บทที่ 850 อักขระคำสาปมรณะ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 850 อักขระคำสาปมรณะ

หลินเป่ยเฉินซึ่งกำลังต่อสู้พัวพันอยู่กับชายชราพยักหน้าด้วยความพอใจ

“ดีมาก โหลวซานกวนมีระดับพลังเป็นรองแค่เราคนเดียวในคณะเดินทาง ก็ต้องมีบทบาทแบบนี้แหละ”

เขานึกชื่นชมราชองครักษ์หนุ่มอยู่ในใจ

ชายชราหลังงอเห็นดังนั้นก็ใบหน้ากระตุกด้วยความโกรธแค้น

เจ้าเด็กคนนี้ไม่สนใจการต่อสู้กับเขาเลยหรือ?

“ตายซะเถอะ”

กระบี่สีดำในมืออันเหี่ยวย่นกรีดกรายออกเป็นแหกระบี่เข้าครอบคลุม

หลินเป่ยเฉินสามารถใช้กระบี่ของตนเองสกัดปัดป้องได้ทุกกระบวนท่า

เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!

เสียงคมกระบี่ดังปะทะกันในอากาศ

นี่คือฉากการต่อสู้ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในภาพยนตร์การ์ตูน การต่อสู้ยิ่งทวีความดุเดือดรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำเอากลุ่มคนที่ติดอยู่ในค่ายพักแรมทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว

บริเวณภูเขาหิมะโดยรอบเริ่มเกิดเสียงสั่นสะเทือนดังครืนครัน

หิมะกำลังจะถล่มอีกครั้ง

“พวกเรารีบหนีขึ้นที่สูงเร็วเข้า”

เฉียนเฟยเซวียตัดสินใจออกคำสั่งโดยไม่ลังเล

เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้คนในค่ายพักแรมก็ตอบรับอย่างฉับไว พวกเขาพยายามรักษาระยะห่างจากรัศมีการต่อสู้ของหลินเป่ยเฉินกับชายชราแปลกหน้า เพื่อไม่ให้ตนเองได้รับลูกหลง

โดยเฉพาะหวังจงที่วิ่งเร็วมากกว่าใครเพื่อน

และคนสุดท้ายที่ถอนตัวหลบหนีไปก็คือโหลวซานกวนเพราะเขาตั้งใจอยู่หลังสุดเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนปลอดภัยแล้วจริงๆ

ราชองครักษ์หนุ่มพยายามปกป้องทุกคนอย่างสุดความสามารถ

เมื่อเห็นว่าทุกคนหลบหนีไปอยู่ในระยะปลอดภัย โหลวซานกวนจึงเงยหน้ามอง แล้วหัวใจของเขาก็ต้องกระตุกวูบ

เพราะเขาพบว่าการต่อสู้ในขณะนี้ หลินเป่ยเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบชายชราหลังงอทุกประตู

“ทำไมเด็กคนนี้ถึงเก่งขนาดนี้นะ อีกฝ่ายเป็นถึงยอดฝีมือระดับเซียนเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”

ต่อให้เขาจะเคยเห็นศิลาบันทึกภาพการแสดงฝีมือในอดีตของหลินเป่ยเฉินมาแล้ว แต่โหลวซานกวนก็ยังอดตกใจไม่ได้อยู่ดี

ยอดฝีมือระดับเซียนผู้มากประสบการณ์ จะต้องพ่ายแพ้ให้แก่มือกระบี่ระดับเซียนหน้าใหม่เช่นนี้หรือ?

น่าขันเกินไปแล้ว

แต่นี่กลับเป็นเรื่องจริง

ทันใดนั้น โหลวซานกวนก็นึกถึงบางอย่างที่ชายชราหน้านกเค้าแมวพูดออกมาก่อนหน้านี้

สิ่งที่เรียกว่าศิลาดารากาคืออะไรกัน?

หรือเพราะของสิ่งนั้นที่ทำให้ชายชราคนนี้ต้องพ่ายแพ้ให้แก่หลินเป่ยเฉิน?

ชายชราผมขาวกล่าวว่านั่นคือสิ่งของที่หลินจิ้นหนาน ได้มอบให้แก่หลินเป่ยเฉินก่อนจะหลบหนีและหายตัวไป

นั่นเท่ากับว่าเด็กหนุ่มมีเวลาฝึกปรือวิชาทั้งหมดเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น แล้วหลินเป่ยเฉินจะเลื่อนระดับขึ้นมาอยู่ในขั้นเซียนได้จริงๆ หรือ?

ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด

โหลวซานกวนปฏิเสธความคิดข้อนี้ทันที

ในฐานะที่ตนเองต้องติดค้างอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายหลายปีแล้ว โหลวซานกวนย่อมรู้ดีว่าการจะเลื่อนระดับขึ้นสู่ขอบเขตพลังขั้นเซียนได้นั้นยากลำบากมากแค่ไหน

ต้องเป็นยอดฝีมือจริงๆ เท่านั้นถึงจะสามารถเลื่อนระดับได้สำเร็จ

ราชองครักษ์หนุ่มเงยหน้ามองการต่อสู้บนท้องฟ้า เมื่อวิเคราะห์คลื่นพลังลมปราณที่แผ่ออกมาในอากาศ เขาก็เริ่มเข้าใจบางอย่างขึ้นมา

สำหรับกับบุคคลเช่นโหลวซานกวน การได้ติดตามการต่อสู้ของผู้มีพลังระดับเซียนอย่างใกล้ชิด ถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง

ตู้ม!

เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง

“ฟู่…”

ในที่สุด ชายชราผมขาวก็ไม่สามารถต้านทานไหว กระบี่ปลิวหลุดจากมือ เลือดเป็นสายพุ่งกระฉูดออกมาจากปาก

ส่วนกระบี่เงินในมือหลินเป่ยเฉินก็แตกหักไม่เหลือชิ้นดี

แต่เมื่อดูสภาพโดยรวมแล้ว

หลินเป่ยเฉินยังคงเป็นผู้คุมสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง

“น่าเสียดายนักที่กระบี่ธรรมดาไม่สามารถรองรับพลังของเราได้… เฮ้อ ตอนนี้ก็ยังเอากระบี่สายฟ้าออกมาจากมือถือไม่ได้ซะด้วยสิ น่าหงุดหงิดชะมัด”

หลินเป่ยเฉินรีบเปลี่ยนกระบี่เล่มใหม่ด้วยความรวดเร็ว

เขาควงกระบี่โดยไม่ลังเล

กระบวนท่ากระบี่ที่สาม

จู่โจมระยะประชิดแล้วจ้วงแทง

เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น

ร่างของเด็กหนุ่มในชุดขาวก็พุ่งเป็นเส้นโค้งในอากาศ

หลินเป่ยเฉินผู้มีใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนไหวร่างกายอย่างมีสง่าราศีราวกับเทพเจ้า

วูบ!

คมกระบี่แทงทะลุร่างกายของชายชราหน้านกเค้าแมว

แต่ในลมหายใจต่อมานั้นเอง ร่างของชายชรากลับกระจายหายไปกลายเป็นหมอกควันสายหนึ่ง

ร่างปลอม?

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความตกใจ

พลัน เขาสัมผัสได้ถึงพลังรุนแรงทางด้านหลัง

หลินเป่ยเฉินตวัดกระบี่แทงสวนกลับไปตามสัญชาตญาณ

กระบวนท่ากระบี่ที่เจ็ด

กำแพงแห่งกระบี่วายุ

ด้วยเหตุนี้ การโจมตีของฝ่ายตรงข้ามจึงไม่สามารถทะลวงผ่านกำแพงวายุเข้ามาถึงร่างกายของหลินเป่ยเฉิน

ห่างออกไปหลายสิบวา ร่างที่แท้จริงของชายชราผมขาวก็กำลังยืนใบหน้าบิดเบี้ยวเสมือนเปลือกส้มเหี่ยวเฉาลูกหนึ่ง

เมื่อสักครู่นี้ เด็กหนุ่มใช้กระบวนท่าอะไรสลายการโจมตีของเขา?

แต่ทว่าหลังจากตั้งสติได้แล้ว รอยยิ้มเหยียดหยามก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายชรา “เจ้ามีพลังปราณธาตุทองคำสินะ? ฮ่าฮ่าฮ่า มิน่าเล่าพลังในการต่อสู้ถึงสูงส่ง แต่ว่า… เจ้าคงมาได้เพียงเท่านี้”

หลินเป่ยเฉินยกกระบี่ขึ้นมาตั้งตรงและถามกลับไปด้วยความสงสัยว่า “มาได้เพียงเท่านี้อะไรกัน เมื่อสักครู่ ข้าก็ทำให้ร่างปลอมของเจ้าถึงแก่กรรมไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

ไม่ว่าจะเป็นร่างของชายชราตัวจริงหรือตัวปลอม แต่ทั้งสองร่างก็แสดงระดับพลังของผู้ที่อยู่ในขั้นเซียนออกมาอย่างแท้จริง

ชายชราผมขาวไม่ตอบคำใด

เขาหอบหายใจรุนแรง หน้าอกยุบเข้ายุบออก หน้าท้องพองแล้วยุบพองแล้วยุบไม่หยุดยั้ง

ปรากฏว่าสิ่งที่ชายชราใช้โจมตีหลินเป่ยเฉินเมื่อสักครู่นี้ ก็คือส่วนหนึ่งของเลือดในร่างกาย และบัดนี้ ก็ยังมีหยดเลือดอีกส่วนหนึ่งรวมตัวกันอยู่กลางอากาศเคียงข้างชายชรา พวกมันกำลังเปลี่ยนรูปทรงอย่างแช่มช้าราวกับว่ามีปลายพู่กันที่มองไม่เห็นคอยวาดเขียนอย่างไรอย่างนั้น

หยดโลหิตเหล่านี้เสมือนมีการควบคุมด้วยค่ายอาคม แต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว

หลินเป่ยเฉินถือกระบี่เฝ้าดูด้วยความระมัดระวัง

หยดเลือดเหล่านั้นกลายเป็นอักขระจำนวนมาก มันลอยวนเวียนอยู่รอบตัวชายชราผมขาว บางครั้งก็เปล่งแสงสว่างไสวราวกับเป็นคบไฟลุกโชน…

หลินเป่ยเฉินรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

เขานึกถึงพวกอักขระโบราณบนแผ่นยันต์ของนักพรตที่ใช้ปราบผีดิบในเรื่องโปเยโปโลเยขึ้นมาทันที

“นี่คืออักขระคำสาปมรณะ คุณชายหลินได้โปรดระวังตัว…”

เมื่อเห็นหยดเลือดกลายเป็นตัวอักษร โหลวซานกวนผู้เข้าใจในอะไรบางอย่างก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความเป็นกังวล

อักขระคำสาปมรณะ?

อีหยังวะ?

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่ามือขวาที่กุมด้ามจับกระบี่อยู่นั้นเกิดความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด

เมื่อก้มหน้ามองลงไป เด็กหนุ่มก็ต้องตกใจสุดขีด เพราะไม่รู้เลยว่าหลังมือของเขาเป็นผื่นแดงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ และผื่นแดงเหล่านั้นก็กำลังลุกลามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

น่าจะเป็นเพราะว่ามีหยดเลือดส่วนหนึ่งของชายชรากระเด็นมาถูกผิวหนังของเขาระหว่างการต่อสู้เมื่อสักครู่นี้แน่ๆ

แต่เป็นตอนไหนกันนะ?

หลินเป่ยเฉินไม่รู้ตัวมาก่อน

โดนเล่นงานซะแล้วสิ

ต้องรีบหาทางแก้ไข

ในเวลาเดียวกันนี้

ชายชราผมขาวยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจ เขาลอยตัวอยู่ในอากาศ คลื่นพลังงานสีดำแผ่ออกมาจากร่างกายอีกครั้ง นิ้วมือของชายชราขยับไปมาเพื่อสร้างค่ายอาคมบางอย่าง

การขยับนิ้วมือของชายชรา ทำให้รูปทรงของอักขระโลหิตเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง

พวกมันมีความชัดเจนและสวยงามมากขึ้น

ทันใดนั้น ผื่นแดงบนหลังมือหลินเป่ยเฉินที่แต่เดิมสร้างความปวดแสบปวดร้อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บัดนี้มันกลับทำให้เขาเจ็บปวดราวกับถูกน้ำร้อนลวก และผื่นแดงยังลุกลามขึ้นมาถึงข้อมือและท้องแขนของเขาอีกด้วย

“นี่หรือการโจมตีด้วยอักขระคำสาป?”

หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความประหลาดใจ

นี่คงเป็นอีกหนึ่งในวิชาการโจมตีนอกสาระบบกระมัง?

หรือจะเป็นวิชาเฉพาะตัวของพวกผู้ใช้ค่ายอาคม?

“คุณชายหลิน ตัวชั่วร้ายผู้นี้มีพลังระดับเซียน อย่าประเมินเขาต่ำเกินไปเด็ดขาด…”

เสียงตะโกนด้วยความตึงเครียดของโหลวซานกวนดังขึ้นมาในอากาศ

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความรำคาญ

เขาไม่ใช่เด็กสักหน่อยที่จะต้องย้ำเตือนกันเรื่องนี้

ถ้าคิดจะเตือนกันจริงๆ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกเล่า?

“สายเกินไปแล้ว”

เสียงหัวเราะเยาะของชายชราผมขาวดังก้องกังวานผืนฟ้า เขาจ้องมองแขนที่แดงก่ำของหลินเป่ยเฉินด้วยความสะใจ และเมื่อเห็นว่าแม้แต่กระบี่ในมือเด็กหนุ่มก็ถึงกับละลายไปกับตา ชายชราก็ยิ่งหัวเราะออกมาเสียงดังมากขึ้น

ชายชราเคลื่อนกายวูบ เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นก็มาอยู่ตรงหน้าหลินเป่ยเฉิน และใช้กระบี่ในมือหมายทิ่มแทงหน้าอกของเด็กหนุ่ม

“ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะทรมานวิญญาณของเจ้า ข้าจะทำให้หลินจิ้นหนานต้องชดใช้สิ่งที่มันเคยทำไว้กับพวกข้าในอดีต”

ดวงตาของชายชราผมขาววาวโรจน์ด้วยความอำมหิต

แต่อย่างไรก็ตาม…

วูบ!

หลินเป่ยเฉินผู้สมควรได้รับบาดเจ็บจากอิทธิฤทธิ์ของอักขระคำสาปกลับสามารถยกมือขึ้นมาคว้าจับข้อมือข้างที่ถือกระบี่ของชายชราได้อย่างแม่นยำ

หลังจากนั้น แรงบีบมหาศาลก็ถูกส่งผ่านมือของเด็กหนุ่ม แล้วชายชราก็ได้ยินเสียงกระดูกข้อมือของตนเองหักดังกร๊อบ

เป็นไปได้อย่างไร?

ก็หลินเป่ยเฉินถูกเล่นงานแล้วไม่ใช่หรือ

คนเราเมื่อถูกอักขระคำสาปเล่นงาน ถึงจะมีพลังระดับเซียน ก็ไม่อาจแก้คำสาปได้รวดเร็วถึงเพียงนี้

ด้วยความตื่นตระหนก ชายชรากำลังจะควบคุมอักขระสร้างอาคมหลบหนีอันตราย

แต่หลินเป่ยเฉินเตรียมตัวอยู่นานแล้ว แขนอีกข้างของเขาจึงรัดเข้ากับลำคอชายชรา

ลำแสงสีเงินเป็นประกายวูบ

พลังปราณธาตุที่กระแทกเข้าสู่ร่างกายของชายชราหน้านกเค้าแมวผู้นี้ไม่ได้เป็นพลังปราณธาตุทองคำที่หลินเป่ยเฉินใช้งานตลอดการต่อสู้อีกแล้ว

แต่พลังปราณธาตุชนิดนี้กลับสามารถกำจัดพิษของอักขระคำสาปได้อย่างยอดเยี่ยม

ทันใดนั้น ชายชราก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดหลินเป่ยเฉินถึงได้เปรียบเหนือเขาระหว่างการต่อสู้ตลอดมา

นั่นเป็นเพราะว่าเด็กหนุ่มมีพลังปราณธาตุอีกชนิดอยู่ในร่างกาย

ชายชราสำนึกเสียใจ

นับว่าครั้งนี้เขาประมาทมากเกินไปจริงๆ