ตอนที่ 847 แค่ลงมือก็พอ

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ความขัดแย้งระหว่างจางซือถงและจางซือฉีเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น

สองพี่น้องสนิทสนมกันมาเสมอและแทบไม่เคยมีความขัดแย้งบาดหมางกันไม่ว่าเรื่องใด ยิ่งไปกว่านั้น จางซือถงก็มักทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผู้เป็นน้องมาโดยตลอดและทุกคนในเมืองเทียนยงต่างก็ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี

“ข้าไม่คิดเลยว่าจางซือฉีจะมีจิตใจชั่วร้ายถึงเพียงนี้ !”

เมิ่งเยี่ยเดินเข้าไปหยุดด้านข้างฉินอวี้โม่ซึ่งอยู่ไม่ไกลและถอนหายใจเบา ๆ เมื่อเห็นการประจันหน้าของสองพี่น้อง

เขาเคยเห็นกับตาตัวเองและทราบถึงธาตุแท้ที่ชั่วร้ายของจางซือฉี อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดมาก่อนว่านางจะทำได้ถึงขั้นผลักพี่สาวออกไปตายแทนตนเช่นนี้

เรียกได้ว่าการที่จางซือถงถูกเนตรปีศาจจับตัวไปตั้งแต่แรก มันก็มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับจางซือฉี

“พี่รอง ฟังข้าอธิบายก่อนเถอะ…”

ความตื่นตระหนกบนใบหน้าของจางซือฉีชัดเจนมากขึ้นและไม่อาจปิดบังได้อีก หากแตกหักกับจางซือถงจริง ๆ อนาคตของนางในตระกูลจางจะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ตราบใดที่จางซือถงเปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กับทุกคน ชะตากรรมของนางก็คงจะเลวร้ายมากทีเดียว

“เจ้าจะแก้ตัวอย่างไรได้อีก ?!”

จางซือถงขัดวาจาของน้องสาวทันที “จางซือฉี เดิมทีเนตรปีศาจจับตัวเจ้าได้ก่อน ทว่าข้าก็พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยให้เจ้าหลุดพ้นออกมา ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะผลักข้าเข้าไปหามันเพื่อเอาตัวรอด เจ้าน่าจะรู้ดีว่าตราบใดที่ถูกเนตรปีศาจจับตัวไป ชะตากรรมก็มีเพียงแค่ความตายเท่านั้น หากมิใช่เพราะพวกเขาเข้ามาช่วยข้าไว้ ข้าก็คงไม่ได้มีโอกาสมายืนอยู่ตรงนี้ นับจากนี้ไป…ข้าและเจ้าขาดกัน อย่าบังอาจเรียกข้าว่าพี่สาวอีก”

เวลานี้จางซือถงเข้าใจแล้วว่าน้องสามของตนนั้นทั้งเห็นแก่ตัวและมีจิตใจชั่วร้ายเพียงใด เพื่อประโยชน์ของตนเอง จางซือฉีไม่สนใจชีวิตของผู้ใดเลยสักนิด แม้กระทั่งพี่สาวทั้งคนก็เป็นได้เพียงเครื่องมือหาผลประโยชน์สำหรับนาง

จางซือถงไม่ต้องการนำชีวิตของตนเองไปเสี่ยงเพราะผู้เป็นน้องสาวอีก นางตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องตัดขาดกับจางซือฉีให้ได้และจะไม่หลงเชื่อการแสดงละครตบตาของอีกฝ่ายอีกต่อไป

“พี่รอง…”

จางซือฉีต้องการกล่าวบางอย่าง ทว่าจางซือถงกลับเพิกเฉยต่อนางไปอย่างสมบูรณ์

“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้”

จางซือถงเดินเข้าไปหาฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือพร้อมโค้งคำนับเพื่อกล่าวขอบคุณทั้งสองอย่างจริงใจ

“มิใช่เรื่องใหญ่หรอก”

ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นเบา ๆ ทว่ารู้สึกว่าจางซือถงดูเจริญตามากขึ้น แม้คุณหนูรองแห่งตระกูลจางจะไม่ชาญฉลาดมากนัก ทว่านิสัยใจคอของนางก็ไม่ได้ถือว่าเลวร้ายแต่อย่างใด

“ถึงอย่างไรข้าก็ต้องขอบคุณพวกเจ้า และแม้เจ้าจะช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าก็ยังไม่ชอบหน้าเจ้าอยู่ดี”

จางซือถงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาและแสดงทัศนคติที่ชัดเจน

“ข้าก็เช่นกัน”

ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและกล่าวตอบ ทว่าในเวลานี้นางก็มั่นใจแล้วว่าจางซือถงจะไม่มาหาเรื่องสร้างความวุ่นวายให้กับตนอีกต่อไป

“เหอะ !”

เมื่อเห็นจางซือถงที่ยังคงเมินเฉยต่อตน จางซือฉีก็แค่นเสียงดังด้วยความไม่พอใจและหันหลังกลับก่อนมุ่งหน้าออกไปจากเมือง

ธาตุแท้ของนางถูกเปิดโปงแล้วและที่นี่ไม่มีผู้ใดหลงเชื่อการแสดงของนางอีกต่อไป เพราะเหตุนั้น การดึงดันอยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะตอกย้ำให้ตนเองต้องอับอายเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม คุณหนูสามแห่งตระกูลจางก็จะจดจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่มีวันลืมและจะไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่าย ๆ แน่ ฉินอวี้โม่และจางซือถง…นังแพศยาทั้งสอง กล้าทำให้ข้าอับอายขายหน้าเช่นนี้ ข้าไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่ !

อย่างไรก็ตาม แม้จางซือฉีจะแค่นเสียงดังออกมาและหันหลังเดินจากไป ทุกคนก็ไม่สนใจนางแม้แต่น้อย

“หึ ข้าก็จะไปเช่นกัน”

จางซือถงหัวเราะเบา ๆ ขณะมองฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก่อนกล่าว “ฉินอวี้โม่ ข้าขอเตือนไว้ว่าน้องสามของข้ามีจิตใจอาฆาตพยาบาทเป็นที่สุด ในเมื่อนางชิงชังเจ้าแล้ว หลังจากนี้เจ้าก็ควรระวังตัวไว้ให้มากขึ้น”

แม้ยังไม่ชอบหน้าฉินอวี้โม่เท่าใดนัก นางก็ไม่มีความคิดโกรธแค้นใด ๆ อีก ในทางกลับกัน จางซือถงจะไม่มีวันลืมพระคุณที่อีกฝ่ายช่วยชีวิตตนไว้อย่างแน่นอน

“ไม่ต้องห่วง นางทำอะไรข้าไม่ได้หรอก เจ้าต่างหากที่ควรระวังตัว…น้องสามของเจ้าอาจไม่ปล่อยให้เจ้ารอดชีวิตออกไปจากสมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้ เพราะตราบใดที่เจ้ากลับไปที่เมืองเทียนยงและเปิดโปงธาตุแท้ของนาง มันจะส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อชีวิตของนางเป็นแน่”

ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยความมั่นใจและเตือนจางซือถงอย่างเป็นมิตร ก่อนที่จางซือฉีจะเดินจากไป แววตาความมุ่งร้ายและความอาฆาตแค้นที่เพ่งมองมาของอีกฝ่ายก็ไม่ได้บรรจบลงที่ฉินอวี้โม่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

“ขอบคุณ ข้าจะระวังตัวไว้”

จางซือถงกล่าวและโบกมือก่อนหันหลังเพื่อเดินจากไป

“เฮ้อ ช่างมันเถอะ ถึงอย่างไรพวกเราก็มาจากเมืองเทียนยงเช่นเดียวกัน ข้าจะติดตามนางไปและช่วยปกป้องนางก่อนในช่วงนี้”

ขณะมองดูแผ่นหลังที่กำลังเดินจากไป เมิ่งเยี่ยก็นึกลังเลเล็กน้อยก่อนตัดสินใจได้ในที่สุด

เดิมทีเขาเคยนึกชิงชังจางซือถงเป็นที่สุด ทว่าหลังจากเหตุการณ์ครานี้ ความเกลียดขี้หน้าเหล่านั้นก็ลดน้อยลงมาก อย่างน้อยที่สุดจางซือถงก็แบ่งแยกความรักและความเกลียดไว้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังรู้จักที่จะซาบซึ้งในบุญคุณของผู้อื่นซึ่งถือว่าแท้จริงแล้วนางก็ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป ถึงอย่างไรเขาและนางก็มาจากเมืองเทียนยงเช่นเดียวกันและเชื่อว่าจางซือฉีจะหาทางจัดการกับผู้เป็นพี่สาวอย่างแน่นอน ตอนนี้ฉินอวี้โม่ก็มีหานโม่ฉือคอยดูแลอยู่ข้างกายแล้ว ตัวเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของนางอีก สมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้เต็มไปด้วยเรื่องอันตรายเกินคาดคิดมากมายและเขาคงปล่อยให้จางซือถงเผชิญกับสิ่งเหล่านั้นเพียงลำพังไม่ได้ เพราะเหตุนั้นเมิ่งเยี่ยจึงตัดสินใจที่จะติดตามไปปกป้องนาง

“เข้าใจแล้ว”

ฉินอวี้โม่ไม่มีความคิดที่จะคัดค้านแม้แต่น้อย อันที่จริงนางก็ไม่ต้องการให้จางซือถงต้องออกไปเผชิญกับอันตรายเพียงลำพังและไม่ต้องการให้แผนการของจางซือฉีประสบความสำเร็จเช่นกัน ตราบใดที่จางซือถงเอาตัวรอดออกไปจากมิติพิเศษแห่งนี้ได้สำเร็จ ธาตุแท้ของคุณหนูสามแห่งตระกูลจางก็จะถูกเปิดโปงต่อทุกคนอย่างแน่นอนและในอนาคตจางซือฉีจะมิได้เป็นที่ยกยอชื่นชมของผู้คนในเมืองเทียนยงอีกต่อไป

เมิ่งเยี่ยวิ่งตามจางซือถงออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่ทั้งสองจะออกจากเมืองและมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่งด้วยกัน

หลังจากสถานการณ์คลี่คลายและเมิ่งเยี่ยตามจางซือถงออกไป ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็ตามยินรุ่ยและวิญญาณร้ายเข้าไปในจวนเจ้าเมือง

“เนตรปีศาจ คำสาปของเมืองอู๋เริ่นคือสิ่งใดกันแน่ ?”

หานโม่ฉือเรียกเนตรปีศาจออกมาและฉินอวี้โม่ก็เอ่ยถามขึ้นทันที

“คำสาปนั้นมีอยู่จริง ทว่ามันถูกลบล้างไปนานแล้ว อย่างไรก็ตาม ในเมืองแห่งนี้ยังมีพลังที่พิเศษบางอย่างซึ่งคอยขัดขวางมิให้วิญญาณไร้ชีวิตไปเกิดใหม่ได้”

เนตรปีศาจไม่มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ใด ๆ อีกต่อไปขณะลอยตัวอยู่ตรงหน้าฉินอวี้โม่

แรกเริ่มเดิมที มันก็ไม่เต็มใจที่จะยอมจำนนต่อหานโม่ฉือนัก ทว่าเมื่อเห็นกิเลนอัคคี เนตรปีศาจก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดต่อต้านอีกต่อไป หานโม่ฉือจะต้องใช่ ‘คนผู้นั้น’ ไม่ผิดแน่ ในอดีต บุคคลผู้นั้นมีพลังที่สามารถกำจัดมันได้อย่างง่ายดายภายในฝ่ามือเดียว การยอมจำนนต่อเขาคือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดแล้ว

นับตั้งแต่ที่เมืองอู๋เริ่นแห่งนี้เข้าสู่สมรภูมิรบเดนตาย เนตรปีศาจก็อาศัยอยู่ใต้เมืองมาโดยตลอด

ในอดีต ประชากรของเมืองอู๋เริ่นแห่งนี้สังหารผู้คนไปมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นพวกเขาจึงถูกสาปและล้มตายไปในการต่อสู้ครั้งใหญ่เมื่อนับพันปีก่อนก่อนจะเข้ามาอยู่ในสมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้

เนตรปีศาจได้อาศัยพลังของวิญญาณทั่วทั้งเมืองอู๋เริ่นเพื่อฟื้นฟูพลังของมันเอง ทว่าความจริงที่คนเหล่านั้นไม่สามารถหลุดพ้นไปเกิดใหม่ได้นั้น มันมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ แม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม การที่ผีดิบทั้งเมืองรวมตัวกันที่ประตูเมืองในทุกค่ำคืน ซากอสูรทรงพลังที่ปรากฏในทุกเช้าตรู่ รวมถึงเรื่องที่ผีดิบในเมืองมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนสมบูรณ์ในตอนกลางวัน สิ่งเหล่านี้ต่างก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเนตรปีศาจ นอกจากนี้ การที่วิญญาณร้ายตนใหม่ปรากฏขึ้นแทนที่ตนเก่าที่ตายไปอย่างต่อเนื่องก็เกิดจากฝีมือของเนตรปีศาจเช่นกัน

“ถ้าเช่นนั้นเราจะทำลายพลังที่กักขังวิญญาณในเมืองอู๋เริ่นได้อย่างไร ?”

หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากเนตรปีศาจ ยินรุ่ยก็อดเอ่ยถามออกไปไม่ได้ เขาและวิญญาณอื่น ๆ ติดอยู่ในเมืองแห่งนี้มานานหลายพันปีและทุกข์ทรมานมาอย่างยาวนานจนเกินกว่าจะทนได้อีก ตราบใดที่มีโอกาสหลุดพ้น เขาจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดมือไปอย่างแน่นอน

“นายท่าน ข้าควรทำอย่างไร ?”

พลังของเนตรปีศาจเพียงอย่างเดียวไม่มากพอที่จะทำลายพลังที่กักขังวิญญาณในเมืองอู๋เริ่นแห่งนี้ได้ มันจึงเอ่ยถามความเห็นจากหานโม่ฉือ

ถึงอย่างไรแล้ว หากต้องการทำลายพลังนั้นจริง ๆ มันอาจต้องขอความช่วยเหลือจากหานโม่ฉือเช่นกัน

“แค่ลงมือก็พอ”

หานโม่ฉือตอบกลับโดยไม่ลังเล

ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ฉินอวี้โม่ปรารถนาที่จะทำ แน่นอนว่าเขาก็เต็มใจที่จะช่วยนางอย่างไร้เงื่อนไข