บรรยากาศที่ด้านในสำนักเขาขจีเวลานี้มีแต่ความกลัวตลบอบอวลอยู่เต็มไปหมด
ในความเป็นจริง คนส่วนใหญ่ของสำนักเขาขจีนั้นไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการทารุณเผ่าภูตนางฟ้าเลย เพราะเหล่าคนที่มีปัญญาพอจะซื้อภูตนางฟ้ามาเป็นของเล่นนั้นก็มีแต่พวกระดับสูงของสำนักเท่านั้น
แต่ถึงแม้ว่าเหล่าผู้คนที่ไม่เคยทารุณภูตนางฟ้าจะมีเยอะ แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็ถูกฆ่าไปเหมือนกันเพราะพวกเขาหลายคนต่างรู้สึกตื่นตระหนกกับเลือดที่ไหลทะลักเข้ามาในสำนัก และโจมตีโต้กลับไปหรือบางคนก็รู้สึกเคืองแค้นหลิงตู้ฉิงที่เป็นคนสร้างความวุ่นวายให้กับสำนักของพวกเขาแบบนี้
ดังนั้นพวกที่รอดอยู่ในตอนนี้ทั้งหมดคือพวกที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับพวกภูตนางฟ้า และหวาดกลัวจนยอมจำนนต่อหลิงตู้ฉิงอย่างหมดใจ
ตราบใดที่พวกเขายอมจำนน เลือดที่ทะลักเข้ามาในสำนักพวกเขาก็พัดผ่านพวกเขาไปไม่ทำอันตรายกับพวกเขาแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกัน ดวงวิญญาณของเหล่าผู้คนที่ตายทั้งหมดก็ถูกหุ่นอาชูร่าโลหิตทั้งสี่แบ่งกันดูดซับจนร่างของพวกมันในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก จนสามารถเผยร่างของพวกมันออกมาจากทะเลเลือดได้อย่างเต็มตัว
เมื่อเห็นว่าหุ่นอาชูร่าโลหิตมีความแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงหันไปพูดกับซวนหยวนตู่ว่า “เอาล่ะ เจ้าสั่งให้คนของเจ้ากลับมาได้แล้ว ตอนนี้ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิของสำนักเขาขจีปรากฏขึ้น เขาก็ไม่สามารถหลุดออกมาจากคุกของข้าได้แน่”
ในเวลาเดียวกัน บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิของสำนักเขาขจีต่างหวาดกลัวจนตัวสั่น
พวกเขารู้แล้วว่าหายนะที่กำลังเกิดกับสำนักของพวกเขาตอนนี้มันเกี่ยวข้องกับที่พวกเขาได้ทำทารุณต่อพวกภูตนางฟ้า ซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่นั้นล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวข้อง พวกเขาจึงพยายามดิ้นรนต่อสู้หาทางรอดอย่างสุดชีวิต ซึ่งน่าเสียดายที่การโจมตีของพวกเขานั้นไม่มีผลอะไรเลยกับทะเลเลือดที่อยู่รอบ ๆ
ส่วนทางด้านหุ่นอาชูร่าโลหิตทั้งสี่ก็ไล่สังหารพวกที่อยู่ในเงื่อนไขคำสั่งสังหารของหลิงตู้ฉิงเรื่อย ๆ
ในท้ายที่สุดการล้อมสังหารผู้คนของสำนักเขาขจีก็จบลงในเวลาครึ่งเดือน ซึ่งคนของสำนักเขาขจีถูกกวาดล้างไปกว่า 7 ใน 10 ส่วน ซึ่งรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิด้วยเช่นกัน
“มีใครในพวกเจ้าบอกข้าได้ว่ามีสำนักไหนอีกที่ยังมีภูตนางฟ้าอยู่ในความครอบครอง” หลิงตู้ฉิงหลอมรวมร่างของเขาเข้ากับทะเลเลือดและไปปรากฏกายขึ้นที่กลางสำนักเขาขจีพร้อมกับตะโกนถามขึ้น
ตอนนี้หุ่นอาชูร่าโลหิตของเขานั้นยังมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงเป็นต้องทำลายสำนักอื่นเพิ่มเติมเพื่อเอาเลือดและดวงวิญญาณของสำนักเหล่านั้นมาทำให้หุ่นของเขาแข็งแกร่งกว่านี้..
บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิของสำนักเขาขจีที่เหลือรอดต่างมองหน้ากันด้วยความลังเล ไม่รู้ว่าพวกเขาควรจะตอบคำถามนี้ดีรึเปล่า
แต่ท้ายที่สุดก็มีคนตอบขึ้นว่า “สำนักที่มีภูตนางฟ้าและอยู่ใกล้กับสำนักของเรามากที่สุดคือสำนักเจ็ดสมบัติ!”
“งั้นเหรอ!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
จากนั้นหลิงตู้ฉิงจึงนำจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ออกมาสูบเลือดที่ปกคลุมสำนักเขาขจีเข้าไปในจอกทั้งหมดรวมไปถึงหุ่นอาชูร่าโลหิต
เมื่อเก็บเลือดและหุ่นอาชูร่าโลหิตเข้าไปในจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์เสร็จแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงเดินกลับไปที่รถมังกรและสั่งอี้ลั่วเอ๋อว่า “ลั่วเอ๋อ เจ้าจงนำทางหลงเฉินไปที่สำนักเจ็ดสมบัติ!”
เนื่องจากอี้ลั่วเอ๋อเกิดในละแวกใกล้เคียงนี้ หลิงตู้ฉิงมั่นใจว่านางจะต้องรู้ว่าสำนักเจ็ดสมบัติอยู่ที่ไหน
อี้ลั่วเอ๋อรีบตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้นทันที “ด้วยความยินดีนายท่าน!”
บรรดาภูตนางฟ้าที่ได้รับการช่วยเหลือทั้งหกต่างก็พากันร้องห่มร้องไห้ เนื่องจากพวกนางรู้สึกซาบซึ้งในการกระทำของหลิงตู้ฉิง
จากนั้นกลุ่มของหลิงตู้ฉิงก็มุ่งหน้าไปที่สำนักเจ็ดสมบัติทันที โดยปล่อยให้เหล่าคนของสำนักเขาขจีตัวสั่นงันงกไปด้วยความหวาดกลัวจนไม่กล้าที่จะแจ้งเรื่องที่พวกเขาเพิ่งเผชิญให้กับสำนักอื่น ๆ รู้
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อหลิงตู้ฉิงเดินทางไปถึงสำนักเจ็ดสมบัติ เขาก็ไม่พูดพร่ำอะไรทั้งนั้นและลงมือโจมตีสำนักเจ็ดสมบัติทันทีโดยใช้วิธีการเดียวกับสำนักเขาขจี ซึ่งแน่นอนว่าเงื่อนไขของเขายังคงเหมือนเดิมก็คือใครที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการทารุณเผ่าภูตนางฟ้าและไม่มีต่อต้านและไม่มีจิตคิดมุ่งร้ายแค้นเคืองต่อเขา คนเหล่านั้นจะได้รับการไว้ชีวิต
หลิงตู้ฉิงใช้เวลาไม่นาน บรรดาคนที่สมควรตายของสำนักเจ็ดสมบัติก็ถูกกวาดล้างจนหมดและบรรดาภูตนางฟ้าที่เหลือรอดก็ได้รับการช่วยเหลือจนครบโดยเหล่าหุ่นอาชูร่าโลหิต
ในเวลาเดียวกันทางด้านของป่าภูตนางฟ้า จักรพรรดินีภูตนางฟ้าก็มองไปยังค่ายของเหล่าผู้บุกรุกที่ตั้งอยู่ไม่ห่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เผ่าภูตนางฟ้าของนางที่ถูกรุมรังแกมาเป็นเวลานาน ซึ่งนางเองก็พยายามอดทนจนสุดความสามารถแต่ตอนนี้นางรู้สึกทนไม่ไหวอีกแล้ว
ข้อเรียกร้องของเหล่าผู้บุกรุกที่เสนอมาให้นางตอนนี้นั้นมันเกินกว่าที่นางจะรับไหว หากนางยอมตกลงไปมันคงอีกไม่นานที่เผ่าของนางจะต้องล่มสลาย
หากเหล่าผู้บุกรุกยังคงยืนยันข้อเสนอที่พวกเขายื่นมาให้นางแบบนี้ นางก็เตรียมใจว่าครั้งนี้นางจะขอสู้ตายกับเหล่าผู้บุกรุกจนกว่าชีวิตของนางจะหาไม่
“ฝ่าบาท นี่มันก็ใกล้จะถึงเวลาที่ท่านจะต้องให้กับคำตอบกับพวกเราแล้วว่าท่านจะเอายังไง!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นเหนือท้องฟ้าของป่าภูตนางฟ้า และตะโกนขึ้น “เมื่อถึงกำหนดเวลาเมื่อไหร่ หากท่านไม่ตกลงในข้อเสนอของพวกเรา พวกเราจะลงมือโจมตีท่านอย่างเต็มกำลังทันที ท่านเข้าใจใช่ไหม?!”
จักรพรรดินีภูตนางฟ้าแสดงสีหน้าเย้ยหยัน “เลิกฝันได้เลย ข้าไม่มีวันตกลงในข้อเสนอของพวกเจ้าแน่นอน ตอนนี้เผ่าของข้าเหลือจำนวนแค่ 500,000 แต่พวกเจ้ากลับยื่นข้อเสนอให้ข้ามอบสมาชิกเผ่าของข้าให้พวกเจ้าถึง 150,000 ข้าไม่มีวันยอมรับข้อเสนอบ้า ๆ แบบนี้ของพวกเจ้าแน่นอน พวกเขาคือคนของข้า ข้าไม่มีวันยอมให้พวกเจ้าเอาพวกเขาไปเล่นตามใจชอบแน่”
“และถ้าหากว่าพวกเจ้าโจมตี ข้าจะไม่รอตั้งรับพวกเจ้าอีกแล้ว ข้าจะใช้พลังชีวิตของข้าทั้งหมดเปิดใช้งานสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าข้า และตัวของข้าจะมุ่งหน้าไปโจมตีที่อาณาจักรของพวกเจ้าโดยตรง หากวันนี้เผ่าของข้าต้องสูญสลาย ข้าจะทำให้อาณาจักรอ้าวเฟิง สำนักห้าวเทียน สำนักไร้ขอบเขต และหมู่บ้านกระบี่โลหิต ตายไปพร้อมกับข้า ต่อให้พวกเจ้าจะทำลายล้างป่าภูตนางฟ้าของข้าได้ พวกเจ้าทั้งหมดก็จะไม่มีบ้านเกิดให้ได้กลับไปซุกหัวนอน!”
“ในเมื่อคำตอบของท่านเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกข้าก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำลายป่าภูตนางฟ้าให้ราบเป็นหน้ากลอง!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิตะคอกกลับด้วยสีหน้าเย็นชา