บทที่ 1959 ใจคนเปลี่ยนไป

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

“เร็ว ไปเสริมกําลังให้ท่านราชันมังกร!” ผู้อมตะของวังสวรรค์ไม่สามารถนิ่งเฉยอีกต่อไป

ราชันมังกรและฟงจิวเก้อเป็นสองเสาหลักของวังสวรรค์ หากราชันมังกรแพ้ สถานการณ์จะเลวร้ายมาก

“ปัง!”

ฟางหยวนเตะมือของราชันมังกร

ช่องว่างเปิดออก ฟางหยวนฉวยโอกาสคว้าเส้นผมสีม่วงของราชันมังกรด้วยมือซ้าย จากนั้นก็ใช้หมัดขวาต่อยใบหน้าของราชันมังกร

“ปัง!”

ราชันมังกรลอยกลับหลังราวกับกระสุนปืนใหญ่

ต่อมาเขาตะโกนด้วยความสิ้นหวัง “ดูดกลืนพลังปราณทั้งสาม!”

พลังปราณพุ่งเข้าสู่ร่างของราชันมังกรอีกครั้งและทําให้เขาแข็งแกร่งขึ้น

“ปัง ปัง ปัง ปัง!”

แต่ฟางหยวนยังระดมหมัดต่อยราชันมังกรอย่างต่อเนื่อง

มากกว่าหนึ่งล้านปีมาแล้ว เมื่อเทพอมตะบัวสวรรค์กลายเป็นผู้อมตะระดับเก้า เขาท่องเที่ยวไปทั่วโลกโดยใช้ตัวตนปลอม

วันหนึ่ง เขามาถึงหมู่บ้านยากจนแห่งหนึ่งในโอเอซิสของทะเลทรายตะวันตก

เขาช่วยชาวบ้านแก้ปัญหาบางอย่างและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพวกเขา

เด็กคนหนึ่งเห็นความหวังในชีวิตและคุกเข่าลงกราบเทพอมตะบัวสวรรค์

“นายท่านผู้ใช้วิญญาณ ข้าขอร้อง!” เด็กน้อยที่คุกเข่าอยู่บนพื้นคว้าชายเสื้อของเทพอมตะบัวสวรรค์และวิงวอนด้วยน้ําตา

“เด็กน้อย ลุกขึ้นเถอะ หากข้าช่วยได้ ข้าจะช่วยอย่างแน่นอน เทพอมตะบัวสวรรค์ยิ้ม

เด็กน้อยเงยหน้าขึ้น “ท่านช่วยได้อย่างแน่นอน โปรดชุบชีวิตท่านแม่ของข้าด้วย นางเป็นคนสําคัญที่สุดของข้าและเป็นคนที่รักข้ามากที่สุดบนโลกใบนี้ ท่านพ่อของข้าทิ้งพวกเราไปนานแล้ว ข้าสามารถเติบโตขึ้นมาได้เพราะการทํางานหนักของท่านแม่”

“ท่านแม่ของข้าเสียชีวิตด้วยความเหนื่อยล้า แม้ท่านแม่จะนอนอยู่บนเตียงแต่นางยังแบ่งขนมครึ่งหนึ่งของนางให้ข้า นายท่านโปรดนําท่านแม่ของข้ากลับมาด้วย!”

“ข้าไม่สามารถอยู่ได้หากไม่มีท่านแม่!”

“ข้าขอร้องนายท่านผู้ใช้วิญญาณ ท่านสามารถขุดบ่อน้ําลึกและหาตําแหน่งของแหล่งน้ําได้อย่างแม่นยํา ท่านย่อมสามารถชุบชีวิตท่านแม่ของข้าได้อย่างแน่นอน!”

เทพอมตะบัวสวรรค์เงียบ

เด็กน้อยไร้เดียงสามาก เขาไม่รู้ว่าการชุบชีวิตคนตายยากกว่าการขุดบ่อน้ํา แต่เทพอมตะบัวสวรรค์เป็นผู้อมตะระดับเก้า สิ่งที่เป็นไปไม่ได้สําหรับคนทั่วไปเป็นไปได้สําหรับเขา

แต่เขาไม่ทํา!

เขาเป็นเทพอมตะ เขาเป็นเทพอมตะของวังสวรรค์!

ดังนั้นเทพอมตะบัวสวรรค์จึงลูบศีรษะเด็กน้อยและถอนหายใจ “นั่นเป็นไปไม่ได้ ทุกคนเกิดมาล้วนต้องตาย การตายของมารดาเจ้าเป็นเพียงการเดินไปถึงจุดหมายสุดท้ายของชีวิต ปล่อยวาง ร่าเริง ใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญและมีความสุข ข้าเชื่อว่าแม่ของเจ้าต้องการให้เจ้าใช้ชีวิตเช่นนั้น”

“ไม่!” เด็กน้อยส่ายศีรษะ “ข้าต้องการท่านแม่!”

เทพอมตะบัวสวรรค์ส่ายศีรษะและถอนหายใจอีกครั้ง “ข้าไม่สามารถชุบชีวิตแม่ของเจ้า”

“ท่านทําได้แต่ท่านไม่ทํา!” เด็กน้อยตะโกนด้วยความโกรธ

เทพอมตะบัวสวรรค์ส่ายศีรษะและไม่กล่าวสิ่งใดอีก

เด็กน้อยชี้นิ้วไปที่เทพอมตะบัวสวรรค์ “ข้าเกลียดท่าน! เห็นได้ชัดว่าท่านสามารถชุบชีวิตท่านแม่ของข้า แต่ท่านไม่ทํา ท่านไม่ต้องการช่วยข้า! ท่านช่างเลือดเย็น ท่านช่างโหดร้ายนัก ท่านไม่มีแม่งั้นหรือ? หากเป็นแม่ของท่าน ท่านจะยังนิ่งเฉยได้หรือไม่?

เทพอมตะบัวสวรรค์เงียบก่อนกล่าวต่อ “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ยังจะทําเช่นนี้ ทุกคนต้องยอมรับความตาย ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ใดหรือมีเหตุผลใดก็ตาม นี่คือการจัดเตรียมของโชคชะตา!”

“โชคชะตาของเจ้าไปลงนรกซะ!” เด็กน้อยกรีดร้อง “ข้าไม่สนใจโชคชะตาของเจ้า ข้าต้องการท่านแม่ ข้าต้องการให้ท่านแม่ของข้ากลับมา!”

ชาวบ้านเร่งเข้ามาหยุดเด็กน้อยและขอโทษเทพอมตะบัวสวรรค์ซ้ําแล้วซ้ําอีก

เทพอมตะบัวสวรรค์โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ

ขณะที่เขามองดูชาวบ้านพยายามหยุดเด็กที่กําลังบ้าคลั่ง ร่างกายของเขาพลันสั่นสะท้านขึ้นอย่างกะทันหัน
เขาตระหนักถึงบางสิ่ง

มันเป็นเหตุผลที่เขารู้สึกไม่สบายใจมาตลอดในช่วงเวลาที่เขาท่องเที่ยวไปทั่วโลก

ใจคนเปลี่ยนไปแล้ว!

เมื่อมนุษย์กลายเป็นผู้ปกครองโลก ความปรารถนาของพวกเขาไม่ใช่การดํารงเผ่าพันธุ์หรือกําหราบเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์อีกต่อไป พวกเขาต้องการมากกว่านั้น

เทพอมตะบัวสวรรค์มองเด็กน้อยด้วยความรุนงงก่อนจะตระหนักว่ามนุษย์ในยุคปัจจุบันเหมือน เด็กน้อยที่กําลังดิ้นรนผู้นี้ เขาต้องการหลบหนีจากชะตากรรม แต่ความปรารถนาของเด็กน้อยเป็นไปไม่ได้จริงๆงั้นหรือ? การฟื้นคืนชีพของคนตายเป็นไปได้หรือไม่?

เทพอมตะบัวสวรรค์ตระหนักอย่างชัดเจนว่ามันเป็นไปได้ แต่…เขาไม่ทํา!

มันเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เกิดขึ้น

แต่ไม่ได้รับอนุญาตหมายความว่าจะไม่มีผู้ใดทํางั้นหรือ?

เทพอมตะบัวสวรรค์รู้สึกท้อแท้และลังเล ความรู้สึกไร้อํานาจกลืนกินหัวใจของเขา แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเก้า แต่เขาก็เป็นเพียงตัวตนอันดับหนึ่งในยุคของเขาเท่านั้น

เขาสามารถหยุดผู้คนไม่ให้ทําสิ่งนี้ด้วยกําลังของเขา แต่หลังจากเขาเสียชีวิต มันจะเป็นอย่างไร?

แม้เขาจะทุ่มเททุกสิ่งและสามารถหยุดผู้คนจากความพยายามที่จะชุบชีวิตคนตาย แต่เขาจะสามารถหยุดความคิดของผู้คนได้อย่างไร?

เขาจะหยุดความปรารถนาในหัวใจของมนุษย์ได้อย่างไร?

เขาไม่สามารถหยุดมัน!

ราชันมังกรถูกฟางหยวนทุบตีอย่างไม่หยุดยั้ง

รูปลักษณ์ของราชันมังกรเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง หน้าอกของเขายุบลงไป เกล็ดมังกรกระจัดกระจายไปทั่ว กลิ่นอายของเขาอ่อนแอลงเรื่อยๆ

“ดูดกลืนพลังปราณทั้งสาม!” ราชันมังกรตะโกนอีกครั้ง อาการบาดเจ็บของเขาฟื้นฟูขึ้นทันที

“ปัง ปัง ปัง ปัง!”

แต่ฟางหยวนยังทุกที่เขาไม่หยุด

ใบหน้าของราชันมังกรกลายเป็นบิดเบี้ยว เส้นผมยุ่งเหยิง ในไม่ช้ากระดูกของเขาก็แตกหักเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว

ราชันมังกรไม่ถอย เขาดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง “ดูดกลืนพลังปราณทั้งสาม!”

เขาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง

เทพปีศาจคลั่งตะโกนเสียงดัง “ทุบเขา ตีเขา ต่อยเขา บุบเขาให้แห้ง! ข้าอยากเห็นวังสวรรค์สูญเสียมากกว่านี้!”

แต่ฟางหยวนไม่ตอบสนองความต้องการของเทพปีศาจคลั่ง เขาคํานวณความแข็งแกร่งที่เหลืออยู่ของท่าไม้ตายอมตะการเปลี่ยนแปลงเสรีของเทพปีศาจคลั่งอย่างใจเย็นและใช้มันอย่างเหมาะสม

ในความเป็นจริงความแข็งแกร่งของฟางหยวนค่อยๆลดลงเรื่อยๆ

“ปัง!”

หมัดขวาของฟางหยวนปะทะใบหน้าของราชันมังกรและทําให้ฝ่ายหลังหมดสติทันที

ราชันมังกรพุ่งผ่านอากาศราวกับดาวตกก่อนจะตกลงบนพื้นอย่างแรง

เขานอนอยู่ในหลุมลึกโดยไม่เคลื่อนไหว หลังจากชั่วครู่ท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนพลังปราณทั้งสามก็ถูกกระตุ้นใช้งานอีกครั้ง

ฟางหยวนก่นเสียงเย็นและปล่อยมือของเขา เส้นผมสีม่วงที่ติดอยู่ในกําปั้นของเขาลอยกระจัดกระจายไปตามสายลม

ฟางหยวนวิเคราะห์

ท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนพลังปราณทั้งสามไม่ได้ถูกกระตุ้นใช้งานโดยราชันมังกร มันเป็นการจัดเตรียมของเทพอมตะแรกกําเนิด แม้ราชันมังกรจะหมดสติไปแล้ว แต่ท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนพลังปราณทั้งสามยังสนับสนุนเขาด้วยตัวมันเอง

ในเวลาเดียวกันท่าไม้ตายอมตะการเปลี่ยนแปลงเสรีใช้ได้อีกไม่นาน เมื่อพลังอํานาจของมันหมดลง ฟางหยวนต้องใช้ความแข็งแกร่งของตัวเขาเองเท่านั้น

ราชันมังกรหยุดนิ่งชั่วคราว ฟางหยวนฉวยโอกาสพุ่งเข้าไปหาหอคอยดวงตาสวรรค์

“หยุดเขา!”

“หยุดฟางหยวน!”

“ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใด เราก็ต้องหยุดเขา!”

ผู้อมตะของวังสวรรค์พุ่งเข้าหาฟางหยวนราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

เย่เซียวจอพุ่งเข้าปิดกั้นเส้นทางของฟางหยวน

หมัดของฟางหยวนแทงทะลุเกราะไม้ของเขาและฆ่าเขาในเสี้ยวพริบตา

จ้าวซานอี้ถูกฟางหยวนเตะจนร่างระเบิดโดยตรง

ผู้อมตะหลุมดําปรากฏตัวขึ้นก่อนที่ฟางหยวนจะใช้มือคว้าศีรษะของเขาและบีบมันแตกราวกับผลแตงโม

“ฮ่าฮ่าฮ่า เข้ามาอีก!”

“ฆ่ามัน ฉีกร่างของพวกมันให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!”

“ทําลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า!”

เจตจํานงของเทพปีศาจคลั่งหัวเราะเสียงดังและโห่ร้องให้กําลังใจฟางหยวน

“ฟางหยวน อย่าแม้แต่จะคิด!” ราชันมังกรบินกลับมาอีกครั้ง

ทันใดนั้นวังหลังหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา

วังมังกร!

ในอดีต ชีวิตของคู่ส่วยเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม

ท่าไม้ตายอมตะทําลายล้างเผ่ามนุษย์มังกรของราชันมังกรเหมือนดาบของเพชฌฆาตที่วางอยู่บนล่าคอของเขาและมนุษย์มังกรทุกคน

เพื่อกําจัดภัยคุกคามนี้ เขาต้องใช้วังมังกรและร่างกายของมนุษย์มังกรในการทดลอง

อู่ส่วยต้องบอกความจริงกับเผ่ามนุษย์มังกรและขอความช่วยเหลือจากพวกเขา

มนุษย์มังกรเกือบทั้งหมดมารวมตัวกันในวังมังกร

“เพื่อทําการทดลอง เราต้องการมนุษย์มังกรจํานวนมาก คนเหล่านี้อาจตาย แม้พวกเขาจะรอดชีวิต แต่พวกเขาอาจต้องการตายมากกว่า อย่างไรก็ตามข้าหยุดแผนนี้ไม่ได้ หากผู้ใดคัดค้าน จงพูดออกมาเดี๋ยวนี้!”

“ข้าคัดค้าน!” บางคนตะโกนออกมาทันที

ทุกคนมองคนผู้นี้ เขาคือนายน้อยเจ็ด หลานชายที่ราชันมังกรโปรดปรานมากที่สุด

นายน้อยเจ็ดชี้นิ้วไปที่อู่ส่วย “เจ้าคนเลว! เจ้ามันบ้า!”

“เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากวังสวรรค์ เจ้าฆ่าฮวยเว่ยพี่น้องที่ซื่อสัตย์ที่สุดของเจ้า!”

“เพื่อปกปิดความลับเรื่องการปกครองโลกของเผ่ามนุษย์มังกร เจ้าทําให้พ่อของตนเองตาย!”

“เพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะป้ายคําสั่งแห่งความฝัน เจ้าใช้ภรรยาของตนเองเป็นวัสดุในการหลอมรวม!”

“ตอนนี้เพื่อจัดการท่าไม้ตายอมตะทําลายล้างมนุษย์มังกร เจ้ายังต้องการสังเวยมนุษย์มังกรที่บริสุทธิ์และทําการทดลองกับพวกเขาอีกงั้นหรือ?”

“เหตุใดเจ้าจึงชั่วร้ายนัก? เหตุใดเจ้าช่างเลือดเย็นนัก!?”

“เจ้าคิดว่าหลักฐานของเจ้าจะทําให้พวกเราเชื่อเจ้างั้นหรือ? ฮ่าฮ่า น่าขัน คิดว่าพวกเราโง่เขลางั้นหรือ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ เจ้าไม่ใช่คนที่น่าหัวเราะ แต่เจ้าเป็นคนที่น่าสงสาร!”

“เจ้าต้องการมอบความสุขให้กับภรรยาแต่เจ้ากลับเสียสละนางเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะ ฮ่าฮ่า”

“เจ้าต้องการทําให้พ่อของเจ้าภาคภูมิใจ แต่เจ้ากลับฆ่าเขา!”

“เจ้าสัญญกับฮวงเว่ยว่าจะมีอนาคตที่สดใส เจ้าให้ความหวังเขา แต่สุดท้ายเจ้ากลับประหารเขา แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร?”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” นายน้อยเจ็ดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าพยายามอย่างมากที่จะนําเผ่ามนุษย์มังกรให้ลุกขึ้น แต่สุดท้ายเผ่ามนุษย์มังกรกลับกําลังจะถูกทําลายล้าง พวกเราจะต้องสูญพันธุ์!”

“มันเป็นเพราะเจ้า! มันเป็นเพราะเจ้า! หากเจ้าไม่ยึดเกาะดอกไม้แดนใต้ ย้ายพวกเรามา พัฒนา และสร้างความขัดแย้งกับมนุษย์ ทุกสิ่งจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? หากเผ่ามนุษย์มังกรอาศัยอยู่อย่างสงบสุข บรรพชนคงจะไม่ทําลายล้างพวกเรา!”

“อู๋ส่วย เจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากบรรพชนของเรา แต่สิ่งที่เจ้ามอบให้กับพวกเราไม่ใช่เกียรติยศหรือความหวัง มันไม่ใช่ทั้งความเท่าเทียมหรือศักดิ์ศรี มันคือการทําลายล้าง!”

“เจ้าคือโศกนาฏกรรมที่แท้จริง! ทั้งชีวิตของเจ้าคือโศกนาฏกรรม!”

ห้องโถงตกสู่ความเงียบงัน

อู่ส่วยนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรของเขาอย่างไร้ความรู้สึก

ในเวลานี้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรผู้หนึ่งค่อยๆเดินออกมายืนอยู่ด้านหน้าอู่ส่วยก่อนจะหันหน้ากลับไปทางกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรกลและกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าสนับสนุนท่านอู่ส่วย”

นายน้อยเจ็ดประหลาดใจ “ท่าน…ท่านลุงสาม?”

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรคนที่สองเดินออกมาและกล่าวเสียงดัง “ข้าเห็นด้วยอย่างยิ่งกับแผนการของท่านอู่ส่วย!”

นายน้อยเจ็ดตกใจมาก “ท่านอาหา!?”

จากนั้นผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรคนที่สาม คนที่สี่ คนที่ห้า และผู้อมตะทั้งหมดก็ยืนอยู่ด้านหน้าอู่ส่วย

นายน้อยเจ็ดถูกทิ้งไว้เพียงลําพัง

เขาตะโกนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “พวกเจ้าบ้าไปแล้วงั้นหรือ?”

“หากนี่คือคนบ้า พวกเราทุกคนก็บ้าไปแล้ว!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า กลายเป็นคนบ้าเช่นมนุษย์คนแรก ข้าไม่มีข้อโต้แย้ง”

“น้องเจ็ด เจ้ายังไม่เข้าใจอีกขั้นหรือ? ชีวิตและความตายของเราอยู่ในมือของผู้อื่น! แม้คนผู้นี้จะเป็นบรรพชนของเรา แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ทําเช่นนี้!
อู่ส่วยค่อยๆลุกขึ้นจากบังลังก์มังกร ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ําตา

“ทุกคน…ข้า อู่ส่วย ขอสาบาน!” เสียงของอู่ส่วยแหบแห้งมาก “ข้าจะยืนหยัดเพื่อเผ่ามนุษย์มังกรโดยไม่คํานึงถึงชีวิต ข้าจะอุทิศแรงกาย แรงใจ ความมุ่งมั่น และจิตวิญญาณทั้งหมดที่ข้ามี!”

“แม้ข้าจะล้มเหลวในท้ายที่สุด ข้าก็จะต่อสู้จนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต!”

“ต่อให้ข้าต้องตาย จิตวิญญาณและความมุ่งมั่นของข้าก็จะถูกส่งต่อไปยังผู้อื่น!”

“ต่อให้จิตวิญญาณและความมุ่งมั่นของข้าไม่ดํารงอยู่อีกต่อไป ต่อให้เหลือเพียงซื้อของข้า ข้าก็จะสู้ต่อไป ข้าจะไม่หยุดต่อต้านชะตากรรมนี้!”