ตอนที่ 2140

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,140 : อันดับที่ 9 ในรายนามยอดเซียน!

 

“การทดสอบรอบที่ 2 ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ!”

 

แทบจะพร้อมกันกับที่เสียงของเจิ้งตงจี๋ดังจบคำ ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทันที อยู่ๆฉากเบื้องหน้าของเขาก็กลับกลายเป็นมืดดำสนิท!

 

เมื่อมีแสงสว่างเข้าตาอีกครั้ง เขาก็พบว่าตอนนี้เขาถูกเคลื่อนย้ายมาอยู่ในถ้ำที่กว้างใหญ่แห่งหนึ่งเสียแล้ว…

 

เพียงปราดมองไปรอบๆครู่เดียวเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่ามันเป็นถ้ำตัน ไร้ช่องทางเข้าออกใดๆ ทั้งยังรกร้างแลดูแห้งแล้งนัก…

 

ที่กล่าวว่ารกร้างแห้งแล้งนั้นไม่ใช่ใดอื่น แต่เพราะในถ้ำแห่งนี้มองไปทางใดก็เห็นแต่พื้นที่เป็นดินทราย ไม่อาจแลเห็นสีเขียวใดๆ ไม่มีแม้แต่ความชื้นในอากาศ เรียกว่าช่างรกร้างและแห้งแล้งเหลือเกิน…

 

วูบ! วูบ! วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!

 

……

 

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้นในถ้ำ ก็บังเกิดการกระเพื่อมของสายลมหลายจุด ร่างคนจำนวนมากปรากฏขึ้นในถ้ำแห่งนี้แทบจะพร้อมๆกันกับเขา!

 

และเมื่อทุกคนปรากฏตัวออกมา สิ่งแรกที่กระทำก็คือมองสำรวจไปรอบๆเหมือนกันกับต้วนหลิงเทียน

 

ถ้ำนี้แม้จะกว้างใหญ่อยู่บ้าง แต่ด้วยความที่มันรกร้างว่างเปล่าทั้งแห้งแล้งจึงแลเห็นขอบเขตได้ง่ายดาย มองเห็นสุดปลายถ้ำทั้ง 2 ด้านได้ชัดเจน

 

อย่างไรก็ตามแม้จะเห็นที่ทางในถ้ำชัดถนัดตา แต่ก็หาได้ลดทอนแรงกดดันในใจของใครหลายๆคนไม่! แรงกดดันที่ว่ายังทำให้พวกมันแทบจะเป็นลม!!

 

เพราะสุดท้ายแล้วนี่ก็คือการทดสอบรอบที่ 2!

 

แค่การทดสอบรอบแรกก็เป็นอะไรที่ยากมากสำหรับพวกมันหลายคน บางคนถึงขั้นผ่านมาได้เพราะโชคช่วยด้วยซ้ำ!!

 

การทดสอบรอบที่ 2 ย่อมยากกว่าเดิมเป็นธรรมดา!

 

เช่นนั้นแล้วในถ้ำโล่งๆที่ไม่คล้ายจะมีอะไรนี่ ต้องมีอันตรายใหญ่หลวงใดๆซุกซ่อนอยู่แน่นอน!

 

และสิ่งที่ไม่รู้เป็นอะไรที่น่ากลัวที่สุดเสมอ…

 

ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะหวั่นใจ

 

‘ไม่รู้คนที่ถูกส่งมาให้อยู่กลุ่มเดียวกับข้าจะมีใครบ้าง…’

 

นึกถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ดึงสติกลับมาจากการสังเกตที่ทางโดยรอบ และหันมาจดจ่อผู้ฝึกตนที่ถูกส่งมาอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเขาทันที

 

คนเหล่านี้จะเป็น ‘สหาย’ ที่ร่วมฟันฝ่าบดทดสอบรอบที่ 2 ไปพร้อมกันกับเขา…

 

และการทดสอบรอบที่ 2 นี้ ก็อิงผลงานของกลุ่ม! จะรอดก็รอดไปด้วยกัน จะตายก็ตายด้วยกันทั้งหมด!!

 

ประหนึ่งทุกคนถูกจับมัดให้มาอยู่ในเรือลำเดียวกัน!

 

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังมองสำรวจคนอื่นๆ คนอื่นๆก็กำลังหันมองสำรวจผู้คนในถ้ำแห่งนี้เช่นกัน

 

ความในใจของพวกมันที่กำลังครุ่นคิดอยู่ ก็ไม่ต่างอะไรจากความในใจต้วนหลิงเทียน

 

ในการทดสอบครานี้ คุณภาพของ ‘สหาย’ จะส่งผลโดยตรงว่าพวกมันจะอยู่หรือไป…และหากพวกมันล้มเหลวในการทดสอบรอบที่ 2 นี้ล่ะก็ หนทางเดียววที่รออยู่ก็คือความตายเท่านั้น! ทำให้ทุกคนบังเกิดความรู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!!

 

“ใต้เท้าไป๋ลี่”

 

ทันใดนั้นเองชายวัยกลางคนร่างผอมในชุดคลุมสีเขียวพลันกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด ให้ทุกคนในกลุ่มไม่เว้นต้วนหลิงเทียนได้ยินกันถ้วนหน้า ทำให้ต่างหันมองไปที่มัน ก่อนจะมองตามสายตามันไปตกยังร่างในชุดขาวทันที

 

ฟังจากวาจาที่กล่าวออก ดูเหมือนผู้กล่าวจะตกใจไม่น้อยที่ได้พบพานคนๆนี้ที่นี่!

 

‘ใต้เท้าไป๋ลี่?’

 

ขณะที่ชายวัยกลางคนร่างผอมชุดเขียวมองทักชายชุดขาวด้วยความตกใจ ทุกคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียนก็มองพินิจร่างในชุดขาวทันที

 

เป็นชายหนุ่มมาในชุดขาวปลอด รูปร่างสมส่วนแลดูมากสง่ามีราศีจับ ด้วยใบหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ พร้อมความสงบนิ่งดั่งขุนเขาพาลให้รอบกายคล้ายมีพลังที่มองไม่เห็นขุมหนึ่งคอยผลักไสผู้คนให้ไกลห่างออกไปนับพันลี้ ยากจะเข้าหานัก…

 

และตรงกลางหน้าผากของชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้ มีปานสีแดงแต้มอยู่ แลดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ชวนให้สะดุดตานัก

 

มันเพียงยืนอยู่เฉยๆ กลับให้ความรู้สึกเลื่อนลอยไม่อาจจับต้อง ประหนึ่งมันเป็นเทพเซียนอมตะที่อยู่เหนือโลกีย์วิสัย

 

“ปะ…เป็นใต้เท้าไป๋ลี่จริงๆ!”

 

ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งจากนครแห่งบาปคนหนึ่ง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือหลังจากยืนยันตัวบุคคลได้แล้ว เห็นชัดว่ามันตื่นเต้นไม่น้อย

 

มันเองก็อยู่ในนครแห่งบาปมาหลายร้อยปีแล้ว เคยได้มีวาสนาพบพานชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้ครั้งหนึ่ง และมันก็ประทับใจอีกฝ่ายมากจึงจดจำอีกฝ่ายได้ทันทีตั้งแต่แรกเห็น สามารถระบุตัวคนได้ชัดเจน

 

“ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าข้าจะถูกส่งมาให้อยู่กลุ่มเดียวกับใต้เท้าไป๋ลี่แบบนี้…นับว่าโชคข้ายังดีอยู่นัก!”

 

“ด้วยมีใต้เท้าไป๋ลี่อยู่ทั้งคน การทดสอบรอบที่ 2 นี่ไม่นับเป็นอะไรแน่!”

 

สำหรับผู้ฝึกตนเหล่านี้แล้ว

 

ไป๋ลี่เป็นตัวตนที่เปรียบได้ดั่งเทพเจ้า!

 

“ใต้เท้าไป๋ลี่…เช่นนั้นคนผู้นั้นก็คือ ไป๋ลี่ ของนครแห่งบาป!”

 

หลายคนหยีตาหดเล็ก ในแววตายังฉายชัดถึงความหวาดกลัว ใบหน้ายังเผยความหวั่นเกรงให้เห็นจางๆ ราวกับตื่นตระหนกอยู่บ้าง

 

‘เจ้านั่นน่ะหรือ ไป๋ลี่ 1 ใน 3 เทพผู้พิทักษ์ที่พลังฝีมือร้ายกาจที่สุดของนครแห่งบาป ทั้งยังทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน…ยอดฝีมืออันดับที่ 9 ในรายนามยอดเซียน?’

 

ในขณะที่ทุกคนมองไป๋ลี่ด้วยความสนใจ สายตาต้วนหลิงเทียนก็ตกอยู่บนร่างไป๋ลี่ด้วยเช่นกัน ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจอยู่บ้าง

 

หากคนตรงหน้าคือไป๋ลี่ที่เขารู้จักจริงๆ

 

เช่นนั้นชายเบื้องหน้าผู้นี้ สมควรเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด ที่เขาเคยได้พบพานมาตลอดชั่วชีวิตนอกเหนือจาก ผู้เฒ่าหั่ว!

 

ไป๋ลี่ 1 ใน 3 สุดยอดฝีมือ ที่ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของนครแห่งบาป และเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนที่ร้ายกาจที่สุดระดับแนวหน้าของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ผู้ที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!

 

อันดับในทำเนียบสุดยอดฝีมือของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอย่างรายนามยอดเซียนก็คือ อันดับที่ 9!

 

อันดับ 9 ในรายนามยอดเซียน เรื่องนี้หมายความว่าอะไร?

 

“ใต้เท้าไป๋ลี่”

 

“ใต้เท้าไป๋ลี่”

 

……

 

หลังจากที่ทุกคนในถ้ำยืนยันตัวตนของไป๋ลี่ได้แล้ว พวกมันหลายคนถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น เร่งทักทายไป๋ลี่ด้ววยความเคารพราวกับขุนนางถวายบังคมฮ่องเต้!

 

“จ้าวค้างคาวปีกเขียว!”

 

ในขณะที่สายตามากมายจับจ้องไปยังร่างไป๋ลี่และก้มหัวทักทายไป๋ลี่นั้นเอง มีบางคนที่ไม่ได้สนใจไป๋ลี่หากแต่ให้ความสนใจกับชายวัยกลางคนในชุดสีเขียวคนหนึ่ง…

 

ชายวัยกลางคนในชุดสีเขียวผู้นี้เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นไป๋ลี่ และเอ่ยทักไป๋ลี่ก่อนใคร

 

ตอนนี้ไป๋ลี่เองก็หันมองไปที่มัน ค่อยพยักหน้าทักมันกลับด้วยความสุภาพ

 

“เป็นผู้ใดกันที่ทำให้ใต้เท้าไป๋ลี่ไว้ท่าทีเช่นนี้…”

 

ในขณะที่ไป๋ลี่หันไปมองทักชายวัยกลางคนชุดเขียวว หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจทั้งสงสัย

 

“จ้าวค้างคาวปีกเขียว?”

 

และทันทีที่เสียงของไป๋ลี่ดังจบคำ คนส่วนใหญ่ไม่เว้นต้วนหลิงเทียน ก็อดไม่ได้ที่จะสะท้านอยู่ในใจ!

 

ทันใดนั้นสายตามากมายหลายคู่ก็หันไปจับจ้องชายวัยกลางคนชุดเขียวผู้นั้นทันที

 

เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมหากแต่ไม่ถือว่าอ้วนคนหนึ่ง ด้วยศีรษะที่มีขนาดค่อนข้างเล็กแลดูไม่เข้ากับขนาดตัว ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะนึกถึง หนูขี้โขมย’ อยู่บ้าง

 

แม้มันจะยืนอยู่เฉยๆ แต่ให้ความรู้สึกลี้ลับยากหยั่งถึง

 

“มัน…มันคือ 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ จ้าวค้างคาวปีกเขียว เหวยสั่ว!?”

 

บางคนดึงสติกลับมาหลังจากอึ้งไปวูบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกหลังสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ

 

“ไม่ผิด!”

 

ตอนนี้เองพลันมีชายคนหนึ่งกล่าวออกด้วยความมาดมั่นแลดูภาคภูมิใจถึงที่สุด “นี่คือจ้าวค้างคาวปีกเขียว 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬเรา! ใต้เท้าเหวยสั่ว!!”

 

และผู้ที่กล่าวออกมาอย่างมาดมั่นนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น มันเป็นอาวุโสคนหนึ่งของลัทธิอารามทมิฬ!

 

‘จ้าวค้างคาวปีกเขียวเหวยสั่วผู้นี้ คือ 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ…แม้พลังฝีมือของมันจะจัดว่าต้อยต่ำที่สุดในบรรดา 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ แต่ก็ไม่ใช่ชนชั้นต่ำทรามอันใด…’

 

‘เพราะมันไม่เพียงแต่จะเป็นถึงผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน แต่พลังฝีมือยังติดอยู่ในอันดับที่ 24 ของรายนามยอดเซียน!’

 

จังหวะนี้ความคิดในหัวต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงข้อมูลของ 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬที่เขารับทราบมา และหนึ่งในนั้นอย่าง จ้าวค้างคาวปีกเขียว ก็ระบุไว้เช่นกัน

 

“ใต้เท้าไป๋ลี่ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งข้ากับท่านต้องมาร่วมมือกันแบบนี้…นับเป็นโชคชะตาจริงๆ”

 

เมื่ออยู่ต่อหน้าไป๋ลี่ แม้แต่มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬอย่างเหวยสั่วก็ยังต้องไว้หน้า ไม่กล้าละเลย

 

ล้อกันเล่นหรือ!

 

ไป๋ลี่ไม่ใช่แค่ เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน แต่พลังฝีมือยังรั้งอยู่ในอันดับที่ 9 ของรายนามยอดเซียน! อาศัยพลังฝีมือนี้ยังร้ายกาจยิ่งกว่า พญามังกรเสื้อม่วง มหาธรรมราชาที่แข็งแกร่งที่สุดใน 4 มหาธรรมราชาเสียอีก!

 

ในลัทธิอารามทมิฬของพวกมัน เห็นทีจะมีแต่จ้าวลัทธิเท่านั้นที่สามารถเอาชนะไป๋ลี่ได้!

 

ต้องเผชิญหน้ากับตัวตนเช่นนี้มันยังกล้าไม่สุภาพหรือละเลยอีกฝ่ายได้หรือ?

 

แม้ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนขึ้นไปไม่ต่าง แต่เหวยสั่วก็กระจ่างแจ้งแก่ใจ ว่าพลังฝีมือของมันยังห่างชั้นหากคิดจะวัดกับไป๋ลี่!

 

“อืม”

 

ไป๋ลี่พยักหน้ารับเบาๆ แม้จะอยู่ต่อหน้าเหวยสั่ว 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ ที่เป็นเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน แต่มันยังคงเย็นชาไม่แยแส

 

หากแต่ความเฉยเมยไม่ใส่ใจนี้ของมัน เหวยสั่วย่อมไม่ถือ

 

ยอดฝีมือที่เข้มแข็งย่อมมีความหยิ่งและความถือดีในตัว!

 

ด้วยพลังฝีมือของไป๋ลี่ แค่มันไม่เพิกเฉยต่อเหวยสั่ว ก็นับว่าเป็นการไว้หน้ามากแล้ว

 

เรื่องนี้เหวยสั่วย่อมรู้ดี

 

“ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าข้าจะถูกส่งมาอยู่กลุ่มเดียวกันกับใต้เท้าไป๋ลี่และใต้เท้าเหวยสั่ว…มีใต้เท้าทั้ง 2 ท่านเช่นนี้ การทดสอบรอบที่ 2 ยังมิใช่การเดินเล่นอีกหรือ?”

 

ไม่นานก็มีคนกล่าวออกมาอย่างสบายใจ

 

และวาจาของมันก็ได้รับความเห็นชอบจากใครหลายๆคนทันที

 

“เดินเล่น?”

 

ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับลอบส่ายหัวเบาๆ…

 

อย่างที่ เจิ้งตงจี๋ 1 ใน 3 เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ผู้สร้างระนาบเทียมแห่งนี้กล่าว…การทดสอบรอบที่ 2 นั่นจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม!

 

และทั้ง 3 กลุ่มก็จะทดสอบพร้อมๆกัน

 

กลุ่มที่แพ้ก็เสมือนเจอทางตัน

 

มีเพียง 2 กลุ่มเท่านั้นที่สามารถผ่านการทดสอบรอบที่ 2 จึงจะได้ไปต่อ และเข้ารับบดทดสอบรอบที่ 3…

 

‘ทั้ง 3 กลุ่มไม่มีทางสุ่มคนมามั่วๆแน่นอน…อาจเป็นการจัดกลุ่มตามระดับพลังฝีมือโดยรวม นั่นหมายความว่ากำลังรบโดยรวมของทั้ง 3 กลุ่มสมควรถูกเฉลี่ยให้เท่าๆกัน’

 

คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะถามผู้เฒ่าหั่วทันที

 

และผู้เฒ่าหั่วตอบกลับเขามาอย่างรวดเร็ว

 

“กฏเกณฑ์ในระนาบเทียมแห่งนี้ล้วนถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือของผู้สร้างทั้งสิ้น…โดยทั่วไปแล้วการทดสอบแบบแบ่งกลุ่มเช่นนี้ สมควรมีความยุติธรรม ไม่มีผู้ใดได้เปรียบเสียเปรียบแน่นอน…นั่นหมายความว่าพลังฝีมือรบโดยรวมของทั้ง 3 กลุ่มย่อมเฉลี่ยมาเท่าๆกัน”

 

และคำตอบของผู้เฒ่าหั่ว ก็ยืนยันข้อสันนิษฐานของต้วนหลิงเทียนได้ชัดเจน

 

ในกลุ่มเขามียอดฝีมืออย่างไป๋ลี่กับเหวยสั่ว

 

เช่นนั้นหมายความว่าอีก 2 กลุ่มที่เหลือก็ต้องมีตัวตนทรงพลังระดับนี้อยู่เช่นกัน

 

ดังนั้นความคิดที่ว่ากลุ่มนี้จะผ่านการทดสอบรอบที่ 2 แน่ๆเป็นความคิดที่ตื้นเขินและด่วนสรุปเกินไป…

 

ในเมื่อพลังรบโดยรวมของอีก 2 กลุ่มที่เหลือไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน นั่นหมายความว่าผลลัพธ์สุดท้ายก็ไม่แน่ว่ากลุ่มนี้จะเป็นผู้ที่ได้ไปต่อ!