บทที่ 684 เป็นฝ่ายทำไม่ถูกก่อน

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 684 เป็นฝ่ายทำไม่ถูกก่อน

ตอนนี้ร้านขายชาขายดีมาก และเป็นแหล่งรายได้สำคัญของที่บ้าน

แต่เพราะหลี่อ้ายกั๋วและโจวซานนีมีแผนจะออกไปเปิดร้านเอง หลินชิงเหอก็ไม่บังคับพวกเขา

เพราะอย่างนี้ไงล่ะ วันนี้เธอเลยเรียกสวี่เชิ่งเฉียงมา

ตั้งแต่ปีก่อนจนตอนนี้ หลินชิงเหอก็ดูออกแล้วว่าหลานชายอย่างสวี่เชิ่งเฉียงกลับใจแล้วจริง ๆ

นี่คือเด็กหนุ่มอายุแค่ 20 กว่าปีคนหนึ่ง หลินชิงเหอไม่ใช่คนใจร้าย ถ้าเขามุ่งมั่นจะเดินทางในความมืดกระทั่งตายไปต่อหน้าเธอ เธอก็ไม่สน แต่ตอนนี้เขาเป็นคนดีแล้ว หลินชิงเหอก็ยินดีจะให้โอกาสเขา

“เธอรู้เรื่องร้านอาหารทะเลแห้งของอ้ายกั๋วและซานนีใช่ไหม พวกเขาตั้งใจจะออกไปเปิดเอง ร้านทางนั้นจึงขาดแคลนคน เรื่องเงินเดือนและสวัสดิการดีกว่าร้านเกี๊ยวแน่นอน เธอคิดเรื่องนี้บ้างไหม” หลินชิงเหอมองเขาแล้วเอ่ย

สวี่เชิ่งเฉียงอึ้ง และพูดขึ้น “แล้วร้านเกี๊ยวล่ะครับ?”

“น้าเล็กเธอจะไปดูเอง เขาไม่มีเรื่องอย่างอื่นให้ทำ ให้เขาดูแลร้านเกี๊ยวฆ่าเวลาถือว่ากำลังดี” หลินชิงเหอบอก

เงินเดือนของสวี่เชิ่งเฉียงที่ร้านเกี๊ยวเท่ากับ 130 หยวน นับว่าเป็นเงินเดือนไม่น้อย แน่นอนว่าไม่สูงเช่นกัน แต่จากสภาพร้านเกี๊ยวนั่นให้เงินเดือนเท่านี้ก็ถือว่าดีแล้ว

ร้านอาหารทะเลแห้งให้เงินเดือนเขา 180 หยวน เป็นการขึ้นเงินเดือนทีเดียว 50 หยวน เป็นแบบนี้สวี่เชิ่งเฉียงก็เต็มใจจะไปอยู่แล้ว

“กังจือเตรียมตัวจะซื้อคอนโดแล้วนะ เธอไม่คิดเรื่องนี้บ้างเหรอ?” หลินชิงเหอเอ่ย

สวี่เชิ่งเฉียงอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะ “แพงขนาดนั้น ผมซื้อไหวที่ไหนล่ะครับ”

“เก็บเงินไปก่อนก็ได้ ถึงตอนนั้นขาดเท่าไหร่ฉันออกให้ก่อน มีบ้านอยู่ที่นี่จะได้สบายใจด้วย” หลินชิงเหอกล่าว

สวี่เชิ่งเฉียงคิดไม่ถึงว่าน้าสะใภ้ของเขาจะพูดแบบนี้ เขาอึ้งไปจริง ๆ ก่อนจะเม้มปาก “ขอบคุณน้าสะใภ้มากครับ ถ้าอย่างนั้นเงินเดือนผมหลังจากนี้น้าช่วยเก็บไว้ให้ผมได้ไหมครับ?”

“เงินเดือนจ่ายตามปกติ เธอไปเปิดบัญชีเก็บเอาเอง” หลินชิงเหอบอก

หลินชิงเหอบอกหลี่อ้ายกั๋วและโจวซานนีแล้วว่าให้สวี่เชิ่งเฉียงไปช่วยงาน และเริ่มทำความคุ้นเคยกับงานต่าง ๆ ในร้าน ส่วนข้าวก็ให้กินที่นั่นเลย เธอชดเชยค่าอาหารให้

หลี่อ้ายกั๋วและโจวซานนีไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว ความจริงโจวซานนีออกจะอายด้วยซ้ำ

หลังจากมาอยู่ปักกิ่ง มีแต่อาสี่และอาสะใภ้สี่ที่ดูแลหล่อนมาโดยตลอด ร้านนี้ต้องการพวกเขา แต่พวกเขากลับอยากเปิดของตัวเอง

หลินชิงเหอไม่เก็บมาใส่ใจ เธอพูดแต่แรกแล้วว่าถ้าพวกเขาอยากออกไปทำเอง เธอจะสนับสนุนเต็มที่

สองสามีภรรยาตั้งใจว่าปีนี้ทำไปก่อน ครึ่งปีหลังสวี่เชิ่งเฉียงน่าจะรับมือได้เต็มที่แล้ว พวกเขาค่อยไปเปิดร้านของตัวเอง

หลี่อ้ายกั๋วช่วยเฝ้าร้านนี้มานานหลายปี มีสูตรค้าขายของตัวเอง แต่เขาก็สอนสวี่เชิ่งเฉียงหมด ไม่ได้กั๊กอะไร

สวี่เชิ่งเฉียงก็ตั้งใจเรียน เขาไม่อยากไปเปิดร้านเอง เขาแค่อยากทำงานภายใต้น้าเล็กไปเรื่อย ๆ อย่างมั่นคง แตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง

สวี่เชิ่งเหม่ยรู้เรื่องที่เขาอยู่ร้านอาหารทะเลแห้ง เพราะไปหาน้องชายที่ร้านเกี๊ยวแล้วไม่เจอ ถึงรู้ว่าน้องชายหล่อนมาอยู่นี่

หล่อนจึงเรียกน้องชายออกมาและเอ่ยถาม “ทำไมถึงมาอยู่นี่ล่ะ?”

“น้าสะใภ้ให้ผมมา” สวี่เชิ่งเฉียงบอก

“ฉันให้นายมาช่วยงานร้านฉันนายไม่มา มาเฝ้าร้านนี้นายกลับดีอกดีใจ ใช่ว่านายไม่เคยเปิดสักหน่อย ออกมาทำเองไม่ดีกว่าหรอ?” สวี่เชิ่งเหม่ยขมวดคิ้ว

สวี่เชิ่งเฉียงเหลือบมองหล่อน “พี่ ผมไม่อยากเปิดร้านเองแล้วครับ ผมทำงานแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”

ที่จริงเขาถือว่าได้รับการดูแลเป็นอย่างดีแล้ว ขนาดกังจือยังต้องจ่ายค่าครองชีพ แต่นับจากที่ไปทำงานร้านเกี๊ยวเมื่อปีที่แล้ว น้าเล็กเขาก็ไม่เก็บค่าครองชีพของเขาเลย

กับข้าวที่เอามาให้เขาตักก่อนทุกคนกินทั้งนั้น แล้วยังมีแต่ของดี ๆ

พูดแบบไม่เกินจริงก็คือ หลังจากเขาหย่าแล้วมาทำงานกับน้าเล็ก เขาถูกบำรุงจนฟื้นตัวได้เหมือนเดิม

ถึงอย่างไรเขาก็ยังหนุ่ม รากฐานร่างกายยังดีอยู่

อีกอย่างหนึ่งสวี่เชิ่งเฉียงไม่อยากเปิดร้านแล้วจริง ๆ แต่เรื่องที่น้าสะใภ้พูดกับเขาว่าให้เขาเก็บเงินซื้อบ้านนั้น เขาคิดจริง ๆ

สวี่เชิ่งเหม่ยขมวดคิ้ว “เงินเดือนเดือนละร้อยกว่าหยวน นี่น่ะเหรอที่นายบอกว่าดีมาก? ตอนนี้ของใช้ต่าง ๆ ราคาขึ้นไม่น้อย นายมีเงินเดือนแค่นี้อีกหน่อยจะแต่งงานยังไง จะเลี้ยงครอบครัวยังไง?”

“พี่ เงินเดือนผมไม่น้อยนะ คนอื่นที่เงินเดือนน้อยกว่าผมมีตั้งเยอะ ใช้ชีวิตด้วยความเรียบง่ายแบบนี้ก็อยู่ได้ ไม่จำเป็นต้องกินหรูทุกวัน ผมรู้ว่าตอนนี้ชีวิตพี่ดี แต่พี่เขยคนใหม่ผมคนนั้น ผมว่าพี่ดูดี ๆ หน่อยเถอะ” สวี่เชิ่งเฉียงกล่าว

ที่จริงเขาไม่สนับสนุนให้พี่สาวเขาคบกับคน ๆ นี้เลย แต่พี่สาวเขาชอบ แล้วเขาจะทำอะไรได้

สวี่เชิ่งเหม่ยหงุดหงิดขึ้นมา “ฉันมาเกลี้ยกล่อมให้นายออกไปทำเอง อย่ายอมให้ผู้หญิงคนนั้นผูกมัดนายไว้ในร้านเล็ก ๆ นี้ นายกลับย้อนมาว่าฉันเหรอ?”

“พี่ ผู้หญิงคนนั้นอะไรกัน? นั่นน้าสะใภ้นะ!” สวี่เซิ่งเฉียงขมวดคิ้ว “และน้าสะใภ้ก็ไม่เคยห้ามผมออกไปเปิดร้านเองด้วย!”

เมื่อก่อนหู่จือกังจือต้องคอยเฝ้าร้านทั้งคู่ หลังจากนั้นก็ออกไปทำงานเอง พี่สาวและพี่เขยสามของเขาก็ดูร้านมาหลายปี ตอนนี้ก็ตั้งใจออกไปทำเองแล้ว

น้าสะใภ้เขาสนับสนุนเต็มที่ แล้วหล่อนจะผูกมัดเขาไว้ในร้านได้อย่างไร?

อีกอย่างเขาสัมผัสได้ว่าน้าสะใภ้เขาเริ่มยอมรับหลานชายที่กลับตัวกลับใจอย่างเขาแล้ว เขารู้เรื่องร้านอาหารทะเลแห้งมานานแล้วว่าขายดีมาก ถ้าไม่เชื่อใจคงไม่เรียกเขามาหรอก

สวี่เชิ่งเหม่ยมองน้องชายตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ “นายลืมไปแล้วเหรอ ว่าตอนนั้นหล่อนใจดำขนาดไหน?”

“เรื่องนั้นเราเป็นฝ่ายทำไม่ถูกก่อน น้าสะใภ้ไม่ใช่พ่อแม่เรา ไม่จำเป็นต้องตามใจพวกเรา” สวี่เชิ่งเฉียงพูดด้วยความรำคาญเล็กน้อย “พี่ก็ไปใช้ชีวิตของพี่เถอะ เลิกคิดเรื่องไร้สาระพวกนี้ได้แล้ว”

“ช่วงก่อนหน้านี้ฉันโทรไปหาแม่แล้ว แม่บอกว่านัดผู้หญิงคนหนึ่งไว้ให้นาย เลยถามนายว่าจะว่างกลับไปดูเมื่อไหร่?” สวี่เชิ่งเหม่ยสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่พูดอะไรอีก ตรงเข้าประเด็น

“สายตาแม่น่ะช่างเถอะ เดี๋ยวอีกหน่อยผมไปถามน้าสะใภ้ ดูว่าพอจะแนะนำสักคนให้ได้ไหม” สวี่เชิ่งเฉียงเม้มปากพลางเอ่ย

สวี่เชิ่งเหมยโมโหจนแทบทนไม่ไหว หล่อนกระทืบส้นสูงออกไป

หล่อนหาตู้โทรศัพท์โทรหาแม่ เล่าความคิดของน้องชายหล่อนให้ฟัง ตอนแรกนึกว่าแม่จะด่าว่าเขาเหมือนตัวเอง หารู้ไม่ แม่หล่อนกลับพูดเสียงอ่อยผ่านโทรศัพท์ “ทำตามที่เฉียงจือบอกเถอะ ให้น้าสะใภ้เขาช่วยดูให้หน่อย”

“อะไรนะคะ?” สวี่เชิ่งเหม่ยผงะ

“ฉันก็เพิ่งได้ยินนี่แหละ แม่นางคนนั้นมุดไร่ข้าวโพดกับเด็กหนุ่มข้างบ้านก็โดนจับได้คาหนังคาเขา ให้การว่าอยากมอบตัวเองให้กับรักแรกก่อนแต่งงาน” ป้าใหญ่โจวกล่าว

หล่อนรู้สึกโชคดีสุด ๆ ไม่อย่างนั้นถ้าลูกชายแต่งกับเจ้าหล่อน ก็เท่ากับเก็บของเก่าจากคนอื่นไม่ใช่หรือ?

……………………………………………………………