บทที่ 1248 กองทัพดับปีศาจ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1248 กองทัพดับปีศาจ

บนผิวน้ำ

ร่างเงาหลายพันร่างยืนอยู่ราวกับก้อนหินขณะที่นิ่งไม่ไหวติง ไม่มีพลังชีวิตใดๆ เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของพวกเขา แต่ทุกร่างเปล่งรัศมีจั้นยี่ที่น่ากลัว ทำเอาผู้ชมหัวใจสั่นคลอน

ข้อมูลหลักของมู่เฉินเป็นสิ่งที่ทุกคนทราบดี ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่านอกจากจะเป็นหลิงเจิ้นจงซือ มู่เฉินยังเป็นจั้นเจิ้นซือด้วย

ทว่าเรื่องนี้ไม่ได้แปลกอะไร เพราะจั้นเจิ้นซือเป็นแขนงหนึ่งของหลิงเจิ้นซืออยู่แล้ว ถ้าต้องการเป็นจั้นเจิ้นซือก็ต้องมีพื้นฐานของหลิงเจิ้นซือมาก่อน

แต่ผู้ฝึกยุทธ์โดยส่วนใหญ่มักเลือกที่จะก้าวไปบนเส้นทางเดียว ทว่ามู่เฉินกลับฝึกฝนทั้งสองศาสตร์และบรรลุความสำเร็จทั้งสองศาสตร์อีกด้วย

“กองทัพนั่นโผล่มาจากไหนอีกเนี่ย?”

“รัศมีจั้นยี่น่าตกตะลึงนัก ในทวีปซีเทียนคงมีเพียงตำหนักซีเทียนเท่านั้นที่สามารถนำกองทัพระดับนี้ออกมาได้!”

“ภูมิหลังไอ้เด็กนั่นทรงพลังอะไรเช่นนี้!”

“…”

เมื่อกองทัพดับปีศาจปรากฏตัวขึ้น ความโกลาหลก็กวนตัวรอบบริเวณ ชัดว่าจอมยุทธ์ที่แอบเฝ้ามองอยู่ต่างตะลึงไปกับไพ่ตายของมู่เฉินใบนี้

นั่นเป็นเพราะรัศมีจั้นยี่ที่เกิดขึ้นจากกองทัพดับปีศาจ ทำให้แม้แต่พวกเขายังรู้สึกว่าถูกคุกคามมากนัก

ขณะที่ผู้ชมตกตะลึง ใบหน้าของเสี่ยหลิงจื่อก็ไม่น่าดูอย่างมาก เขาจ้องเขม็งกองทัพดับปีศาจด้วยความเย็นเยือกในหัวใจ

เขาไม่เคยเห็นมู่เฉินใช้กองทัพลึกลับนี่มาก่อน ดังนั้นนี่ต้องเป็นไพ่ตายแน่ เมื่อมู่เฉินเปิดเผยการข่มขู่นี้ก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจนัก

“ไอ้หนูนี่เป็นใครมาจากไหนกันแน่ กองทัพระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ ก็มีได้!” ใบหน้าของเสี่ยหลิงจื่อเปลี่ยนไป ในมหาพันภพจั้นเจิ้นซือเป็นศาสตร์อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมีพลังน่าสะพรึงกลัว แม้ว่าจะไม่ได้พึ่งพาพลังของตนเองก็ตาม

ทว่าข้อบกพร่องอย่างหนึ่งของจั้นเจิ้นซือก็คือความยากลำบากในการเลี้ยงดูกองทัพชั้นยอด นั่นเป็นเพราะจะต้องมีความมั่งคั่งและกำลังคนขนาดใหญ่ ดังนั้นจั้นเจิ้นซือจึงต้องการการสนับสนุนจากขั้วอำนาจยิ่งใหญ่

ยิ่งไปกว่านั้นกองทัพทั้งสองในมือของมู่เฉินยังเป็นกองทัพหุ่นเงารบซึ่งหายากยิ่งกว่า! นั่นเป็นเพราะมีเพียงนักรบชั้นสูงที่ใช้ทักษะลับถึงสามารถรักษาร่างของพวกเขาให้เป็นหุ่นไว้ได้ นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะล้มเหลวมาก นั่นหมายความว่ากองทัพใหม่ที่มีจำนวนนักรบเกือบหนึ่งพัน อย่างน้อยก็ต้องนักรบนับหมื่นคนตอนที่พวกเขายังมีชีวิต!

แล้วแนวคิดของกองทัพจำนวนมากกว่าหมื่นคนคืออะไร? ทั่วทั้งทวีปซีเทียนคงมีเพียงตำหนักซีเทียนเท่านั้นที่สามารถบำรุงกำลังเช่นนี้ได้

ดังนั้นเสี่ยหลิงจื่อจึงคิดไม่ออกว่ามู่เฉินมีอำนาจน่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไรทั้งที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นเท่านั้น

“ทำไม? ไม่หยิ่งต่อแล้วเหรอ?”

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นพลางยิ้มมองไปที่เสี่ยหลิงจื่อ

มุมปากของเสี่ยหลิงจื่อกระตุก สายตาเย็นชาลง “ไอ้เวร อย่าหยิ่งนัก ถึงแกจะมีกองทัพสองกองทัพที่แตกต่างกันลึกซึ้ง ข้าก็ไม่เชื่อว่าแกจะสามารถควบคุมทั้งสองกองทัพได้!”

แม้ว่าเสี่ยหลิงจื่อจะไม่รู้ว่ามู่เฉินได้รับกองทัพทั้งสองมาได้อย่างไร แต่เขาก็มั่นใจได้ว่านักรบเหล่านี้ไม่ได้รับการเลี้ยงดูจากมู่เฉินอย่างแน่นอน ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่ง่ายที่เขาจะบัญชารัศมีจั้นยี่

มู่เฉินยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดนั่น โดยทั่วไปกองทัพหุ่นเงารบจะคงความปราถนาของตอนมีชีวิตไว้ ดังนั้นการได้มาก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถควบคุมได้ แต่นี่ไม่เหมือนกันสำหรับมู่เฉิน แม้กองทัพดับปีศาจจะเป็นของจอมพลหนึ่ง แต่มู่เฉินเป็นคนที่ได้รับมรดกสืบทอดของจักรพรรดิฟ้า แทบจะเหมือนมีสถานะประมุขรุ่นสองแห่งวังสวรรค์บรรพกาล จึงไม่มีปัญหาใดๆ สำหรับเขาที่จะสั่งการกองทัพสังหารวิญญาณและกองทัพดับปีศาจนี้

ดังนั้มู่เฉินจึงเหยียดมือโบกเบาๆ

ตู้ม!

ทันใดนั้นกองทัพทั้งสองก็ระเบิดรัศมีจั้นยี่ขึ้นปกคลุมท้องฟ้า

ทั่วบริเวณกลายเป็นสีเหลืองคล้ำ เสียงคำรามของการสังหารดังขึ้น ราวกับว่าพวกเขายาตราจากยุคโบราณผ่านเข้าสู่พื้นที่แห่งนี้

รัศมีจั้นยี่ที่ยิ่งใหญ่สองแห่งเปลี่ยนเป็นมหาสมุทร ขณะที่หมุนรอบร่างมู่เฉิน ทุกครั้งที่เคลื่อนไหวจะทำให้มิติโดยรอบสั่นสะเทือน

ร่างใหญ่สองร่างค่อยๆ ก่อตัวขึ้นจากในมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ วิญญาณสงครามของกองทัพสังหารวิญญาณเป็นอสรพิษยักษ์ที่มีลวดลายจั้นเหวินอัดแน่นอยู่บนร่างถึงหนึ่งล้านห้าแสนลาย!

ขณะที่วิญญาณสงครามของกองทัพดับปีศาจเป็นเต่ายักษ์ตัวมหึมาที่ดุร้ายแสยะเขี้ยวแหลมคม หนามผุดขึ้นจากกระดองเต่าพร้อมกับลวดลายจั้นเหวินถึงสี่ล้านลาย!

กองทัพดับปีศาจเป็นกองทัพชั้นยอดของวังสรรค์บรรพกาล ในอดีตพวกเขาเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถต่อกรกับการรุกรานของเผ่าปีศาจมิติได้ แม้ว่าจำนวนนักรบจะลดลงเหลือไม่ถึงพัน แต่พวกเขาก็ยังคงแข็งแกร่งกว่ากองทัพสังหารวิญญาณ

ฟ่อ!

วิญญาณสงครามอสรพิษส่งเสียงขู่บนท้องฟ้าก่อนที่จะพุ่งออกมา ฉีกมิติซัดเข้าหาเสี่ยหลิงจื่อไม่ยั้ง

เผชิญหน้ากับวิญญาณสงครามอสรพิษ สายตาของเสี่ยหลิงจื่อก็มืดครึ้มลง ก่อนที่มือจะประสานกันคำรามลั่น “ร่างเงาโลหิตอมตะ!”

เหมือนมีแม่น้ำโลหิตพรั่งพรูออกมาจากร่างเสี่ยหลิงจื่อ ทันใดนั้นร่างโลหิตขนาดใหญ่หลายหมื่นจั้งก็ก่อตัวขึ้นข้างหลัง

ร่างนี้ดูลึกซึ้งมาก ดูทั้งลวงตาและสมจริงในเวลาเดียวกัน ช่างให้ความรู้สึกแปลกประหลาดนัก

นี่คือมรดกสืบทอดร่างเทห์สวรรค์ของตระกูลเสี่ยเสิน อันดับสามสิบแปดในทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง

ประจันหน้ากับกองทัพชั้นยอดของมู่เฉินสองกองทัพ เสี่ยหลิงจื่อก็ไม่กล้าออมมืออีกต่อไป เขาเร้าร่างเวทสวรรค์ออกมาทันที ด้วยกลัวตนเองจะตกอยู่ในความล้มเหลวอย่างน่าสังเวช

ตู้ม!

เมื่อร่างเงาโลหิตอมตะเผยออกมา มือสีแดงเข้มก็ตบลงมาพร้อมกับแม่น้ำโลหิตไหลมาบรรจบกันบนฝ่ามือ กระแทกใส่วิญญาณสงครามอสรพิษเต็มเหนี่ยว

ปัง!

มิติผันผวน อสรพิษก็ถูกกระแทกด้วยฝ่ามือโลหิต ท้ายที่สุดวิญญาณสงครามอสรพิษที่มีลวดลายจั้นเหวินหนึ่งล้านห้าแสนลายก็สามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ตี้จื้อจุนขั้นต้นได้เท่านั้น ยังไม่เพียงพอที่จะสู้กับตี้จื้อจุนขั้นปลาย

“บดมัน!”

ส่งวิญญาณสงครามอสรพิษกลับไปด้วยพลังฝ่ามือ เสี่ยหลิงจื่อก็มุ่งมั่นที่จะทำลายวิญญาณสงครามนี้ เพราะแบบนี้กองทัพสังหารวิญญาณจะได้รับผลกระทบด้วย

ดังนั้นมือโลหติจึงเปลี่ยนเป็นหมัดพุ่งไปยังวิญญาณสงครามอสรพิษทันที

วาบ!

ทว่าในช่วงเวลานั้นก่อนที่กำปั้นจะซัดใส่อสรพิษ เงาขนาดใหญ่ก็ทะยานมาจากด้านข้าง เต่าแสงเปล่งประกาย ปล่อยให้กำปั้นชกลงบนกระดอง

ครืนๆๆๆ!

คลื่นกระแทกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากวาดออก ยอดเขาจำนวนมากที่ยื่นออกมาจากพื้นผิวมหาสมุทรแตกเป็นฝุ่นพร้อมกับคลื่นม้วนตัวออกไป

บนอากาศ เต่าสั่นเทิ้มเล็กน้อย แต่ก็สามารถต่อต้านการชกรุนแรงของเสี่ยหลิงจื่อได้ นอกจากนี้ในจังหวะสุดท้ายมันยังเปิดปากกัดมือโลหิตเต็มแรง

เต่ายักษ์ที่ถูกสร้างขึ้นจากกองทัพดับปีศาจมีจำนวนลวดลายจั้นเหวินถึงสี่ล้านลาย ซึ่งเป็นจำนวนมากพอที่จะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เสี่ยหลิงจื่อจะได้เปรียบเหมือนตอนที่จัดการวิญญาณสงครามอสรพิษ

ใบหน้าของเสี่ยหลิงจื่อมืดครึ้มลง การควบคุมอย่างชำนาญของมู่เฉินในรัศมีจั้นยี่เกินความคาดหมายของเขา

โฮก!

ทว่ามู่เฉินไม่ปล่อยโอกาสให้เขาเคลื่อนไหวอีกต่อไป วิญญาณสงครามอสรพิษและเต่าปะทุขึ้นในเวลาเดียวกัน เปิดการโจมตีใส่ร่างเงาโลหิตอมตะไม่ยั้ง

ตู้ม ตู้ม!

ด้วยเหตุนี้รัศมีจั้นยี่เกรี้ยวกราดและคลื่นหลิงสีแดงเข้มปะทะใส่กันอย่างต่อเนื่องบนท้องฟ้า ทุกครั้งที่ปะทะจะทำให้มิติโดยรอบแตกออกเป็นลอนคลื่น หุบเหวมากมายหลายร้อยจั้งฉีกข้ามมหาสมุทรที่เบื้องล่าง

ความรุนแรงของการดวลกันครั้งนี้เกินจะอธิบาย

ผู้ชมมีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อมองดูการต่อสู้ดุเดือดในท้องฟ้า

ท่ามกลางวิญญาณสงครามทั้งสองที่ภายใต้การบัญชาของมู่เฉิน วิญญาณสงครามอสรพิษอ่อนที่สุด เนื่องจากมีพลังเทียบเท่ากับระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นเท่านั้น ส่วนวิญญาณสงครามเต่าสามารถเผชิญหน้ากับระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายได้เลยทีเดียว

ถ้าสู้กันตัวต่อตัว ร่างเงาโลหิตอมตะก็ทรงพลังยิ่งกว่าด้วยซึมซับคลื่นหลิงไม่มีที่สิ้นสุดจากเสี่ยหลิงจื่อ ทว่ามู่เฉินสามารถใช้ประโยชน์จากการบัญชาสมบูรณ์แบบ เขาใช้วิญญาณสงครามอสรพิษและเต่าประสานพลังเข้าด้วยกัน สลายการโจมตีจากร่างเงาโลหิตอมตะไว้ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

นอกจากนี้วิญญาณสงครามทั้งสองยังโจมตีใส่ตอนเสี่ยหลิงจื่อเผลอโดยไม่ทันตั้งตัว

การโรมรันพันตูรุนแรงผิดปกติ

เมื่อเผชิญหน้ากับการปะทะนี้ ผู้ชมก็ตกตะลึงไปเพราะไม่มีใครคิดว่า ต่อให้ไม่มีค่ายกลมู่เฉินก็ยังสามารถสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายได้

บนมหาสมุทรเสี่ยหลิงจื่อมองไปที่วิญญาณสงครามที่กำลังพุ่งเข้าหาอย่างรุนแรงด้วยสีหน้าไม่น่าดู สถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากเห็น แม้ว่าคลื่นหลิงระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายจะทรงพลัง แต่พลังที่มู่เฉินใช้คือรัศมีจั้นยี่ ซึ่งตราบใดที่กองทัพไม่ถูกทำลายพลังงานก็จะมีไม่สิ้นสุด ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปจะเป็นตัวเขาเองที่ต้องเสียเปรียบ

เขาต้องพลิกสถานการณ์ให้เร็ว!

ดวงตาเขาเป็นประกายวูบไหวก่อนที่จะกัดฟันคำราม “อาจารย์ผีทำลายค่ายกลซะแล้วรีบมาช่วยข้า เสร็จสิ้นการสังหารนี้ป้ายสัประยุทธ์ทั้งหมดของมันจะเป็นของเจ้า รวมทั้งข้าจะจ่ายเพิ่มอีกสองป้ายด้วย!”

เสียงคำรามนี้ทำให้ผู้ชมสั่นหัว ดูเหมือนว่าเสี่ยหลิงจื่อหลังชนฝาแล้ว

ดวงตาของอาจารย์ผีวาวโรจน์ก่อนที่จะหัวเราะร่วน “ช่างเป็นคนใจกว้างจริงๆ ในเมื่อเป็นแบบนี้ขอเวลาสักครึ่งก้านธูปเพื่อจัดการค่ายกลนี้!”

พูดจบสัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากแขนเสื้อ โซ่ที่ผูกกับมังกรทั้งเก้าก็มีหนามโผล่ออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเขมือบคลื่นหลิงของมังกรเหล่านั้น

เมื่อคลื่นหลิงหายไป ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารก็เริ่มพังทลายลง

เมื่อเห็นฉากนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ชมในสมรภูมินี้หรือจัตุรัสก็ต่างตกตะลึงไป

เมื่อลั่วเทียนเสินเห็นฉากนี้ ใบหน้าของเขาก็เขียวคล้ำ แววกังวลวูบไหวในดวงตา

หากค่ายกลถูกทำลายและอาจารย์ผีเข้าช่วยรุม มู่เฉินแพ้แน่นอน!