“พวกเจ้า…ได้เข้าไปในสถานที่บางแห่งและพบว่าตัวเองชื่อติงจื่อเฉินหรือไม่?” หลิงฮันถาม
“อืม!” สตรีศักดิ์สิทธฺ์แห่งวิหคอมตะพยักหน้าเป็นคนแรก
เมื่อเห็นเช่นนั้นทุกคนก็ตกตะลึง ก่อนที่จะพยักหน้าตาม
มันกลับกลายเป็นว่าพวกเขาทุกคนได้รับประสบการณ์ไม่ต่างกัน และเข้าไปอยู่ในร่างของชายหนุ่มที่ชื่อติงจื่อเฉิน ส่วนผลการประลองก็ได้รับความพ่ายแพ้อย่างน่าเศร้าเหมือนกันทุกคน
แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นไม่ใช่ความฝัน มิฉะนั้นมันคงไม่มีทางเหมือนจริงขนาดนั้น และเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาทุกคนจะฝันเหมือนกัน
“เป็นเพราะหมอกนี่!”
ทุกคนจ้องมองไปที่หมอกหนาทึบที่กระจายไปทั่ว มันจะต้องเป็นหมอกนี้อย่างแน่นอนที่ทำให้เกิดเรื่องพวกนั้นขึ้น แต่ปัญหาคือในหมู่พวกเขาเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราและมีจอมยุทธระดับดารา แต่พวกเขากลับได้รับผลกระทบพร้อมกันโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังอยู่บนเกวียนที่เป็นพาหนะระดับเซียนและมีม่านพลังป้องกัน
หรือว่าหมอกนี่จะเทียบได้กับพลังของจอมยุทธระดับเซียน?
ทุกคนขมวดคิ้วและมองหน้ากัน
“ถ้างั้นควรมุ่งหน้าต่อดีหรือไม่?”
นี่คือสิ่งที่พวกเขาลังเลอยู่ในใจ กระทั่งฉือหวงเองก็รู้สึกไม่มั่นใจเช่นกัน
เดิมทีเขาสรุปเอาตัดสินใจเอาไว้ว่าตราบใดที่ไม่มีจอมยุทธระดับเซียนอยู่ที่นี่ พาหนะของเขาก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาปลอดภัยระหว่างเดินทาง แต่มันกลับกลายเป็นว่าหมอกนี้สามารถเข้าครอบงำจิตใจของพวกเขาได้และพาเข้าสู่โลกแห่งความฝัน
ถึงจะไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้น แต่ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าหนทางข้างหน้าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น?
อัจฉริยะอย่างพวกเขาตราบใดที่ไม่ตายไปเสียก่อน อนาคตของพวกเขาก็จะไร้ขีดจำกัด แต่พวกเขาก็ไม่ควรเอาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยงที่นี่
“ข้าอยากเห็นความฝันนั้นอีกครั้ง” หลิงฮันกล่าว
“ข้าด้วย” อู๋เมี่ยนกล่าวต่อ
จากนั้นหลายคนก็เริ่มพยักหน้าเห็นด้วย ในฐานะที่พวกเขาเป็นอัจฉริยะระดับราชา ด้วยความเพียรพยายามและความอยากรู้อยากเห็น หมอกปริศนานี้ได้ดึงดูดความสนใจพวกเขาเป็นอย่างมาก
“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้างั้นมุ่งหน้าต่อ!” ฉือหวงหัวเราะและขับเกวียนมุ่งหน้าต่อ
เบื้องหน้าพวกเขายังคงเป็นหมอกหนาทึบ โดยไม่สามารถมองเห็นอะไรทั้งสิ้นนอกจากหมอก แต่ทันใดนั้นเองด้านหน้าพวกเขาก็กลายเป็นลานกว้างฝึกยุทธอย่างกะทันหัน
กลับมาอีกครั้ง?
หลิงฮันใช้สัมผัสสวรรค์หาหอคอยทมิฬในร่างกาย แต่กลับไม่มีอยู่ นั่นหมายความว่าเข้าสู่โลกแห่งความฝันจริงๆ
เขากลายเป็นติงจื่อเฉินอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าจะเติบโตขึ้นเล็กน้อย น่าจะซักหนึ่งปี แต่ความก้าวหน้าของเขากลับไม่ก้าวหน้าขึ้นเลย และยังคงอยู่ระดับภูผาวรีขั้นต้น แต่เมื่อจ้องมองคนอื่นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว พวกเขาไม่เพียงแค่สูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีความก้าวหน้าอย่างน้อยหนึ่งขั้นย่อยหรือหนึ่งขั้นใหญ่
แต่เรื่องที่น่าตกตะลึงที่สุดคือติงเหยาหลง จากระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงกลายเป็นระดับภูผาวารีขั้นสูงแล้ว เขาทะลวงผ่านสองขั้น!
อายุสิบเอ็ดปี แต่ก็ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูง มันเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก
ติงเหยาหลงจะต้องกลายเป็นความหวังที่เจิดจรัสของตระกูลติงอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนติงจื่อเฉินก็เป็นได้แค่ตัวตลกของตระกูล
“เจ้าหมอนั่น ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้นำตระกูลติงและเสียทรัพยากรบ่มเพาะพลังไปจำนวนมากเพื่อให้ทะลวงผ่านระดับภูผาวารี มันคงไม่มีทางทะลวงผ่านระดับนี้ได้ในชีวิตนี้ของเขา”
“ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตอนมันเกิดมาถึงมีพลังแค่ระดับห้วงจิตวิญญาณ ว่ากันว่ามีเพียงแค่สามัญชนเท่านั้นที่จะอยู่ในระดับนี้”
“ข้าสงสัยยิ่งนักว่าเขาเป็นคนตระกูลติงของพวกเราจริงหรือไม่”
หลายคนสงสัยและกล่าวเหยียดยาม ถึงแม้จะเป็นคนตระกูลเดียวกันก็ตาม
ในตอนท้าย ฉากที่หลิงฮันเห็นคือเบื้องหน้ากลายเป็นทุ่งดอกไม้และเขาก็กลับสู่โลกแห่งความจริง
ทุกคนตื่นขึ้นมาพร้อมกันอีกครั้งและเผยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
ในความฝัน พวกเขาคือติงจื่อเฉิน ในเมื่อติงจื่อเฉินได้รับความอับอาย มันก็เหมือนพวกเขาได้รับความอับอายไปด้วย
“หรือว่าสถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยติงจื่อเฉิน?”
“ในความฝัน เขาเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีเท่านั้น แต่หมอกนี้สามารถส่งผลกระทบต่อม่านพลังพาหนะนี้ได้ นั่นหมายความว่าเขาจะต้องเป็นจอมยุทธระดับเซียน”
“แต่ในตอนท้ายเขาอาจแข็งแกร่งขึ้นเพื่อลบคำสบประมาทในอดีต!”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
หลิงฮันคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “พวกเจ้าเห็นติงเหยาหลงหรือไม่ เพียงแค่หนึ่งปี เขาก็ทะลวงผ่านสองขั้น!”
ทุกคนพยักหน้า ในฐานะที่ทุกคนเป็นอัจฉริยะ พวกเขารู้เรื่องพวกนั้นดี แต่มันต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการทะลวงผ่านขั้นเล็ก?
แม้ว่าจะเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารี แต่ก็น่าจะใช้เวลาหลายสิบปี!
นอกจากเขาจะมีต้นสังสารวัฎเหมือนหลิงฮันที่ทำให้ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสมบัติของดินแดนแห่งเซียน
“ตระกูลติงเป็นตระกูลอะไรกันแน่?” หลายคนสงสัย ไม่ได้มีแค่ติงเหยาหลงเท่านั้นที่มีความก้าวหน้า คนอื่นๆในความฝันที่พวกเขาเห็นเองก็มีความก้าวหน้าที่รวดเร็วเช่นกัน
หลิงฮันรู้สึกนึกอะไรขึ้นมาได้ หรือว่า…ติงจื่อเฉินจะเป็นคนจากดินแดนแห่งเซียน?
ถ้าเป็นเช่นนั้น ความก้าวหน้าที่รวดเร็วของรุ่นเยาว์ตระกูลติงก็จะมีเหตุผลขึ้นมาทันที นั่นเป็นเพราะพวกเขาอยู่บนดินแดนแห่งเซียน
“ลองอีกครั้ง!”
ตอนนี้ทุกคนรู้สึกสงสัยมากขึ้น และต้องการไขความลับนี้
เกวียนยังคงเดินหน้าต่อไป และพวกเขาก็เข้าสู่ความฝันอีกครั้ง โดยไม่ทันตั้งตัว
ครั้งนี้เวลาในความฝันผ่านไปอีกหนึ่งปี และเป็นการประลองของตระกูลติง แต่ติงจื่อเฉินยังคงเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นเหมือนเดิม ในความเป็นจริงถ้าเขาอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เหตุการณ์แบบนี้อาจเป็นเรื่องปกติ โดยทั่วไปแล้วมันต้องใช้เวลาหลายร้อยปีในการทะลวงผ่านขั้นเล็กๆ เวลาหนึ่งปีจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรได้?
แต่สำหรับครอบครัวตระกูลติง เพียงแค่เวลาหนึ่งปี ทุกคนกลับมีความก้าวหน้าที่รวดเร็วมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งติงเหยาหลง ตอนนี้เขากลายเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดแล้ว
ในการประลองครั้งนี้ ติงเหยาหลงไม่เพียงแค่เป็นอันดับสิบเท่านั้น แต่ยังเป็นดวงดาวที่เปล่งประกาย ทั้งที่เป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด แต่ก็สามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามที่เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นได้ในการประลองรอบสุดท้าย
หลิงฮันรู้ว่าติงเหยาหลงต้องการทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์แล้วอย่างแน่นอน มิฉะนั้นเขาคงไม่มีทางเอาชนะจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นสูงได้!
ถ้าเป็นข้าสามารถทำได้หรือไม่?
หลิงฮันคิดกับตัวเอง มีเพียงแค่กายหยาบเท่านั้นที่เขาเหนือกว่าอีกฝ่าย แต่ถ้าเป็นการเอาชนะอีกฝ่ายโดยตรงเหมือนติงเหยาหลงนั้น…มันเป็นไปไม่ได้เลย!
ติงเหยาหลงจะต้องเชี่ยวชาญทักษะลับบางอย่างแน่นอน
มันจะต้องเป็นเช่นนั้น!
ถ้าปล่อยหมัดออกไป พลังโจมตีจะลดลงตามเวลา จนในที่สุดก็กลายเป็นหมัดธรรมดา และติงเหยาหลิงสามารถเร่งกระบวนการนี้ได้เร็วขึ้นเป็นร้อยเท่าหรือพันเท่า
ดังนั้น เมื่อฝ่ายตรงข้ามโจมตีเขา หมัดของฝ่ายตรงข้ามก็จะไร้พลังเมื่อโจมตีเขา
หรือว่าจะเป็นการควบคุมเวลา?
หลิงฮันนึกขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน เวลาคือพลังที่ลึกลับที่สุด ถ้าสามารถควบคุมเวลาได้ เช่นนั้นก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าพลังต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นกี่เท่า!
นี่หรือว่า…ความหมายของความฝันนี้คือพวกเขาสามารถควบคุมเวลาได้?
ผลลัพธ์ของการประลองของติงจื่อเฉินไม่อาจเทียบกับติงเหยาหลงได้เลย เขาเป็นอันดับสุดท้ายอย่างน่าอดสู
เมื่อความฝันจบลง ทุกคนก็ตื่นขึ้นพร้อมกัน บางคนยังคงรู้สึกตกตะลึง แต่แววตาของเป่ยหวงกับฉือหวงกลับเปล่งประกาย พวกเขาได้ค้นพบความลับที่น่าสะพรึงกลัวของติงเหยาหลงเหมือนกับหลิงฮัน
ลองอีกครั้ง!