บทที่ 678 น่ารักเกินไปแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 678 น่ารักเกินไปแล้ว

ในขณะที่ไม่มีใครรู้ โจวเฉวี่ยนก็เอาทะเบียนบ้านตัวเองออกมา และบอกให้เหอเหมียนเหมียนไปเอาทะเบียนบ้านของหล่อนมาด้วย จากนั้นทั้งสองจึงแอบไปจดทะเบียนสมรสด้วยกัน

อย่าให้พูดเลยว่าเหอเหมียนเหมียนจะดีใจขนาดไหนที่ได้ทะเบียนสมรส “ฉันไม่สน ฉันจะเป็นคนเก็บทะเบียนสมรสเองค่ะ!”

“อื้ม” โจวเฉวี่ยนขับรถด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่นัยน์ตานั้นฉายแววยิ้ม

เมื่อได้ทะเบียนสมรสมาแล้ว ทั้งคู่ก็ถือว่าเป็นสามีภรรยาที่กฎหมายรับรอง แม้จะยังไม่จัดงานแต่งอย่างเป็นทางการ แต่ก็เคยจัดงานหมั้น เป็นคู่ที่ครอบครัวและเพื่อนฝูงยอมรับ

แม้จะเป็นแบบนั้น คุณแม่เหอก็อดว่าลูกสาวไม่ได้ “ทำไมแม่เห็นว่าช่วงนี้ลูกตัวติดกับโจวเฉวี่ยนนักล่ะ?”

“เขาเป็นคู่หมั้นหนูนี่คะ หนูตัวติดเขาแล้วยังไง?” เหอเหมียนเหมียนเอ่ย

แต่ความจริงคือ สองสามีภรรยาที่เพิ่งได้ลิ้มรสสวาท ย่อมทั้งหวานแหววทั้งเหนียวแน่นอยู่แล้ว

“ถึงจะหมั้นกันแล้ว แต่ลูกก็ต้องระวังตัวหน่อย วัน ๆ ไม่อยู่บ้านเลย มันดูไม่ดี” คุณแม่เหอว่า

“หนูโตขนาดนี้แล้วนะคะ แม่เลิกว่าหนูได้แล้ว” เหอเหมียนเหมียนบอก

“แม่ขี้เกียจว่าลูกจะตายไป แต่เรื่องที่ควรระวังก็ต้องระวังด้วย อย่าไปเอาอย่างพวกเพื่อน ๆ ลูกเข้าใจไหม ทำตัวไม่ดีเลยสักคน ถ้าเป็นยุคสมัยก่อนนะ……”

“หนูรู้ ถ้าเป็นสมัยก่อนยุคแม่ต้องโดนว่ากล่าวตักเตือนใช่ไหมคะ” เหอเหมียนเหมียนเสริมให้แม่ของหล่อน

ตอนนี้สังคมเป็นแบบไหนแล้ว หล่อนเองก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีนี่ ทำกับคู่หมั้นตัวเองแล้วอย่างไร? คู่หมั้นหล่อนนิสัยอย่างไรน่ะเหรอ แม้จะหน้าตาหล่อเหลาสุด ๆ แต่ก็เป็นคนหัวโบราณและจริงจังแน่วแน่มาก

เขาทำให้เหอเหมียนเหมียนรู้สึกปลอดภัยมั่นคงสุด ๆ หล่อนรู้ว่าตราบใดที่ชีวิตนี้ไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายโจวเฉวี่ยน โจวเฉวี่ยนก็จะตั้งใจทำดีกับหล่อนไปทั้งชีวิต ทำให้หล่อนมีความสุขไปทั้งชีวิต

อย่างเช่นครั้งนี้ที่เขากับหล่อนชิงสุกก่อนห่าม แต่วันรุ่งขึ้นเขาก็พาหล่อนไปจดทะเบียนสมรสกันเงียบ ๆ ทันที

จริง ๆ เลยนะ แค่คิดเหอเหมียนเหมียนก็รู้สึกว่าเขาน่ารักเหลือเกิน น่าเอ็นดูที่สุด

ผู้ชายที่หล่อนชอบนี่ไม่เหมือนใครจริง ๆ

คุณแม่เหอก็ไม่รู้ว่าลูกสาวจะใจกล้าขนาดนี้ ที่ต้องเตือนก็เตือนไปแล้ว จะให้พูดอีกอะไรอีกล่ะ?

พริบตาเดียวก็เป็นคืนสิ้นปี

หลายวันมานี้โจวเฉวี่ยนไปเยี่ยมเยียนญาติสนิทมิตรสหายกับคุณพ่อเหอตลอด และอยู่รับแขกที่บ้านเหอ แต่คืนสิ้นปีและวันปีใหม่ เขาตั้งใจจะไปฉลองที่บ้านโจว

เหอเหมียนเหมียนในฐานะคู่หมั้นของเขาต้องตามมาด้วยอยู่แล้ว

คืนสิ้นปีของปีนี้จึงคึกคักมาก ท่านพ่อโจวท่านแม่โจวและเฒ่าหวังถูกรับมาที่เรือนสี่ประสานทั้งหมดเพื่อมากินข้าวในคืนสิ้นปีกันที่นี่

ต้องตั้งโต๊ะใหญ่ถึงสองตัวถึงนั่งพอดีอย่างเฉียดฉิวเลยทีเดียว

ในทีวีกำลังฉายรายการเกี่ยวกับงานเลี้ยงเทศกาลตรุษจีน บนโต๊ะมีมื้ออาหารในคืนสิ้นปีอันโอชะและร้อนกรุ่น

เด็ก ๆ ดื่มน้ำอัดลม ผู้หญิงดื่มไวน์ ส่วนผู้ชายดื่มเหล้าขาว

หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋แจกอั่งเปาไปไม่น้อย ท่านพ่อโจวท่านแม่โจวและเฒ่าหวังก็โดนพวกเด็ก ๆ รุมล้อมขออั่งเปา

คืนสิ้นปีของปี 1988 จึงคึกคักเป็นพิเศษ

และเป็นคืนสิ้นปีนี้ ที่โจวชิงไป๋ลุกไปเข้าห้องน้ำกลางดึก และตอนกลับเข้ามาได้มาพูดกับหลินชิงเหอว่าทำตัวไม่ดีเลย

“เกิดอะไรขึ้นคะ?” หลินชิงเหอเพิ่งตรวจบัญชีของปีนี้เสร็จ กำลังจะเก็บแล้วฉลองปีใหม่ดี ๆ ก็ได้ยินเขาพูดแบบนี้ จึงถามขึ้น

“เจ้ารองแอบย่องออกจากห้องภรรยาเขา” โจวชิงไป๋บอก

หลินชิงเหอดูเวลา นี่จะเที่ยงคืนแล้วนะ ปีนี้บัญชีเดินสะพัดเยอะมาก พวกเขาสองสามีภรรยาตรวจถึงป่านนี้เพิ่งเสร็จ

เนื่องจากช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง จึงต้องวุ่นวายตรวจจนถึงเวลากลางคืน พอถึงกลางดึกจึงได้เสร็จสิ้น

คิดไม่ถึงว่าจะจับเรื่องนี้ได้?

หลินชิงเหออึ้งไปเช่นกัน ก่อนจะกระแอมแล้วตอบกลับ “หมั้นก็หมั้นไปแล้ว โต ๆ กันขนาดนี้แล้ว อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลยค่ะ”

พวกเขาโตกันขนาดนี้แล้ว ถ้าจะบอกว่าป่านนี้เพิ่งกลับแล้วไม่ได้ทำอะไรเลย เธอไม่เชื่อหรอก

แต่เธอจะว่าอะไรได้ อย่างไรเสียถ้าจะเกิดเรื่องก็คงเกิดไปแล้ว โชคดีที่สองคนนั้นหมั้นกันไว้ก่อน

โจวชิงไป๋ไม่ได้จะยุ่งอะไรเช่นกัน แค่ไม่ชอบใจเท่านั้น หลังจากเขาจัดการตัวเองเสร็จแล้วก็ไปนอนกับภรรยา

วันรุ่งขึ้นก็เป็นวันแรกของปีใหม่

หลังจากแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อย ทั้งบ้านก็มาสวัสดีปีใหม่ที่บ้านท่านพ่อโจวท่านแม่โจวและเฒ่าหวัง

หลังจากสวัสดีปีใหม่แล้ว โจวข่ายก็พาเวิงเหม่ยเจี่ยไปเดินห้างสรรพสินค้า ถึงจะเป็นปีใหม่ แต่ห้างก็ยังเปิด พวกเขามาดูว่ามีอะไรที่ต้องซื้อหรือไม่

นอกจากนั้นยังไปที่ร้านทอง คนฝั่งร้านทองก็ไม่น้อย แต่โจวข่ายก็ยังเบียดเข้าไปเพื่อซื้อสร้อยทองสองเส้นมาได้

เขามอบให้เวิงเหม่ยเจี่ยทั้งหมด เวิงเหม่ยเจี่ยยิ้มและมองแรงใส่เขา “ฉันมีเครื่องประดับตั้งเยอะแล้วนะคะ”

“เยอะก็เยอะเถอะ ให้คุณหมดเลย คุณเก็บไว้นะ” โจวข่ายกล่าว

ตอนแต่งงานเขายังไม่ได้ซื้ออะไรให้หล่อนเลย แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ได้มีเงินมาก เพราะเงินของเขาอยู่กับภรรยาหมด แต่ยังมีเจ้าสามอยู่ที่นี่และลงทุนร่วมกับพี่เขยกับแม่ของพวกเขาเปิดร้านไวน์ขึ้นมาร้านหนึ่ง ช่วงปีใหม่นี่ถึงได้เงินมาก้อนหนึ่ง

ซึ่งเงินจำนวนนี้ที่เขาไปไถมาจากเจ้าสามก็ซื้อสร้อยทองให้ภรรยาเขาได้สองเส้นพอดี

เวิงเหม่ยเจี่ยยิ้มและรับไว้ สองสามีภรรยาเดินเล่นไปเรื่อย ๆ จนถึงบ้าน

กลับมาถึงก็เห็นคู่เจ้ารองและเหอเหมียนเหมียน รวมถึงหู่จือและเฉินซานซานกำลังนั่งดื่มชาดูทีวีกันอยู่

“กลับมาแล้วสินะครับ” หู่จือหัวเราะ

โจวข่ายและเวิงเหม่ยเจี่ยถอดผ้าพันคอและนำไปแขวนไว้ จากนั้นโจวข่ายก็เอ่ยยิ้ม ๆ “หู่จือขอให้ปีนี้ร่ำรวย ๆ นะ”

หู่จือกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม ส่วนเรื่องร่ำรวยหรือไม่นั้นไม่ขอพูด แค่มีชีวิตที่สงบสุขได้ก็พอแล้ว แน่นอนว่าเขาเองก็หาเงินได้ เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย

หนุ่มสาวสามคู่นั่งดื่มชาและคุยกัน ไม่นานนักคนอื่น ๆ ก็พากันกลับมา

หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋พาสาวน้อยมี่มี่กลับมาถึงบ้าน ทันทีที่เด็กหญิงกลับมาถึง เธอก็ควักอั่งเปาออกมา

“โอ้โห มี่มี่รวยแล้ว” เหอเหมียนเหมียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“อั่งเปาซองใหญ่ทั้งนั้นเลย” สาวน้อยมี่มี่คลี่ยิ้มหวาน เธอจำได้ว่าต้องเรียกคนคนนี้ว่าพี่สะใภ้รอง ซึ่งหล่อนให้อั่งเปาซองใหญ่กับเธอเหมือนกัน

ปีนี้ได้รับอั่งเปาเยอะจริง ๆ สาวน้อยคนนี้ไม่ปฏิเสธใครทั้งนั้น คนอื่นให้มาเธอก็รับไว้ ไม่ให้เธอก็ไม่ขอ

แต่หลินชิงเหอกำชับไว้ว่า ใครให้อั่งเปามาต้องบอก ไม่บอกไม่ได้

เพราะต้องให้คืน จะรับอย่างเดียวไม่ให้ใครเลยก็ไม่ได้

สาวน้อยมี่มี่จึงเก็บอั่งเปาไว้ ก่อนจะเอาซองทั้งหมดกลับไปที่ห้องพ่อแม่ ที่นั่นมีตู้ใบเล็กใบหนึ่งที่เป็นของเธอสำหรับเอาไว้เก็บของของเธอโดยเฉพาะ ซึ่งเธอก็เก็บอั่งเปาไว้ในนั้น สะสมได้จำนวนหนึ่งเลยล่ะ

“น่ารักเกินไปแล้ว เห็นแล้วฉันอยากมีลูกเลย” เหอเหมียนเหมียนมองท่าวิ่งต้วมเตี้ยมของสาวน้อยมี่มี่แล้วเอ่ยขึ้น

เพียงประโยคนั้นประโยคเดียว หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ก็สบตากัน อื้ม ไม่พลาด สองคนนี้ต้องเข้าห้องหอกันล่วงหน้าแล้วแน่ ๆ

ส่วนโจวเฉวี่ยนเห็นท่าทางแบบนั้นของพ่อแม่เขาแล้วก็เกาจมูก ออกอาการกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

เมื่อคืนนี้พ่อเขากลับไปบอกกับแม่เขาจริง ๆ ด้วย!

………………………