คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1508
ฟลอเรียนเดินเข้าไปหาทันใดอย่างอดรนทนไม่ไหว “ลูก้า มูนไลท์! เริ่มร่ายกลอนของคุณได้แล้ว!”
“โห่!”
แดร์ริลถอนใจก่อนพยักหน้าพูดว่า “ได้เลย ผมจะเริ่มร่ายกลอนบทแรกล่ะนะ!”
ใช่แล้วที่แดร์ริลไม่พูดอะไรออกมาพักใหญ่เป็นเพราะเขามองเห็นท่าทางซูบเซียวของอีเวตต์ จึงได้แรงบันดาลใจที่จะเขียนกลอนอีกบทสื่อถึงความรู้สึกใจสลายของเขา
เมื่อรวมกับกลอนของผาง ถ่ง อีกบทก็จะกลายเป็นสองบท
“อะไรนะ? ลูก้า มูนไลท์จะร่ายกลอนสองบทเหรอ?”
ฝูงชนพากันฮือฮาแล้วมองไปที่แดร์ริลอย่างอึ้งงันไร้คำพูด
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าลูก้าไม่สามารถแต่งกลอนได้แม้สักบท พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะถึงกับเขียนกลอนได้สองบทในเวลากระชั้นชิดขนาดนี้
ตอนนั้นเองทั้งคนดูละบรรดาราชวงศ์ที่อยู่บนแท่นต่างก็ให้ความสนใจเขาอย่างมาก
คีแลนซ์เองก็เลิกคิ้วก่อนมองแดร์ริลพร้อมยิ้ม “แต่งกลอนสองบทในเวลาสั้น ๆ แบบนี้เหรอ? อย่าบอกนะว่าเป็นแค่กลอนกาก ๆ น่ะ?”
คีแลนซ์แม้จะยิ้มไปด้วยขณะที่พูดแต่น้ำเสียงเขาก็แฝงแววประชดประชัน
‘ถ้าฉันยังแต่งกลอนดี ๆ ไม่ได้ในเวลาแค่นี้ แล้วเขาจะแต่งได้ยังไง?’
คีแลนส์แอบคิด แม้ว่าลูก้าจะเป็นผู้ชนะของการประลองยุทธ์แต่เขาก็เป็นนักยุทธ์ป่าเถื่อน ซึ่งไม่มีอะไรมาเทียบเคียงตนได้ในแง่ทักษะทางวรรณกรรม
‘โอ้โห คีแลนซ์คิดว่าตัวเองชนะแล้วเหรอไง?’ แดร์ริลพึมพำกับตัวเองแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรคีแลนซ์
เขาเดินไปรอบ ๆ อย่างช้า ๆ ก่อนร่ายกลอนออกมา
“ผู้ก้าวผ่านความรัก
“แต่กลับพรากพัดไป
“กลับมาหาดวงใจ
“ที่ข้าพานพบรัก!”
นี่คือกลอนห้าพยางค์ของผางถ่ง เขานั้นรู้ดีถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแดร์ริลและอีเวตต์เพราะว่าเขาเป็นคนของแดร์ริล ดังนั้นเขาจึงนำเรื่องนี้มาตีความและเขียนออกมา
โดยเฉพาะสองวรรคสุดท้าย “กลับมาหาดวงใจ ที่ข้าพานพบรัก!” ความหมายนั้นก็ชัดเจน ก่อนหน้านี้แดร์ริลได้ก่อความวุ่นวายยกใหญ่ในเมืองหลวงแต่ตอนนี้เขาได้กลับมาพร้อมตัวตนใหม่เพื่อเข้าร่วมการประลองยุทธ์เลือกคู่ เขากลับมาในสถานที่เดิม
“ฟู่ว”
บรรดาผู้ชมรอบข้างต่างก็เงียบสงัดเมื่อได้ยินกลอนของเขา มีหลายคนที่ท่องกลอนทวนในใจเพื่อซึมซาบความหมายของมัน
“กลับมาหาดวงใจ ที่ข้าพานพบรัก…”
“มันสุดยอดมาก ถึงจะเป็นแค่กลอนห้าพยางค์ก็เถอะ ความหมายช่างลึกซึ้ง…”
“ให้ตาย! ใครจะคิดว่าลูก้า มูนไลท์จะมีความสามารถขนาดนี้! เขาน่าทึ่งมาก!”
บรรดาผู้ชมต่างก็มีสติในไม่กี่อึดใจต่อมาแล้วเริ่มมองแดร์ริลต่างไปจากเดิม
“ไม่เลว”
ฟลอเรียนทวนกลอนซ้ำเงียบ ๆ แล้วพยักหน้าอย่างเห็นชอบ “แล้วกลอนบทที่สองล่ะ?”
ตอนนั้นจักรพรรดิแห่งโลกใหม่ผู้ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรก็พยักหน้าอย่างเห็นชอบ ขณะที่มองแดร์ริลอย่างคาดหวัง
แดร์ริลยิ้มและมองไปรอบตัวอย่างสงบก่อนร่ายกลอน
“ความโศกเศร้านั้นอยู่แห่งหนใด
“เห็นทะเลนั้นไหม ช่างทุกข์ระทม
“เพลานี้มิอาจเผชิญหน้าน้องนาง
“แต่ทุกอย่างล้วนให้หวนถึงความรัก”
แดร์ริลไม่สามารถเก็บกักความรู้สึกที่ท่วมท้นในใจขณะที่เขาร่ายกลอนวรรคสุดท้ายและมองไปที่อีเวตต์ด้วยดวงตาฉ่ำน้ำ
กลอนบทที่สองนั้นแดร์ริลนั้นแต่งขึ้นเอง
หลังจากที่ได้ฟังกลอนของผางถ่ง พร้อมได้เห็นว่าอีเวตต์ดูผอมซูบไปแค่ไหน แดร์ริลก็รู้สึกใจสลายแล้วมีแรงบันดาลใจที่จะแต่งกลอนใหม่ต่อยอดจากกลอนของผางถ่งรวมกับอารมณ์ของเขาเอง
สองวรรคแรก “ความโศกเศร้าอยู่แห่งหนใด เห็นทะเลนั้นไหม ช่างทุกข์ระทม” นั้นหมายถึงความหม่นเศร้าที่แดร์ริลรู้สึกตลอดช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา