ตอนที่ 844 พลังของเนตรปีศาจ

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

เพลิงแห่งชีวิตของซิวสามารถยับยั้งเนตรปีศาจได้ในระดับหนึ่งและอัคคีแผดเผาพันนภาของฉินอวี้โม่ก็แอบแฝงไปด้วยพลังของซิวที่มากถึงแปดในสิบส่วนซึ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อเนตรปีศาจได้อย่างแน่นอน

“เจ้ามดปลวกบัดซบ เจ้ากล้าทำร้ายข้าจริง ๆ รึ ?!”

น้ำเสียงโกรธแค้นทว่าเยือกเย็นดังขึ้นในหูของฉินอวี้โม่และดวงตาหลายพันดวงรอบตัวทุกคนก็หายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นดวงตาขนาดใหญ่เท่ากำปั้นก็ปรากฏตรงหน้าทุกคนและเป็นนัยน์ตาสีแดงก่ำที่ส่องแสงลึกลับอย่างที่สุด

ดวงตาสีแดงตรงหน้าทุกคนคือร่างของเนตรปีศาจและเป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมัน

เพียงมองมันในตอนนี้ก็ทำให้ยินรุ่ยและคนอื่น ๆ เข่าทรุดอย่างมิอาจควบคุม

เนตรปีศาจตนนี้ถือครองพลังที่ลึกลับมากมายซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวและไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย

มีเพียงฉินอวี้โม่ผู้ใช้เพลิงแห่งชีวิตของซิวเท่านั้นที่ยังคงเป็นปกติและไม่แสดงความหวาดหวั่นใดออกไป

อึดใจต่อมา เพลิงในมือของนางก็ก่อตัวกลายเป็นกระบี่และจ้วงแทงตรงไปยังนัยน์ตาสีแดงของเนตรปีศาจ

“เหอะ อ่อนแอเกินไป !”

เนตรปีศาจแค่นเสียงเย้ยหยันและหายวับไปต่อหน้าก่อนปรากฏตัวอีกครั้งข้างหลังนางอย่างรวดเร็ว

สิ่งมีชีวิตลึกลับนี้ทั้งรวดเร็วและมีความสามารถพิเศษรอบด้าน ต้องยอมรับเลยว่ามันเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าฉินอวี้โม่มากนัก

“แม่สาวน้อย ยอมสังเวยตัวเองต่อข้าผู้นี้และช่วยฟื้นฟูให้ความแข็งแกร่งของข้ากลับคืนมาจะดีกว่า หากในอนาคตข้าได้กุมอำนาจของทั่วทั้งดินแดน เจ้าก็จะถือเป็นวีรสตรีที่มีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน”

เมื่อมองฉินอวี้โม่และสัมผัสได้ถึงพลังอันบริสุทธิ์ในร่างของนาง เนตรปีศาจก็มั่นใจได้ทันทีว่าตราบใดที่กลืนกินมนุษย์ผู้นี้ได้สำเร็จ พลังของมันจะฟื้นฟูกลับคืนมาอย่างน้อยแปดในสิบส่วน เมื่อถึงตอนนั้น มันจะเข้าออกสมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้ได้ตามต้องการ และแม้แต่จอมยุทธ์มากฝีมือของดินแดนมหาเทพก็มิใช่คู่ต่อสู้ของมันอีกต่อไป

“ฮ่า ๆ ๆ เจ้ายังไม่มีฝีมือมากพอหรอก”

ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ ในลำคอและเพลิงของซิวปกคลุมทั่วร่างของนางอย่างรวดเร็วจนดูราวกับกลายเป็นมนุษย์เพลิง

ตูมมม !

ทันใดนั้น กำแพงเพลิงก็ปรากฏขึ้นล้อมรอบทั้งฉินอวี้โม่และเนตรปีศาจไว้ภายในทำให้มันหลบหลีกเคลื่อนที่ได้อย่างยากลำบาก

“ฉลาดใช้ได้นี่ !”

เนตรปีศาจแสยะยิ้มเย็นชาและหนวดคู่หนึ่งโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินใต้เท้าของฉินอวี้โม่และพันล้อมนางไว้

สวบ !

กระบี่เพลิงของฉินอวี้โม่แทงเข้าไปตรงกลางหนวดอย่างจังจนเกิดเสียงดังสวบและมันก็ถอยกลับไปเล็กน้อย

เวลานี้สีหน้าของคุณหนูสามตระกูลจางก็ถอดสีอย่างสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้จางซือถงก็ถูกหนวดที่คล้ายมือเหล่านี้ดึงตัวไปจากพื้นดินเช่นเดียวกันและมันเปี่ยมไปด้วยพลังที่นางไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย

“ช่างไม่รู้จักประมาณตน !”

เนตรปีศาจก็ไม่ได้เห็นฉินอวี้โม่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ลำแสงสว่างจ้าปรากฏในดวงตาของมันและพุ่งตรงไปที่ฉินอวี้โม่ทันที ในขณะเดียวกันนั้น หนวดประหลาดเหล่านั้นก็ยังไม่หายไปและยังพยายามพันธนาการร่างกายของฉินอวี้โม่อยู่เช่นเดิม

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่กล้าประมาท กระบี่ยาวในมือของนางเหวี่ยงออกไปเป็นแนวนอนและเฉือนหนวดที่โผล่มาจากใต้ดินอีกครั้ง ในขณะเดียวกันนั้น เพลิงแห่งชีวิตของซิวก็ก่อตัวกลายเป็นกำแพงป้องกันเพื่อปกป้องนางไว้อย่างรวดเร็ว

ตูมมม !

พลังของลำแสงจากเนตรปีศาจรุนแรงยิ่งนักและพุ่งตรงเข้าใส่กำแพงป้องกันของฉินอวี้โม่จนทำให้นางกระเด็นออกไปเล็กน้อย

พลังของลำแสงปะทะกับเพลิงแห่งชีวิตของซิวและตกอยู่ในสถานการณ์จนมุมอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะสลายหายไปในอากาศ เช่นเดียวกับโล่ป้องกันรอบตัวของฉินอวี้โม่ก็จางหายไปและรอยเลือดไหลซึมจากมุมปากของนาง

ต้องกล่าวเลยว่าความแข็งแกร่งของเนตรปีศาจน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง แม้ปลดปล่อยพลังออกไปอย่างเต็มที่ ฉินอวี้โม่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะมันได้

“อวี้โม่ พวกเราจะช่วยเอง !”

เสียงของเมิ่งเยี่ยดังขึ้น ในที่สุดเขาและยินรุ่ยก็ฝ่าผ่านแรงกดดันของเนตรปีศาจได้สำเร็จก่อนเตรียมปล่อยการโจมตีตรงเข้าใส่ร่างของเนตรปีศาจ

“เจ้าพวกมดปลวกไร้ค่า !”

เนตรปีศาจยังคงไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด ก่อนที่เมิ่งเยี่ยและยินรุ่ยจะโจมตีถึงตัว หนวดหลายเส้นก็โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินและพันรอบข้อเท้าของทุกคนไว้

ครืด ! ครืดด !

เมิ่งเยี่ยและจางซือฉีถูกลากไปตามพื้นดินโดยไม่สามารถดิ้นหลุดออกไปได้ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ยินรุ่ยและวิญญาณร้ายเป็นเพียงวิญญาณไร้ชีวิตมิใช่มนุษย์ที่มีกายเนื้อ เพราะเหตุนั้นหนวดสีแดงก่ำเหล่านั้นจึงทะลุผ่านร่างของทั้งสองโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ

ทั้งสองตรงเข้าไปใกล้เนตรปีศาจและไม่พยายามปิดบังเจตนาขณะใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อโจมตีออกไป

ตูมมม !

กระบวนท่าของทั้งสองกระแทกเข้าที่ร่างของเนตรปีศาจอย่างจังจนเกิดเสียงดังสนั่น

ร่างของเนตรปีศาจก็ถูกครอบงำโดยการโจมตีของกระบวนท่าทั้งสองทันที ในขณะที่ฉินอวี้โม่ถึงกับต้องหลับตาลงจากแสงสว่างที่เจิดจ้าเกินไป

“ฮ่า ๆ ๆ พวกเจ้ากำลังสะกิดข้าอยู่รึ ?!”

เสียงหัวเราะลั่นอย่างสาแก่ใจดังขึ้น การโจมตีของยินรุ่ยและวิญญาณร้ายไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้กับเนตรปีศาจได้ด้วยซ้ำ

ทันใดนั้น เมื่อแสงสว่างจ้ามืดสลัวลง ร่างของเนตรปีศาจก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าทุกคนอีกครา ทว่าในเวลานี้ร่างของมันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก

ตอนนี้ร่างที่แท้จริงของเนตรปีศาจมีขนาดใหญ่กว่าเดิมถึงหลายเท่า จากที่เดิมทีมีขนาดประมาณกำปั้น ตอนนี้มันกลายมีขนาดใหญ่กว่าเดิมมากและมีความสูงมากกว่าสามฉื่อ

ดวงตาขนาดใหญ่กลอกมองไปรอบ ๆ และทำให้ทุกคนหวาดกลัวแม้เพียงมองเข้าไป ดวงตาดวงนั้นจับจ้องฉินอวี้โม่ตาเขม็งและนัยน์ตาสีแดงของมันก็ทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่คล่องตัว

“เจ้าเนตรปีศาจนี่น่าสะพรึงกลัวเกินไปจริง ๆ เรารีบถอยไปตั้งหลักและหารือกันก่อนจะดีกว่า”

ยินรุ่ยกล่าวกับฉินอวี้โม่และมีความคิดที่จะถอยไปจากที่นี่เพื่อตั้งหลักเสียก่อน

ด้วยความแข็งแกร่งที่มีในตอนนี้ พวกเขามิใช่คู่มือของเนตรปีศาจแม้แต่น้อย หากยังอยู่ที่นี่ต่อไป ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ ทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้คือกลับไปตั้งหลักในเมืองอู๋เริ่นและหารือกันอย่างรอบคอบเสียก่อน

“ตกลง”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเห็นด้วยกับข้อเสนอของยินรุ่ย

ทุกคนพยักศีรษะอย่างเข้าใจตรงกันก่อนมุ่งหน้าเหาะกลับขึ้นไปยังทางเข้าด้านบน

“คิดจะหนีงั้นรึ ? ฝันไปเถอะ !”

เนตรปีศาจสังเกตเห็นการกระทำของทุกคนและดวงตายักษ์ใหญ่กะพริบเล็กน้อยก่อนกำแพงป้องกันปรากฏขึ้นกลางอากาศเพื่อปิดทางเข้าของถ้ำใต้ดิน

ยินรุ่ยและคนอื่น ๆ ก็กระแทกเข้ากับม่านดังกล่าวจนกระเด็นกลับหลังในทันทีและไม่สามารถฝ่าผ่านออกไปได้

“ทำลายมันเสีย !”

อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นปลายนิ้วมือของฉินอวี้โม่ก็ขยับเล็กน้อยและเปลวเพลิงร้อนระอุก่อตัวกลายเป็นเข็มขนาดเล็กที่พุ่งตรงไปยังม่านป้องกันกลางอากาศ

ตูมมม !

เสียงปะทะดังสนั่นขึ้นมาและแม้แต่พื้นดินก็สั่นสะเทือนไปเล็กน้อย

การโจมตีของฉินอวี้โม่ทำให้เกิดช่องว่างขึ้นในม่านป้องกันซึ่งกว้างพอที่ร่างของคนหนึ่งคนจะสามารถผ่านไปได้

“ไปเร็วเข้า !”

ฉินอวี้โม่กล่าวเพียงสั้น ๆ และเดินหน้าโจมตีเนตรปีศาจต่อไป หากนางไม่ถ่วงเวลาคู่ต่อสู้ไว้เช่นนี้ เกรงว่าเมิ่งเยี่ยและคนอื่น ๆ จะไม่มีโอกาสหนีรอดไปแน่

เนตรปีศาจก็ไม่คาดคิดว่าฉินอวี้โม่จะทำให้ม่านป้องกันของมันเสียหายได้ในกระบวนท่าเดียว และในขณะที่มันกำลังจะปลดปล่อยการโจมตีเพื่อมิให้อีกฝ่ายหนีรอดไปได้ มันก็เห็นฉินอวี้โม่ที่ชิงโจมตีมันเสียก่อน

เมื่อเผชิญหน้ากับฉินอวี้โม่ผู้ครอบครองเพลิงอันน่าหวาดหวั่น เนตรปีศาจก็ไม่กล้าประมาทและต่อสู้กับนางอย่างเต็มกำลัง

เมิ่งเยี่ยและคนอื่น ๆ ลังเลเล็กน้อย ทว่าสุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจลอดผ่านช่องว่างและมุ่งหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว

“อวี้โม่ ตามมาเร็วเข้า !”

หลังจากเหาะขึ้นไปพักหนึ่งและเริ่มมองเห็นแสงสว่างลอดลงมา เมิ่งเยี่ยก็ตะโกนบอกให้ฉินอวี้โม่ตามพวกตนขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม จางซือฉีซึ่งเหาะอยู่ใกล้กับเมิ่งเยี่ยก็มีสีหน้าที่ซับซ้อน

การต่อสู้ใต้ดินทำให้นางมีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของฉินอวี้โม่ ฉินอวี้โม่ไม่เพียงแต่เหนือกว่านางในด้านรูปลักษณ์และความสง่างามเท่านั้น ทว่ายังมีความแข็งแกร่งที่เหนือชั้นกว่ามากและองอาจกล้าหาญยิ่งนัก สตรีที่เพียบพร้อมเช่นนี้คือภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับคุณหนูสามแห่งตระกูลจาง แม้ฉินอวี้โม่จะช่วยชีวิตนางไว้ จางซือฉีก็ยังแอบหวังว่าฉินอวี้โม่จะตายไปด้วยเงื้อมมือของเนตรปีศาจซึ่งเป็นการกำจัดศัตรูหัวใจไปในเวลาเดียวกัน

เมื่อฉินอวี้โม่ได้ยินเสียงเรียกของเมิ่งเยี่ย นางก็พยายามปล่อยการโจมตีและกระชากตัวออกมาเพื่อหลบหนีตามเมิ่งเยี่ยขึ้นไป

“แม่สาวน้อย การที่เหลือเจ้าเพียงคนเดียว เจ้าคิดว่าจะหนีรอดได้งั้นรึ ?!”

น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นข้างหูฉินอวี้โม่และหนวดประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนก็โผล่ขึ้นมาพันรอบข้อเท้าของนางในทันที