ส่วนที่ 5 สมรภูมิดอกไม้เหลือง ตอนที่ 82 สังเกตยา

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ถุงมีรูปร่างเรียวยาว เมื่อมันยังอยู่ในร่างของยอดฝีมือจากกองทัพต้าโจว ส่วนบนของถุงน่าจะเป็นหลอดอาหาร ปากถุงอยู่ที่ลำคอ ดูเหมือนจะมีกลไกบางอย่างซ่อนไว้ที่ปากถุง ตระกูลถังแห่งเวิ่นสุ่ยสามารถสร้างร่มกระดาษทองได้ ดังนั้นพวกเขาย่อมมีวิธีตัดเอาอะไรก็ตามที่อยู่ในถุงออกมาสู่โลกภายนอก

ผู้จัดการโรงเตี๊ยมไม่ได้เปิดถุงในทันที แต่เขาล้างมืออย่างประณีตจริงจังจนมันสะอาดเหมือนใหม่ เขาใช้ผ้าสี่ผืนเช็ดมือให้แห้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีความชื้นหลงเหลือ ในที่สุดเขาก็เปิดถุงและนำเอาของข้างในออกมา

เม็ดยามีขนาดเท่าเม็ดถั่ว มันมีสีแดงเข้มเหมือนกับเลือด บางทีเพราะมันได้รับผลกระทบจากความชื้นในศพ พื้นผิวมีรอยย่นเล็กน้อย เมื่อเห็นเช่นนั้นผู้จัดการก็ดูเหมือนจะประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังก็หน้าหมองลง

“น่าจะใช้ได้” ผู้จัดการกล่าวด้วยเสียงสั่น จากนั้นก็รีบวางยาเม็ดสีแดงเลือดลงในหม้อที่เตรียมเอาไว้ล่วงหน้า

หม้อใส่รำข้าวเอาไว้ และมันย่อมไม่ใช่รำข้าวธรรมดา พวกมันถูกกรองและตากแห้งหลายรอบจนตอนนี้ขาวเหมือนกับงาช้าง แห้งสนิทไม่มีความชื้นแม้แต่น้อย

ผู้จัดการคลุมเม็ดยาด้วยรำข้าวและใช้มือนวดรำข้าวกับเม็ดยา นิ้วของเขาเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบาราวกับกำลังสัมผัสกับคนรัก เม็ดยากลิ้งไปในรำข้าวและเมื่อเวลาผ่านไป มันค่อยๆ สะอาดขึ้นจนหมดจด สีแดงเข้มชัดเจนขึ้นจนดูเหมือนจะจับวิญญาณของคนเอาไว้ได้

ความเข้าใจในยานี้ของตระกูลถังแห่งเวิ่นสุ่ยไม่สมบูรณ์ พวกเขารู้แค่ว่ามันละลายเมื่อสัมผัสน้ำและยากที่จะรักษาเอาไว้ ถึงตรงนี้ผู้จัดการก็ยืนยันได้ว่าไม่มีปัญหากับวิธีทำความสะอาดนี้ ดังนั้นสายตาที่เขาใช้มองยาเม็ดจึงเปลี่ยนเป็นอบอุ่นและอ่อนโยน แน่นอนมันยังด้อยกว่าสายตาที่เขาใช้มองประมุขสิบเจ็ดตระกูลถัง

เขายิ้มกว้างกล่าว “ปัญญาของประมุขสิบเจ็ดช่างเหนือใครอย่างแท้จริง วิธีนี้ได้ผลจริงๆ ด้วย”

ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังไม่สนคำยกยอปอปั้นนี้ เขาหยิบผ้าสีขาวผืนใหม่ออกมาจากแขนเสื้อและใช้มันหุ้มมือเอาไว้ก่อนจะหยิบยาเม็ดขึ้น หลังจากสำรวจมองอยู่เป็นเวลานานดวงตาของเขาก็ค่อยๆ ร้อนแรงขึ้น เขาพลันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในอารมณ์และขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดอย่างเคร่งขรึม “ยานี้อัศจรรย์จริงหรือ”

ผู้จัดการไม่สังเกตความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในอารมณ์ของประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังตอนที่เขาตอบ “มันเป็นเช่นนั้นจริง ไม่อย่างนั้นเราจะต้องรบกวนประมุขสิบเจ็ดมาด้วยตัวเองอีกหรือ”

เขากำลังยกยอเจ้านายแต่เมื่อเขาพูด เขาก็อดที่จะมองไปที่ยาเม็ดในมือของเจ้านายไม่ได้และเลียริมฝีปาก

นี่เป็นการกระทำโดยไม่รู้ตัวว่าเขากำลังประหม่าและเผยความโลภในใจ

ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังสังเกตเห็นและริมฝีปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันคืออะไร”

ผู้จัดการสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยและคิดในใจ นี่ไม่ใช่ยาจูซาในตำนานหรอกหรือ

“นี่ไม่ใช่ยาหรือความมั่งคั่ง แต่เป็นอำนาจ”

ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังกล่าวต่อ “อำนาจที่จะตัดสินชีวิตและความตายเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก”

ผู้จัดการกล่าวชม “คำพูดของประมุขสิบเจ็ดช่างล้ำเลิศยิ่งนัก”

ประมุขสิบเจ็ดพูดอย่างไม่ยินดียินร้าย “หากมีคนโลภในอำนาจนี้แต่ขาดความแข็งแกร่งที่เพียงพอก็เท่ากับหาที่ตาย”

ร่างของผู้จัดการแข็งทื่อขึ้นมา จากนั้นก็ก้มหน้าลงไม่กล้าที่จะมองยาเม็ดนั้นอีก

……

……

คนเป็นแถวเข้าห้องลับและยืนล้อมโต๊ะดำ หนึ่งในคนพวกนั้นก็คือผู้พิทักษ์จากหอความลับสวรรค์ที่เชี่ยวชาญเรื่องยา สองคนเป็นหมอชื่อดังที่สุดของเมืองเฟิ่งหยาง คนหนึ่งเป็นนักบวชที่ไม่รู้ที่มาซึ่งตระกูลถังได้จ้างมาด้วยเงินจำนวนมหาศาล และยังมีหมอที่รักษาเส้นลมปราณของประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังอีกด้วย

ไม่ว่าพวกเขาจะมีฐานะอย่างไร พวกเขาล้วนมีสีหน้าแบบเดียวกัน

มันเป็นสีหน้าที่สงบแค่เปลือกนอกแต่อันที่จริงตื่นเต้นอย่างมาก มันจึงดูค่อนข้างแข็งกระด้าง

พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ยาสีแดงบนโต๊ะและมันไม่ใช่แค่มองดู พวกเขาเพ่งดูมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน

พวกเขาตื่นเต้นก็เพราะพวกเขารู้ว่ามันเป็นยาอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงปรารถนาอยากมากที่จะคว้ามันไป แต่พวกเขาก็รุ้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำได้

หนึ่งในหมอจากเมืองเฟิ่งหยางเกรงว่าเขาคงไม่อาจที่จะต้านทานความยั่วยวนนี้ได้จึงบังคับตัวเองให้ก้มหน้าลง

ดู ดม ถามและตัดเป็นสิ่งที่หมอจำเป็นต้องทำเพื่อรักษาโรค ในตอนนี้สิ่งที่เขาต้องตรวจไม่ใช่อาการป่วยแต่เป็นยา แต่พวกเขาก็ยังไม่อาจพ้นไปจากวิธีการเหล่านี้ได้

พวกเขามองดูยานี้เป็นเวลานาน ดังนั้นก็ถึงเวลาที่ต้องดมแล้ว

หมอจากเวิ่นสุ่ยมองไปที่ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถัง

หมอชรานี้มีวิธีพิเศษที่ใช้รักษาเส้นลมปราณของประมุขผู้เฒ่าตระกูลถัง หากเรื่องในวันนี้ไม่เร่งด่วน ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังย่อมไม่มีอำนาจที่จะเรียกตัวเขามาจากเวิ่นสุ่ย

ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังย่อมให้ความเคารพกับหมอผู้นี้มากกว่าจึงกล่าว “เชิญ หมอหยางทำตามที่ท่านต้องการ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หมอชราแซ่หยางจากเวิ่นสุ่ยก็ก้มหน้าลงในทันที ยื่นหน้าไปเหนือยาเม็ดสีแดงและสูดดม

ในขณะต่อมา ใบหน้าหมอหยางก็แดงขึ้นในทันทีและดวงตาพร่าเลือนราวกับเขามึนเมา มันเหมือนราวกับว่าเขาอยู่ท่ามกลางงานเลี้ยงอันมั่งคั่งและสนุกสนานแล้วดื่มมากไปจนเมาถึงขั้นที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

ผู้พิทักษ์จากหอความลับสวรรค์ขมวดคิ้วเล็กน้อยและกระแอมไอสองครั้ง

หมอหยางได้สติกลับมาและกล่าว “วัตถุดิบหลักเป็นชาดจริงๆ ยังมีหญ้าเซียนเหมา อบเชย ตังกุย เก๋ากี้ กานพลู น้ำตาลกรวด…”

แค่สูดดมครั้งเดียวเขาก็สามารถบอกวัตถุดิบได้มากมาย ทักษะทางการแพทย์ของเขานับว่าโดดเด่นอย่างแท้จริง

เมื่อได้ยินชื่อวัตถุดิบพวกนี้ ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังก็ขมวดคิ้วคิดในใจ นี่มันเนื้อตุ๋นหรือไง ทำไมใส่น้ำตาลกรวดด้วย

เขาไม่รู้ว่าวัตถุดิบที่ค่อนข้างธรรมดาที่คนทั่วไปใช้ในการทำเนื้อตุ๋นเหล่านี้ก็เป็นส่วนประกอบที่สมบูรณ์แบบในการทำยา พวกมันมักถูกพบในโลกแห่งยาที่กว้างใหญ่ ส่วนน้ำตาลกรวดมันก็เหมือนข้าวทอดเป็นตัวแร่งประสิทธิภาพของสมุนไพรและยังเป็น…ตัวลดความขม

ผู้พิทักษ์จากหอความลับสวรรค์และหมอทั้งสองจากเมืองเฟิ่งหยางต่างก็เป็นมืออาชีพทางการแพทย์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ตกใจกับเรื่องนี้ พวกเขาเองก็สูดดมยาเม็ดและบอกว่าพวกมันมี มันเทศจีน กานพลู เน็กฉ่งย้ง[1]

เมื่อสายตาของพวกเขามองไปที่หมึกบนกระดาษซึ่งยังไม่แห้ง พวกหมอก็พึมพำอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดคุยกันเอง ในที่สุดพวกเขาก็กล่าวกับประมุขสิบเจ็ดตระกูลถัง “เรายังต้องทำงานกับมันโดยตรงต่อไป”

จนถึงตอนนี้พวกเขาแค่ดูและดมเท่านั้น ไม่มีใครกล้าแตะมัน พวกเขาล้วนรู้ว่ายานี้ล้ำค่าแค่ไหน

หมอทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันว่าพวกเขาต้องทำงานกับมันโดยตรง แต่คนที่พูดแทนพวกเขาก็คือหมอหยาง เขาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลถังแห่งเวิ่นสุ่ย ดังนั้นมันจึงสะดวกกว่าที่เขาจะพูด

ตอนที่ยาจูซาปรากฏขึ้นครั้งแรก กฎที่ตั้งโดยคนผู้นั้นยังไม่สมบูรณ์ กองทัพต้าโจวกับตำหนักอิงหัวได้ทำงานร่วมกันลับๆ เพื่อขโมยยาบางเม็ดมาและทำการวิเคราะห์มันเพื่อหาส่วนประกอบ แต่พวกเขาก็เสียยาทั้งสามเม็ดไปโดยไม่อาจที่จะแกะสูตรยาได้อย่างสมบูรณ์ หมอที่อยู่ในห้องลับนี้ล้วนเป็นคนที่ยอดเยี่ยมแต่พวกเขาจะทำงานนี้ได้โดยแค่มองและดมได้อย่างไรกัน

ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังได้เตรียมใจเอาไว้นานแล้ว แต่เขาก็ยังไม่อาจสะกดความผิดหวังได้ เมื่อเขารู้ว่ายาจูซานี้จะเสียไปอย่างรวดเร็ว

“ระวังอย่าให้มันเสียเปล่า” เขาเตือนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “นี่คือชีวิตของคนสองคน”

[1] เน็กฉ่งย้ง ออกเสียงตามสำเนียงแต้จิ๋ว เป็นสมุนไพรบำรุงไตเสริมธาตุหยาง