงขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะพวกมันเป็นตำราชุดสุดท้าย ผมสามารถรับประกันได้ว่าบนโลกใบนี้ไม่มีตำราเหมือนกับพวกมันอีกแล้ว ราคาสามแสนสองหมื่นเหรียญฮ่องกงจึงเป็นราคาที่คุ้มค่าจริงๆ!”
แม้ว่าเฮนรี่จะทุ่มเทนำเสนอตำราโบราณหกเล่มนี้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่า คนที่อยู่ด้านล่างเวทีไม่สนใจจะซื้อ กระทั่งถังเหวินหย่วน ยังไม่มีความคิดจะชูหมายเลขขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว
คราวนี้เฮนรี่ชักวิตกกังวลขึ้นมาจริงๆ เวลาผ่านไปถึงสามนาทีแล้ว ถ้าหากยังไม่มีใครชูหมายเลขขึ้นมาล่ะก็ เขาจะต้องประกาศหลุดประมูล และนั่นจะกลายเป็น จุดด่างพร้อยสำหรับประมูลคริสตี้อย่างเขา
“บัดซบ ชาวจีนพวกนี้มันจิ้งจอกเฒ่าชัดๆ!”
แน่นอนว่า เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่เฮนรี่ไม่อาจทนยอมรับได้ สายตาเขามองไปยังร่างของคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงมุมแถวที่สี่ นิ้วก้อยข้างขวาเคาะลงบนโต๊ะประมูลสามครั้งโดยบังเอิญ
“สามแสนสองหมื่นเหรียญ ผมเอา!”
ด้วยท่าทางที่เฮนรี่แสดงออกไปเมื่อครู่ ทำให้ชายผู้นั้นชูหมายเลขในมือขึ้นมา ดึงดูดสายตาผู้คนให้หันไปมองทางเขา
“นั่นใครน่ะ?”
“ไม่เคยเห็นเลย เป็นคนในแผ่นดินใหญ่ละมั้ง?”
“ประมูลของชิ้นนี้ในราคาสามแสนสองหมื่น นึกว่าจะเป็นผู้เฒ่าถังเสียอีก?”
การชูป้ายของผู้ชายคนนั้น กระตุ้นให้เกิดเสียงหัวเราะขบขันภายในงาน หากพูดถึงราคาตลาด ตำราเหล่านี้ไม่ได้มีมูลค่าสูงถึงขนาดนั้น นี่จึงไม่ใช่การแลกเปลี่ยนที่ประสบความสำเร็จราคาเท่าไหร่
“ได้ครับ คุณชายท่านนี้เสนอราคาสามแสนสองหมื่นหยวน ถ้าหากยังไม่มีใครเสนอราคา งั้นตำราหกเล่มนี้จะกลายเป็นของคุณชายท่านนี้แล้วครับ!”
หลังจากที่ชายคนนั้นเสนอราคา สีหน้าของเฮนรี่ที่อยู่บนเวทีก็แสดงความดีใจออกมา แต่หากเป็นคนช่างสังเกต จะสามารถมองเห็นความตื่นตระหนกจากภายในดวงตาของเขา
คนผู้นี้ ความจริงแล้วเป็นหน้าม้าที่เฮนรี่จัดหามา ประโยชน์ของหน้าม้านั้นเดิมทีไว้ใช้เพื่อตะโกนโก่งราคา แต่ว่าเมื่อสินค้าชิ้นนี้ไม่มีใครเริ่มเปิดราคา เฮนรี่จึงต้องพนันกันสักตั้ง
เยี่ยตงผิงเองก็มองจุดนี้ออก จึงกระซิบข้างหูลูกชายว่า “เยี่ยเทียน คนนั้นน่าจะเป็นหน้าม้า”
“พ่อ เอาเถอะครับ ขอให้เขาเป็นหน้าม้า ผมก็ยอมแล้ว!”
เยี่ยเทียนแค่นหัวเราะออกมา ตำราหกเล่มนั้นมีความสำคัญกับเขามากเหลือเกิน ถ้าหากภายในมีเคล็ดวิชาหลอมจิตกลับสู่ความว่างจริงล่ะก็ อย่าว่าแต่สามแสนสองหมื่นเหรียญฮ่องกงเลย ต่อให้เป็นสามสิบล้านสองแสน เยี่ยเทียนก็สามารถควักออกมาจ่ายภายในพริบตาเดียว
ความจริงก่อนหน้านี้เยี่ยเทียนสัมผัสได้ถึงสายตาและการเต้นหัวใจของเฮนรี่ แต่ครั้งนี้เขาเดิมพันไม่ได้จริงๆ ยินยอมจ่ายเงินมากหน่อย เพื่อที่จะได้คว้าของชิ้นนี้เข้ากระเป๋า
“สามแสนสามหมื่นเหรียญฮ่องกง!”
ตอนที่บนเวทีตะโกนว่า “สามแสนสองหมื่นครั้งที่หนึ่ง” เยี่ยเทียนก็ชูหมายเลขขึ้นในที่สุด เขาถือป้ายของซ่งเวยหลัน บนป้ายแสดงหมายเลข 1 อย่างชัดเจน
“ตกลงครับ คุณชายท่านนี้เสนอราคาสามแสนสามหมื่น ดูเหมือนว่ายังมีคนที่รู้ถึงคุณค่าของตำราทั้งหกเล่มนี้ สามแสนสามหมื่นเหรียญฮ่องกง ยังมีใครเสนอราคาอีกไหมครับ?”
เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งชูป้ายขึ้น แต่กลับไม่ใช่ถังเหวินหย่วน เฮนรี่ที่อยู่บนเวทีก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นหมายเลขบนป้ายนั้นแล้ว สายตาของเขายังอดเหลือบไปมองยังซ่งเวยหลันไม่ได้
ถึงแม้จะเตรียมการมาอย่างดีก่อนเริ่มงาน แต่เฮนรี่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ซ่งเวยหลันที่มักเข้าร่วมประมูลในงานการกุศลอย่างเดียวเท่านั้น จู่ๆ ทำไมถึงเข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้
ตอนนี้ในใจเขาพอเข้าใจมาบ้างแล้ว บางทีคงเป็นเพราะเจ้าหนุ่มนี่นั่นเอง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ แววตาของเฮนรี่ก็เปล่งประกายขึ้นมา นิ้วก้อยมือขวาแอบเคาะลงบนมุมโต๊ะประมูลอย่างแผ่วเบาห้าครั้ง
“ผมเสนอสามแสนแปดหมื่นเหรียญฮ่องกง!” คนที่ชูหมายเลขเมื่อครู่นั้น เสนอราคาใหม่ขึ้นมาอีก ทั้งยังเพิ่มถึงห้าหมื่น
ในฐานะนักประมูลที่ประสบความสำเร็จ ไม่ต้องสงสัยว่าความสามารถด้านจิตวิทยาของเฮนรี่นั้นยอดเยี่ยม หลังจากผ่านเหตุการณ์เกือบหลุดประมูลมาแล้ว เขากลับกล้าให้หน้าม้าเพิ่มราคาสูงขึ้นไปอีก
“ห้าแสนเหรียญฮ่องกง” เยี่ยเทียนชูมือ บวกราคาเพิ่มสูงขึ้นไปอีกหนึ่งแสนสองหมื่น เขาไม่ใช่คนค้าขาย เพียงแค่คิดว่าเงินนี้จ่ายไหวเท่านั้น
“คุณชายท่านนี้เสนอราคาห้าแสนเหรียญฮ่องกง สหายเมื่อครู่ยังจะเสนอราคาอีกไหมครับ?”
เฮนรี่รู้ว่าตัวเองพนันได้ถูกต้อง ในใจถึงแม้จะลิงโลด แต่ใบหน้ายังคงนิ่งเฉยไม่เปลี่ยนแปลง นิ้วนางบนมือข้างขวา เคาะลงบนโต๊ะเบาๆ อีกครั้ง
“ผมชอบค้นคว้าวัฒนธรรมลัทธิเต๋า ผมขอเสนอหนึ่งล้าน!” หลังจากได้รหัสลับจากเฮนรี่แล้ว ชายคนนั้นก็เพิ่มราคาขึ้นอีกเท่าตัว ความจริงคำพูดของเขา ล้วนถูกเตรียมการเอาไว้ก่อนหมดแล้ว
“ให้ตายสิ จะหลอกฟันกันจริงๆ หรือไง?”
หลังจากเห็นท่าทีของคนนั้นแล้ว เยี่ยเทียนก็ออกจะโมโหขึ้นมา คนอื่นมองการกระทำของเฮนรี่ไม่ออก แต่ภายใต้ความสามารถการอ่านใจของเขา การขยับนิ้วมือขวาเล็กน้อยของเฮนรี่ ไม่ได้หลุดรอดจากสายตาของเยี่ยเทียนเลย
คราวนี้เยี่ยเทียนจึงไม่ชูป้ายอีก แต่หัวเราะขึ้นมา มองไปยังเฮนรี่บนเวทีแล้วกล่าวว่า “คุณเฮนรี่ ถ้าหากผมไม่เสนอราคาต่อ ไม่รู้ว่าจะมีใครเช็คบิลเพื่อของชิ้นนี้ในราคาหนึ่งล้าน?”
“คุณผู้ชายครับ ถ้าหากคุณไม่เสนอราคาแล้ว แน่นอนว่าของประมูลชิ้นนี้จะกลายเป็นของคุณชายท่านนั้น” หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน เฮนรี่ก็ตกใจจนเหงื่อซึมไปทั้งร่าง
………………………………………….