ตอนที่ 688 เนื้องูตุ๋น

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 688 เนื้องูตุ๋น
“ไม่เอา ๆ มากเกินไป 100 หยวนก็พอแล้ว ไม่ต้องเยอะขนาดนั้น !”

เยี่ยเทียนยื่นเงิน 500 หยวนให้เหล่าฉีหลังจากกินข้าวเสร็จ เหล่าฉีตกใจจนต้องรีบปฏิเสธ ไก่ก็เลี้ยงเอง ผักก็ไปเด็ดจากในป่า ต้องใช้เงิน 500 หยวนมากขนาดนี้ที่ไหนกันล่ะ

คนชนบทเป็นคนซื่อ แม้จะมีป้ายแหล่งท่องเที่ยวชุมชนแขวนไว้ แต่เหล่าฉีไม่อยากให้เสียหน้า ปกติแขกกินเท่าไหร่ก็รับไว้เท่านั้น นี่กินกันแค่สองคน เคยมากินมากที่สุด 10 คน เขาก็ไม่เคยรับเงินมากถึง 500 หยวน

“เหล่าฉี รับไว้เถอะ…”

เยี่ยเทียนยิ้มและยัดเงินเข้ากระเป๋าของเหล่าฉี พูดอีกว่า “ถ้าผมกลับมา เรามาดื่มด้วยกันอีกสักหน่อยนะ ผมเห็นคุณมีเห็ดหัวลิง ของแบบนี้เอาไปทำซุปรสชาติไม่เลวเลยนะ”

“ได้ ถ้าพวกคุณกลับมาผมจะทำซุปให้กิน!”

หลังจากได้ยินเยี่ยเทียนพูดแบบนั้น เหล่าฉีก็ไม่ปฏิเสธอีก แต่เหล่าฉีกรอกเหล้าใส่ขวดไว้เต็ม ๆ หนึ่งขวด และให้เยี่ยเทียนเอาไปให้ได้ กำชับไว้ว่ามันเพิ่มความอุ่นให้ร่างกายได้

หลังจากร่ำลาสองสามีภรรยาเสร็จ เยี่ยเทียนกับโจวเซี่ยวเทียนเดินลงเขา ที่นี่เป็นพื้นที่รอบนอกของอาณาเขต ชาวบ้านที่อยู่มานานหลายร้อยปีเดินขึ้นลงเขาจนมีทางเดิน

แม้ปราณชีวิตแท้ของเยี่ยเทียนจะหายไปทั้งหมด แต่กำลังของร่างกายยังแกร่งกว่าคนทั่วไป คงไม่ต้องพูดถึงโจวเซี่ยวเทียน เขาเดินเร็วมากเพราะมีปราณชีวิตแท้อยู่เต็มตัว

ทั้งสองคนเดินข้ามภูเขาแล้วหนึ่งลูก หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ที่ตรงนี้มีต้นไม้ใบไม้หนาแน่น มีสัตว์ป่า อาทิเช่น ลิง เสือดาวและหมูป่า

เหมาโถวตื่นเต้นมากหลังจากเดินมาถึงในป่า เพราะมันไม่ต้องหลบสายตาของคน มันกระโดดเข้าไปในป่าทันที แม้แต่เยี่ยเทียนก็ไม่รู้ว่ามันไปทำอะไรที่ไหน

แต่เยี่ยเทียนรู้ว่า ขอแค่ไม่บังเอิญไปเจอคนมีวิชาระดับสูง สัตว์ต่าง ๆ ในป่าทำอะไรเหมาโถวไม่ได้แน่นอน ส่วนการรับรู้ของเหมาโถว ไม่มีทางหายไปแน่นอน

“อาจารย์ครับ สมุนไพรพวกนั้น อาจารย์ไม่เก็บเหรอครับ ? ”

โจวเซี่ยวเทียนอยู่กับโก่วซินเจียมานาน เขาพอรู้เรื่องเกี่ยวกับสมุนไพรอยู่บ้าง ตลอดการเดินทาง เขาเห็นสมุนไพรขึ้นตามทางมากมาย เขารู้สึกแปลกใจมากที่เยี่ยเทียนไม่ก้มลงไปเก็บเลย

เยี่ยเทียนปฏิเสธ และตอบว่า “อายุของมันน้อยไป ยังไม่สามารถใช้เป็นยาได้ รอให้มันโตอีกหน่อยละกัน” เพราะที่นี่เป็นแหล่งอาหารของชาวบ้านจำนวนไม่น้อย

โจวเซี่ยวเทียนรู้จักสมุนไพรพวกนี้ทั้งหมด หมอชุมชนก็ต้องรู้เหมือนกัน และที่ไม่เก็บ ก็เพราะไม่อยากเก็บก่อนเวลาอันควร เยี่ยเทียนเองก็ไม่ทำเรื่องแบบนั้นแน่นอน

และแน่นอนว่า ถ้าพบสมุนไพรพันธ์ร้อยเกสรกับเห็ดหลินจือพันปี เยี่ยเทียนต้องเก็บแน่นอน เพราะของพวกนี้ หากนำไปใช้เป็นยา มันสามารถผลิตยาที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้จริง ๆ

“อาจารย์ครับ อาจารย์มาที่นี่ มีจุดประสงค์อื่นใช่มั้ยครับ ? ”

โจวเซี่ยวเทียนไม่ได้โง่ แค่ไม่อยากพูด แต่ตอนนี้มีเขากับอาจารย์แค่สองคน สุดท้ายก็อดกลั้นไม่ไหว จึงได้ถามออกไป

เยี่ยเทียนคิดไปครู่หนึ่งตอบว่า “มาหาสมุนไพร แต่ได้ยินว่ามีอาจารย์เก่ง ๆ อยู่ในอาณาเขต ก็เลยอยากมาลองดู เผื่อโชคดี ”

สำหรับคัมภีร์เต๋าไคหยวนเยี่ยเทียนไม่ได้พูดให้ศิษย์พี่ฟัง เขาไม่เล่าให้โจวเซี่ยวเทียนฟังอยู่แล้ว จึงได้หาเหตุผลบางอย่างและพูดไปแบบนั้น

“อาจารย์ครับ อย่าไปฟังเหล่าฉีพูดเพ้อเจ้อเลย” โจวเซี่ยวเทียนเบะปากและพูดต่อ “บนโลกนี้ไม่มีเทพเซียนหรอก ถ้ามีจริง คงวุ่นวายกันหมดแล้วมั้งครับ ? ”

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้เรื่องเทพเซียนกับเรื่องผี หายไปจากในสังคม โดยเฉพาะคนอย่างโจวเซี่ยวเทียนที่เติบโตมากับเกมส์ และ ทีวี เขาไม่มีทางเชื่อเรื่องแบบนี้แน่นอน

“ไม่มีเทพเซียนหรอก”

เยี่ยเทียนพยักหน้าและพูดว่า “มีแต่คนที่มีพลังพิเศษ ในสายตาของคนทั่วไป พวกเขาคงมองว่าคน ๆ นั้นคือเทพเซียนหละมั้ง ? ”

บางสิ่งบางอย่าง หากพูดตอนนี้ โจวเซี่ยวเทียนก็ไม่เข้าใจ เยี่ยเทียนไม่อยากเท้าความ เขาจึงเดินเร็วขึ้น

เยี่ยเทียนกลัวว่าหิมะจะตกตามที่เหล่าฉีพูด ถ้าร่างกายของเขาไม่มีปราณชีวิตแท้ปกป้องอยู่ ก็คงจะใช้ชีวิตยาก

ฤดูหนาวกลางวันสั้น กลางคืนยาว พระอาทิตย์จะตกดินตั้งแต่ห้าโมงเย็น ทิวทัศน์รอบ ๆ มองแทบจะไม่เห็นแล้ว ส่วนในป่ายิ่งดึกก็ยิ่งเงียบ

เยี่ยเทียนกับลูกศิษย์ข้ามภูเขาสองลูกโดยใช้เวลาไป 4-5 ชั่วโมง ทางเดินตรงนี้ถูกต้นไม้ต้นหญ้าบดบังไว้หมด นอกจากสวนสมุนไพรในป่าแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่มีนักท่องเที่ยวเคยมาที่นี่

“เซี่ยวเทียน เราค้างคืนกันที่นี่เถอะ ! ”

ตอนที่กำลังปีนขึ้นเขาลูกที่สาม เยี่ยเทียนหยุดอยู่กลางเขาลูกนั้น บริเวณใกล้ ๆ มีธารน้ำเล็ก ๆ เหมาะกับการพักและต้มน้ำมาก

เยี่ยเทียนหยิบมีดออกมาจากกระเป๋าหนึ่งด้าม จากนั้นเขาก็ใช้มันตัดหญ้า ตัดไม้แห้งและเคลียร์พื้นที่ ตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หากไม่ระมัดระวังอาจเกิดไฟป่าได้จริง ๆ

“หรือว่าคนฝึกวิชาที่อาศัยอยู่ในป่า กลัวไฟจะเผาต้นไม้ จนทำให้ปราณวิเศษหายไป ? ”

พอคิดถึงตรงนี้ เยี่ยเทียนคิดถึงบางอย่าง “ใช่ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ พืชต่าง ๆ ในป่าแห่งนี้ บางทีอาจเป็นต้นตอของการกำเนิดปราณวิเศษก็ได้”

โจวเซี่ยวเทียนวางกระเป๋าเป้ลง หลังจากที่เห็นเยี่ยเทียนเคลียร์หญ้าแห้งพวกนั้น เขาก็หัวเราะและถามไปว่า “อาจารย์ครับ ไม่กลัวเทพเซียนมาหาเพราะเราจุดไฟเหรอครับ ? ”

“ฉันมาหาเทพเซียน กลัวแค่เขาไม่ออกมาน่ะสิ”

เยี่ยเทียนพูดกึ่งเท็จกึ่งจริง “เอาเถอะ เอาหม้อออกมาต้มน้ำ เดี๋ยวฉันจะไปล้างเห็ดหัวลิงพวกนี้ก่อน คืนนี้เราต้มน้ำซุปกัน”

ตลอดทางที่เดินมา แม้เยี่ยเทียนไม่ได้เก็บสมุนไพรเลยแม้แต่น้อย แต่เขาเก็บเห็ดหัวลิงที่ขึ้นตามท่อนไม้ได้เยอะมาก

คุณค่าของเห็ดชนิดนี้สูงมาก ถือว่าเป็นอาหารที่มีชื่อเสียงซึ่งเทียบได้กับ หูฉลาม อุ้งตีนหมี และรังนก มีตามเทือกเขาเหมาซานเหมือนกัน แต่ค่อนข้างน้อย เยี่ยเทียนกับอาจารย์ นาน ๆ จะได้กินครั้งนึง

การเดินทางในครั้งนี้ เยี่ยเทียนเตรียมตัวพร้อมมาก ในกระเป๋าเป้ใบนั้นไม่เพียงแต่มีเต้นท์และหม้อชามต่าง ๆ ยังมีแก๊สกระป๋องกับเตาอีกด้วย ไม่จำเป็นต้องใช้ใบไม้แห้งเลยด้วยซ้ำ

หลังจากเปิดแก๊สออก โจวเซี่ยวเทียนถามออกไปอย่างกังวลว่า “อาจารย์ครับ เหมาโถวล่ะ มันไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ? ”

“จีจี ! ”

ยังพูดไม่ทันจบ เสียงร้องของเหมาโถวก็ดังขึ้น มันวิ่งลงมาจากกิ่งไม้สูง

แต่ดูเหมือนร่างกายของเหมาโถวเกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อกี้ตัวมันยาวไม่ถึงหนึ่งเมตร แต่ตัวของมัน ณ ตอนนี้ กลับมีหางยาวอยู่หนึ่งเส้น

“เจ้าตัวแสบ ไปล่าสัตว์มาเหรอ ? ”

แม้แต่เยี่ยเทียนยังตกใจ มองมันด้วยความสงสัย และพบว่ามันคาบงูขนาดใหญ่เท่าแขนเด็กไว้หนึ่งตัว ที่น่าแปลกไปกว่านั้นคืองูตัวนั้นเป็นงูสีขาว คล้ายกับขนของมันมาก

“จี จี ! ”

เหมาโถวกัดเข้าที่บริเวณคอของงู มันกระโดดก้าวเดียวขึ้นไปถึงไหล่ของเยี่ยเทียนและส่งเสียงร้องด้วยความภูมิใจ ความยาวของงูตัวนั้นราว ๆ 4-5 เมตร น้ำหนักน่าจะราว ๆ ห้าสิบกิโลขึ้นไป มันคาบมาอย่างเบาหวิวเหมือนกับในปากไม่มีอะไรเลย

“เยี่ยมมาก วันนี้เราทำงูตุ๋นเห็ดหัวลิง เสียดายเลยถ้าไม่จัดการงูตัวนี้สักหน่อย”

เยี่ยเทียนยิ้ม และจับงูตัวนั้นออกมาจากปากของเหมาโถว ประมาณเจ็ดนิ้วจากส่วนหัวของงูตัวนั้นถูกเหมาโถวกัดจนเละไปหมด โอกาสรอดไม่มีแล้วล่ะ

“อาจารย์ งูขาวตัวนี้กินได้เหรอครับ ? ” โจวเซี่ยวเทียนไม่เชื่อเรื่องผีกับเทพเซียน แต่งูตัวนี้ขาวดั่งหิมะ แตกต่างจากงูที่เคยเห็นอย่างสิ้นเชิง

“เหมาโถวกินได้ พวกเราก็กินได้ จะกลัวอะไร ! ”

เยี่ยเทียนส่ายหัว หยิบมีดสั้นอู๋เหินออกมาและผ่าท้องของงูตัวนั้นตรงลำธาร เขาพบว่าถุงน้ำดีหายไปแล้ว หรือว่าเหมาโถวจะกินไปแล้ว

หลังจากลอกหนังเสร็จ เนื้อสีขาวดุจหิมะถูกแบ่งเป็นท่อน ๆ โยนเข้าไปในหม้อ เหมือนว่าหม้อจะเล็กเกินไป แค่หนึ่งท่อนยังใส่เข้าไปไม่ได้ แต่ยังดีที่อากาศค่อนข้างเย็นทำให้เนื้องูไม่บูดง่าย ๆ

กลิ่นหอมของเนื้องูผสมกับเห็ดหัวลิงลอยออกมาแตะจมูกพร้อมกับน้ำที่เดือด

“จี…จี จี ! ”

ทันทีที่ได้กลิ่น เหมาโถววิ่งมาอยู่ข้าง ๆ หม้ออย่างรวดเร็ว เล็บน้อย ๆ ของมันคนในหม้อเร็วปานฟ้าผ่า เนื้องูที่ดูหนักเกือบหนึ่งกิโลถูกมันหยิบขึ้นมา ยัดเข้าปากแบบไม่กลัวความร้อน

“เจ้าตัวแสบ ทำอะไรเนี่ย ? ”

เยี่ยเทียนต่อว่าเหมาโถวแบบขำ ๆ เขาใช้ช้อนตักน้ำซุปขึ้นมาชิมเสร็จถึงกับตะลึงกับรสชาติ และกินซุปช้อนนั้นเข้าไปทั้งคำ

ทันทีที่กินเข้าไป เยี่ยเทียนชมไม่หยุด “อร่อย สด สดมาก สดกว่าตอนที่กินบนเขาเหมาซานอีก ! ”

เยี่ยเทียนยังทนความร้อนได้มากกว่าคนทั่วไปเพราะวิชาที่ฝึกมาเป็นสิบ ๆ ปี แม้ว่าปราณชีวิตแท้จะหายไปหมดแล้วก็ตาม เขาไม่สนความร้อนและเริ่มตักกินเนื้องู ท่าทีการกินของเขาไม่ได้เรียบร้อยกว่าเหมาโถวเลยสักนิด

“อาจารย์ เหลือให้ผมด้วยสิ”

หม้อต้มเล็กอยู่แล้ว ส่วนเยี่ยเทียนกับเหมาโถวเองก็กินเร็วมาก ตอนที่โจวเซี่ยวเทียนรู้ตัว ทั้งคนทั้งเฟอร์เร็ตกินเนื้อเข้าไปหลายก้อนแล้ว

เนื้องูปริมาณเกือบห้ากิโลถูกแย่งกันกินจนหมด เยี่ยเทียนรู้สึกสบายตัวมาก หลังจากที่เดินทางอย่างเร่งรีบมาทั้งวัน ตอนนี้เหมือนมีปราณร้อนกำลังเคลื่อนไหวในร่างกายของเขา

“หืม ก็ยังไม่ได้อยู่ดี” เยี่ยเทียนทดลองใช้แก่นของจิตชี้นำให้ทำงาน แต่ปราณร้อนที่อยู่ในร่างกายกลับกำลังกระจายไปทั่วร่างกายของเขา

“เซี่ยวเทียน ในเนื้องูมีปราณวิเศษ นายรีบนั่งโคจรลมปราณเร็ว ! “

เยี่ยเทียนเงยหน้าเห็นความแดงบนใบหน้าของโจวเซี่ยวเทียน เขารู้ทันทีว่ามันคือการแสดงออกว่าปราณ หยางมีมากเกินไป แต่เหมาโถวที่กินเยอะที่สุด กลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย

“แม้เทือกเขาฉางไป๋ซานกว้างใหญ่ไพศาล แต่ปราณวิเศษในป่าก็ยังสู้ที่นี่ไม่ได้”

แค่งูธรรมดาตัวหนึ่ง ยังมีปราณวิเศษหล่อเลี้ยงในร่างของมัน เห็นได้ชัดแล้วว่ามีปราณวิเศษมากมายล่องลอยอยู่ในอาณาเขตแห่งเทพกสิกร คาดว่าในประเทศจีน ก็คงมีแค่ที่นี่ที่ยังคงรักษาสภาพเดิมเอาไว้ได้

ขณะที่โจวเซียวเทียนกำลังนั่งโคจรลมปราณ เยี่ยเทียนไม่ได้กางเต้นท์ออกเช่นกัน เขาเดินไปจุดไฟตรงกองหญ้าแห้ง

แม้จะหนาวเย็นยะเยือก แต่ด้วยความสามารถของสองคนนี้ ไม่ต้องจุดไฟเอาความอุ่นจากไฟก็อยู่ได้เหมือนกัน แต่หลังจากได้ยินเหล่าฉีเล่าเรื่องพวกนั้นเสร็จ เยี่ยเทียนมีจุดประสงค์อื่น