ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 717 ตัวอ่อนของอาวุธเซียน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวสบตากับอิ่นเทียนเซี่ย

ถึงแม้จะเป็นความคิดสายหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอกลับรู้สึกว่าตนเหมือนข้ามผ่านมิติมาประจัญหน้ากับจอมอหังการแห่งยุคเมื่อหลายปีก่อน

ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ทราบแล้วว่า ศพของอิ่นเทียนเซี่ยออกจากโลงศพที่ว่างเปล่าไปอยู่ที่ไหนกันแน่

การวางค่ายกหลังการสวรรคตของจักรพรรดิประกายกาฬ เป็นการเปลี่ยนร่างของตัวเองให้กลายเป็นกงจักรมหาประกายกาฬ!

ของวิเศษที่อยู่เหนืออาวุธศักดิ์สิทธิ์

อาวุธเซียนในตำนาน!

แววตาของเยี่ยนจ้าวเกอพลันหยั่งลึก ‘คิดไม่ถึงว่าจะได้เจออาวุธเซียนที่นี่ ถึงแม้ว่าจะเป็นอาวุธเซียนที่ยังสร้างไม่เสร็จก็ตาม…’

เหมือนกับที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์กันทุกคน

อาวุธเซียนหายากยิ่งกว่า อย่างน้อยก็ต้องมีระดับพลังฝึกปรือเท่าจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ย ถึงจะลองหลอมได้

ยอดฝีมือที่อยู่เหนือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนต่างมีอาวุธเซียน

ก่อนวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ อย่างเช่น จักรพรรดิปีศาจอัคคีจากโลกปีศาจอัคคี ตามที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบ ก็ไม่มีอาวุธเซียนติดตัวเช่นกัน

จักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยมีความสามารถน่าตกตะลึง แต่ก็สวรรคตอย่างรวดเร็ว เหมือนกับดาวตกอันเจิดจ้า

สำนักประกายกาฬแม้ว่าจะมั่งคั่ง แต่กลับไม่ค่อยมีวัตถุดิบที่เอาไว้ใช้สร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์มากนัก

เมื่อไม่มีเวลาสั่งสมและตกตะกอนมากพอ ทุกคนล้วนทราบว่า สำนักประกายกาฬไม่มีอาวุธเซียน

ของวิเศษที่อิ่นเทียนเซี่ยพกติดตัวซึ่งทุกคนคุ้นเคย ก็คือตะเกียงประกายกาฬที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง

เยี่ยนจ้าวเกอกลับคิดไม่ถึงว่า การเตรียมตัวหลังสวรรคตของจักรพรรดิประกายกาฬ กลับเป็นการหลอมตัวเองให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกงจักรมหาประกายกาฬที่เป็นอาวุธเซียน

ขณะมองกงจักรมหาประกายกาฬ นอกจากความปรารถนา ปฏิกิริยาแรกของเยี่ยนจ้าวเกอคือความสงสัยเป็นส่วนใหญ่

การกระทำของจักรพรรดิประกายกาฬไม่ธรรมดายิ่ง

‘เพื่อทิ้งของวิเศษแห่งชะตากรรมเอาไว้ให้คนรุ่นหลังใช้คุ้มครองสำนัก หรือเพราะเพื่อสนองปรารถนาในตอนที่ยังมีชีวิตไม่สิ้นสุดล้วนๆ?’ จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอเกิดคลื่นซัดโหมกระหน่ำ ‘หรือว่าอาวุธเซียนชิ้นนี้จะเป็นความสามารถที่เอาไว้คืนชีพ ซึ่งตัวจักรพรรดิประกายกาฬเตรียมเอาไว้?’

นอกจากนี้ยังมีอีกความเป็นไปได้หนึ่ง

ก่อนจักรพรรดิประกายกาฬสวรรคต ได้พยายามสร้างของวิเศษชิ้นนี้อย่างยากลำบาก เพื่อรักษาความลับบางอย่างไว้

บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับการสวรรคตในตอนนั้นของเขา รวมถึงความรุ่งเรืองเสื่อมโทรมของสำนักประกายกาฬ?

เยี่ยนจ้าวเกอมองใบหน้าของจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยเบื้องหน้า เงียบงันลง

เสี่ยวอ้ายไม่เห็นร่างของจักรพรรดิประกายกาฬ แต่ขณะมองกงจักรมหาประกายกาฬ ยังอดสงสัยไม่ได้ “คุณชาย นี่คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงหรือ?”

“ไม่ใช่ นี่คืออาวุธเซียน แต่ยังสร้างไม่เสร็จ” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “เรียกว่าตัวอ่อนของอาวุธเซียน หรือแบบจำลองของอาวุธเซียนจะเหมาะกว่า”

เด็กสาวอ้าปากกว้าง หุบไม่ลงอยู่ค่อนวัน

นางไม่เคยเห็นอาวุธเซียนมาก่อน แต่นางเคยได้ยินเสวี่ยชูฉิงพูดถึงตำนานที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเซียน

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นว่าดวงตาของเด็กสาวกระโปรงขาวสว่างไสวอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ตาโตสีดำขลับสองข้างกะพริบ เหมือนกับกงจักรเหล็กสีดำจำนวนนับไม่ท้วนพลิกขึ้นลง

กงจักรเหล็กสีดำที่ไม่โดดเด่นในตอนแรก ยามนี้ในสายตาของเสี่ยวอ้าย เหมือนกับกลายเป็นเงินตราที่ด้านนอกกลมด้านในเป็นเหลี่ยม ซึ่งเปล่งประกายน่าดึงดูดอย่างหาใดเทียม

เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตาขาว ยื่นมือข้างหนึ่งออกโบกหน้าเสี่ยวอ้าย

“คุณชายๆ…ของชิ้นนี้! ของชิ้นนี้…” เสี่ยวอ้ายได้สติ กลืนน้ำลายเอื๊อก พูดจาติดขัดอยู่บ้าง นิ้วชี้ที่กงจักรมหาประกายกาฬอย่างตื่นเต้น จากนั้นก็ชี้เยี่ยนจ้าวเกอ “ท่านจะต้อง…จะต้อง…”

ชายหนุ่มยักไหล่ “วางใจ เป็นวาสนาหรือคราเคราะห์ ข้ายังไม่แน่ใจ ต่อให้เป็นวาสนา คิดจะเก็บไว้ยังไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”

เสี่ยวอ้ายปรับลมหายใจอย่างยากลำบาก นางดึงแขนเสื้อของเยี่ยนจ้าวเกอ พร้อมมองเขาด้วยใบหน้าเลื่อมใส “คุณชายท่านต้องมีวิธีแน่ๆ ใช่หรือไม่?”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างขบขันเล็กน้อย “ยังไม่ต้องพูดว่าเจ้าในตอนนี้มีพลังฝึกปรือต่ำอยู่ ต่อให้เป็นพลังฝึกปรือในปัจจุบันของข้า ก็ไม่อาจใช้พลังของอาวุธเซียนชิ้นหนึ่งได้”

“อาหารอันโอชะแม้จะเยี่ยมยอด แต่ทำได้เพียงมอง ไม่อาจรับประทาน เจ้าไม่ต้องกระตือรือร้นเช่นนี้ก็ได้กระมัง?”

เด็กสาวให้เหตุผลว่า “ของวิเศษที่ประเสริฐเช่นนี้ ต่อให้ได้แค่มองดู ก็ทำให้คนรู้สึกโชคดีมากแล้ว!”

“คำพูดนี้ดูเหมือนจะมีเหตุผลอยู่นี่?” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคาง พลางกล่าวกลั้วหัวเราะ

เขาหันไปมองกงจักรมหาประกายกาฬอีกครั้ง สัมผัสจิตพลังที่อยู่ด้านใน ศึกษาหลักการที่อาจจะเป็นสิบสองวิชาประกายกาฬในตำนานนั้น

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ สุดท้ายเยี่ยนจ้าวเกอยืนนิ่งไม่ขยับ เสี่ยวอ้ายครั้งนี้ทำตัวสงบเสงี่ยมลงเช่นกัน มองเขาอย่างเคร่งเครียด กลับไม่กล้าส่งเสียงรบกวน

ทุกครั้งที่สายตาของนางเห็นกงจักรเหล็กสีดำที่เงียบงันนั้น ก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ รู้สึกเหมือนมีอุ้งเท้าแมวเกาอยู่ที่หัวใจ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร โลกที่พวกเขาอยู่พลันสั่นไหวอย่างรุนแรง

เยี่ยนจ้าวเกอตื่นขึ้นมาจากห้วงคิด สองคิ้วยกขึ้น

สีหน้าของเสี่ยวอ้ายเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย “มีคนอื่นมาถึงแล้ว!”

มิติต่างแดนที่แท่นบูชาตั้งอยู่ค่อยๆ เริ่มถูกแสงขมุกขมัวที่ไม่สว่างและไม่มืดชั้นหนึ่งครอบคลุม

ขณะนี้จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอเชื่อมต่ออยู่กับกงจักรมหาประกายกาฬ ตรงหน้าพลันตกลงสู่ความมืดมิด จากนั้นด้านในความมืดไร้สิ้นสุดก็มีไฟตะเกียงสว่างขึ้นเหมือนกับแสงแรกเริ่ม

“เป็นตะเกียงประกายกาฬ หลัวจื้อเทาหลอมตะเกียงประกายกาฬได้อย่างสมบูรณ์แล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างทราบดี

หลัวจื้อเทาเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย เดิมทีครอบครองกงจักรสุริยันจันทราอยู่แล้ว ในตอนนี้ยังหลอมตะเกียงประกายกาฬที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงสำเร็จอีก

เมื่อมองไปทั่วทั้งสุสานประกายกาฬ ยังมีใครสามารถต่อกรกับเขาได้อีก

เขาในตอนนี้อาศัยตะเกียงประกายกาฬในการค้นหา กลับมาถึงนอกประตูศิลา คิดจะเปิดประตูบานใหญ่แล้วทะเลวงเข้ามาในมิติต่างแดนนี้!

เสี่ยวอ้ายมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างกระวนกระวาย “คุณชาย…”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “มาถึงพอดี”

เขายังคงใช้มือหนึ่งจับกงจักรมหาประกายกาฬไว้ อีกมือหนึ่งสะบัดแขนเสื้อ เฟิงอวิ๋นเซิงที่ถูกเขาใช้ญาณจริงแท้ม้วนไว้ก่อนหน้าพลันกระโดดออกมา

เด็กสาวลืมตากว้างมองเฟิงอวิ๋นเซิงที่โผล่ขึ้นด้านหน้าตน

ส่วนเฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้ายิ้มให้กับนาง

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ต้องเร็ว”

เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน หากผ่านไปนานข้าก็หลีกเลี่ยงไม่ได้”

ในดวงตาทั้งสองข้างของนางมีแสงสีฟ้าสว่างขึ้นในทันใด ดวงตาทั้งสองข้างเหมือนกับอาทิตย์ยะเยือกสองดวง สาดแสงไปทั่วสี่ทิศ

กลิ่นอายของพลังที่แข็งแกร่ง อีกทั้งสั่นสะเทือนฟ้าดินรั่วไหลออกมาจากบนร่างของนาง ดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกที่อยู่ด้านหลังดีดออกจากฝักดังเคร้ง พุ่งมาที่มือของนางในทันที

กฎเกณฑ์ผสมผสาน ลวดลายอาคมแผ่ขยาย บนผิวของดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกและผิวของเฟิงอวิ๋นเซิงต่างถูกลวดลายแสงสีฟ้าปกคลุม กลิ่นอายอันน่ากลัวของการทำลายล้างพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นางอ้อมมาถึงอีกด้านหนึ่งของกงจักรมหาประกายกาฬ ยืนหันหน้าเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอ

คมดาบเคลื่อนไปด้านหน้า จิ้มใส่ใจกลางกงจักรมหาประกายกาฬพอดี

แววตาของเยี่ยนจ้าวเกอสั่นสะเท้าน ก่อนจะเติมพลังจันทร์ย้อนเข้าไปในกงจักรมหาประกายกาฬ ประสานกับพลังจันทร์ย้อนอันเหี้ยมหาญของเฟิงอวิ๋นเซิง

เขาโคจรเคล็ดวิชาในคัมภีร์พลิกนภา พลิกเปลี่ยนเอกภพ กลับด้านหยินหยาง

ผิวของกงจักรมหาประกายกาฬที่เป็นสีดำสนิทพลันมีแสงสว่างหลาดสายสาดออกมา ส่องต้องร่างของเยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิง

ด้านในรูสิบสองรูมีธารแรงหลายสายไหลออกมา ก่อนจะครอบแท่นบูชาเอาไว้

นาทีถัดมา กงจักรมหาประกายกาฬค่อยๆ ลอยขึ้นด้านบน เหมือนความมืดที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์ด้านในแสงสว่างไร้สิ้นสุด

เส้นทางที่มันลอยขึ้น เหมือนกับแบ่งเขตแดนระหว่างแสงกับความมืดให้กับโลกเบื้องหน้า

เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงลอยขึ้นพร้อมกับกงจักรมหาประกายกาฬ

และในตอนนี้เอง ฟ้าดินที่อยู่ด้านนอกก็ค่อยๆ ถูกความมืดกับแสงสว่างปกคลุมไว้ทั้งหมด

ด้านในแสงสว่างพลันปรากฏความมืด ด้านในความมืดมีไฟตะเกียงจุดหนึ่งปรากฏขึ้น

………………..