บทที่ 1258 ร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1258 ร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์

ครืนๆ**!**

เมื่อเสียงของหลิงจั้นจื่อดังขึ้น คลื่นหลิงรุนแรงก็ไหลมาบรรจบกันอยู่ข้างหลัง ร่างเงาขนาดใหญ่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น

ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจร่างใหญ่โตก็ควบแน่นปรากฏต่อสายตาของทุกคน ดึงดูดความตกตะลึงนับไม่ถ้วน

นี่เป็นร่างสีดำที่สูงใหญ่มาก มีลูกทรงกลมสามลูกอยู่ด้านหลังศีรษะซึ่งหมุนตลอดเวลาด้วยแรงกดดันที่อธิบายไม่ได้กวาดออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มิติเกิดการบิดเบือนจากแรงกดดัน

เมื่อร่างเวทสวรรค์นี้ปรากฏขึ้น ก็ทำให้เกิดความโกลาหลในเมืองซีเทียนจั้น ความเคารพและอิจฉาพล่านในดวงตาของทุกคน

เพราะพวกเขารู้ที่มาของร่างเวทสวรรค์นี้

ร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธธ์อันดับยี่สิบสี่บนทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง

ในสมัยโบราณมียอดยุทธ์ที่รู้จักกันในชื่อปฐมจักรพรรดิสัประยุทธ์ เขาสามารถสร้างคลื่นหลิงจั้นซึ่งเกิดจากการผสมผสานระหว่างรัศมีจั้นยี่และคลื่นหลิง ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาน่ากลัวเกินบรรยาย ทำให้ตัวเขาอยู่ในอันดับต้นๆ แม้ในสมัยโบราณ

แต่เมื่อปฐมจักรพรรดิสัประยุทธ์สิ้นชีพลง มรดกของเขาก็หายสาบสูญไป แต่จักรพรรดิสัประยุทธ์แห่งทวีปซีเทียนกลับโชคดีพบเข้า ด้วยการรับมรดกนั่นทำให้จักรพรรดิสัประยุทธ์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนได้

ส่วนร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยปฐมจักรพรรดิสัประยุทธ์ แต่เงื่อนไขในการฝึกฝนเข้มงวดมาก ในบรรดาเทพจอมยุทธ์ทั้งสี่มีเพียงหลิงจั้นจื่อเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก

เพราะไม่ใช่ขั้วอำนาจใดๆ ที่จะสามารถครอบครองร่างเทห์สวรรค์อันดับยี่สิบสี่ได้

“ร่างเวทสวรรค์ของมู่เฉินคืออะไรกัน? ทำไมข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

“ฮ่าๆ ร่างเวทสวรรค์สูงเพียงไม่กี่ร้อยจั้ง จะสามารถบรรจุคลื่นหลิงได้เท่าใด?”

“เปรียบเทียบได้กับดาวแคระและดาวยักษ์อย่างแท้จริง… ข้ากลัวว่าร่างเวทสวรรค์นั่นจะถูกบดทันทีที่เคลื่อนไหว”

“…”

ขณะที่เสียงกระซิบกระซาบอัดแน่นทั่วฟ้าดิน จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็มองภาพเบื้องหน้าด้วยดวงตาแคบลง ทว่าเขาไม่ได้สนใจร่างเวทสวรรค์ของหลิงจั้นจื่อ แต่กลับให้ความสนใจร่างสีม่วงทองของมู่เฉิน

บางทีคนอื่นอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่ด้วยการรับรู้ของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน จักรพรรดิสัประยุทธ์สามารถสัมผัสได้ถึงพลังน่าสะพรึงกลัวที่มีอยู่ในร่างเล็กนั่น

“ร่างเวทสวรรค์ของมู่เฉินเหมือนจะไม่ธรรมดา” จักรพรรดิสัประยุทธ์เอ่ยอย่างช้าๆ แม้เขาจะมีประสบการณ์มาก แต่ก็แค่รู้สึกคุ้นกับร่างเวทสวรรค์ของมู่เฉิน ไม่อาจบอกได้ว่ามันมีประวัติความเป็นมาอย่างไร

ทว่าถึงแม้เขาจะไม่สามารถบอกต้นกำเนิดได้ แต่เขารู้ว่าร่างเวทสวรรค์ของมู่เฉินไม่ได้อ่อนแอไปกว่าร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์เลย

“มู่เฉินโชคดีจริงๆ ที่ได้รับร่างเวทสวรรค์นี้… มิน่าเทพจักรพรรดิอัคคีถึงให้ความสำคัญกับเขา”

จักรพรรดิสัประยุทธ์มองไปที่เทพจักรพรรดิอัคคีพลางยิ้ม “ด้วยร่างเวทสวรรค์นี้ เขาอาจมีกำลังพอที่จะต่อสู้กับหลิงจั้นจื่อ แต่ถ้าเขาต้องการที่จะชนะ ข้ากลัวว่าจะไม่ง่าย”

แม้จะมีความแข็งแกร่งที่มู่เฉินแสดงออกมา แต่ก็ยังมีข้อจำกัดจากการฝึกฝนของเขาในขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะก้าวข้ามความแตกต่างด้านขุมพลัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหลิงจั้นจื่อเป็นหัวกะทิในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเลย

ถ้ามู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย จักรพรรดิสัประยุทธ์อาจต้องยอมรับว่าเขามีโอกาสสูงที่จะตีหลิงจั้นจื่อจนจุกได้ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีคำว่า ‘ถ้า’ ในโลกนี้

เซียวเหยียนไม่ได้โต้คำพูดของอีกฝ่าย แค่มอบรอยยิ้มตอบ

เมื่อเห็นรอยยิ้มนั่น จักรพรรดิสัประยุทธ์กลับรู้สึกไม่สบายใจ เพราะทุกครั้งที่เทพจักรพรรดิอัคคีเผยรอยยิ้มแบบนี้ มู่เฉินจะนำไพ่ตายที่น่าตกใจออกมาเสมอ

“ไอ้หนูนั่นยังมีไพ่ตายที่ทรงพลังกว่านี้อีกรึ?”

จักรพรรดิสัประยุทธ์มองไปที่มู่เฉิน ขณะที่คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน

“ร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์เรอะ”

ยืนอยู่บนร่างสีม่วงทอง มู่เฉินก็มองเงาขนาดใหญ่โตด้วยสายตาวูบไหว เขาแปลกใจนิดหน่อยที่หลิงจั้นจื่อฝึกฝนร่างเวทสวรรค์ระดับสูงเช่นนี้

ไม่น่าแปลกใจที่หลิงจั้นจื่อจะเพิกเฉยต่อจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายส่วนใหญ่ ด้วยร่างเวทสวรรค์นี้ก็ไม่มีจอมยุทธ์ทั่วไประดับเดียวกันคนไหนสามารถทำอะไรเขาได้

“ในสนามรบแห่งนี้ มีเพียงหลิ่วซิงเฉินเท่านั้นที่บังคับให้ข้านำร่างเวทสวรรค์ออกมา แต่เขาต้องจ่ายในราคาแพงระยับ ไม่รู้ว่าแกจะต้องจ่ายในราคาเท่าไร?” หลิงจั้นจื่อปรากฏตัวบนร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์พลางก้มมองลงไปที่มู่เฉิน

ฮึ่ม!

เมื่อพูดจบลง ร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ระเบิดแสงพราว ริ้วแสงขึ้นไปรวมตัวกันบนท้องฟ้า ก่อตัวเป็นหอกมากมายที่มีลวดลายจั้นเหวินปกคลุม กำจายด้วยรัศมีจั้นยี่อันเชี่ยวกราก

เพียงหอกเดียวก็สามารถฉีกร่างจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นได้ ยิ่งด้วยจำนวนดังกล่าวแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายก็ยังไม่สามารถหนีรอดได้

ช่างเป็นฉากที่ตระการตานัก

“ทักษะเทห์สวรรค์ พายุหอกสงคราม”

ฟิ้ว ฟิ้ว!

หลิงจั้นจื่อสะบัดนิ้ว หอกก็ทะยานออกมาราวกับห่าฝน ดูคล้ายกับก้อนเมฆสีดำขนาดใหญ่ห่อหุ้มมู่เฉินและร่างสีม่วงทอง เสียงเจาะโสตประสาทดังก้องไปทั่วขอบฟ้า

เมื่อมองเงาที่เกิดจากหอก ท่าทางของมู่เฉินก็เคร่งเครียดลงหลายส่วน ดวงตาของเขาหดเกร็งก่อนที่มือจะประสานกันอย่างรวดเร็ว ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ใต้ฝ่าเท้าก็ระเบิดด้วยแสงสีทองม่วง

“แสงอมตะ!”

แสงสีม่วงทองแปรปรวนโดยรอบ ดูราวกับเป็นเปลือกไข่สีม่วงทองห่อหุ้มมู่เฉินและร่างเทพสุริยะนิรันดร์ไว้

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์เป็นวิวัฒนาการของร่างเทพสุริยะ ดังนั้นความสามารถในการป้องกันจึงมากขึ้นตามไปด้วย แสงอมตะนี้ทำให้ร่างเทพสุริยะนิรันดร์มีการป้องกันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เคร้ง เคร้ง

ขณะที่แสงสีม่วงทองพวยพุ่งออกมา หอกก็กระแทกกับแสงก่อนที่จะชะลอลงและแข็งตัวเมื่ออยู่ห่างจากร่างสีม่วงทองไม่กี่เมตร

เมื่อมองจากที่ไกลร่างสีม่วงทองถูกปกคลุมด้วยหอกราวกับตัวเม่น

“ไปให้พ้น!”

มู่เฉินเบิกตากว้าง แสงสีม่วงทองก็กวาดออกมาก่อนที่เขาจะตบฝ่าเท้าลงไป ร่างเทพสุริยะนิรันดร์คำราม คลื่นเสียงกระเพื่อมออกมาราวกับพายุเฮอริเคนพัดหอกกลับไป

ปัง ปัง!

หอกถูกกวาดกลับไปในทิศทางของหลิงจั้นจื่อ

“หึ!”

หลิงจั้นจื่อวาดกระบวนท่าเร็วรี่ หอกละลายในรัศมีจั้นยี่ก่อนที่จะกลายเป็นจุดแสงห้อมล้อมรอบตัว

ตู้ม!

ร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์กระทืบเท้า ร่างกายมหึมาก็กระโจนออกไปพร้อมกับหมัดที่อัดแน่นด้วยคลื่นหลิงเชี่ยวกรากซัดเข้าใส่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์อย่างป่าเถื่อน

ปัง!

พื้นดินที่อยู่ใต้ร่างเทพสุริยะนิรันดร์พังทลายลง แต่มู่เฉินก็ไม่แสดงสัญญาณจะถอยเมื่อเผชิญหน้ากับร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์ เขาควบคุมร่างสีม่วงทองเคลื่อนไหวออกไปเช่นกัน

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

เงาร่างสองร่างโรมรันพันตูกันในป่า ทุกครั้งที่ซัดหมัดออกไปก็มีคลื่นหลิงมหาศาลกวาดออก ทำให้มิติแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พื้นดินพังทลายเหวขนาดมหึมากระจายออกไปทั่วฟ้าดิน

ผู้ชมในจัตุรัสตะลึงงัน ขณะที่พวกเขาจ้องมองร่างสองร่างฟัดกันนัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นว่าร่างสีม่วงทองของมู่เฉินสามารถทนต่อการโจมตีทำลายล้างของร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์ได้อย่างไร ดวงตาแต่ละคู่แทบถลนออกมานอกเบ้า

นั่นคือร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์นะ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายก็ไม่สามารถต้านทานแม้แต่หมัดเดียวได้ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่สามารถทำอะไรกับร่างเวทสวรรค์ที่ลึกลับของมู่เฉินได้รึ?

ตอนแรกพวกเขาคิดว่าหลังจากที่หลิงจั้นจื่อเรียกร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์สถานการณ์จะกลายเป็นพับกระดานสู้ด้านเดียว แต่ในความเป็นจริง…ร่างเวทสวรรค์ลึกลับของมู่เฉินไม่ได้อ่อนแอไปกว่าร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์เลย!

ครืนนนน!

การต่อสู้ที่สะเทือนโลกาสร้างหายนะในป่า เนินเขาราพณาสูรในเส้นทางที่เงาทั้งสองพุ่งผ่านไป

ตู้ม!

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์และร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์ปะทะกันอีกครั้ง คลื่นพลังงานมหาศาลก็กวาดออก มิติแตกสลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยบินว่อน

ร่างทั้งสองกระเด็นออกจากกัน เงาขนาดใหญ่ก็พังทลายภูเขาเสียราบเตียน

หลิงจั้นจื่อยืนอยู่บนไหล่ของร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์พร้อมกับใบหน้าดำคล้ำลง เขาไม่เคยคิดว่ามู่เฉินจะสามารถเผชิญหน้ากับเขาได้ถึงระดับนี้

ร่างเวทสวรรค์ลึกลับนั่นยากในการรับมือนัก

“เจ้านั่นฝึกฝนร่างเวทสวรรค์อะไร? ทำไมถึงไม่ได้อ่อนแอกว่าร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์เลย?”

ความไม่เต็มใจวาบขึ้นในดวงตาของหลิงจั้นจื่อ เขากวาดศัตรูจำนวนมากที่อยู่ในระดับเดียวกันด้วยร่างเวทสวรรค์นี้ แต่วันนี้เขากลับไม่สามารถทำอะไรกับมู่เฉินได้

“เจ้านี่ประหลาดมาก ไม่ฉลาดที่จะลากการต่อสู้ออกไป ถึงเวลาจบแล้ว!”

ดวงตาของหลิงจั้นจื่อวูบไหวเมื่อมองไปที่มู่เฉินพร้อมกับริ้วความเคร่งขรึม ไม่เหลืออาการดูถูกอีกต่อไป

เผชิญหน้ากับมู่เฉิน หลิงจั้นจื่อก็รู้อย่างชัดเจนว่าไม่สามารถออมมือหากต้องการชนะ

เขาไม่ลังเลอีกต่อไป สูดหายใจเข้าลึก แสงเย็นเยือกโหดเหี้ยมวาบในนัยน์ตา เขากระทืบเท้า ฝ่ามือเริ่มวาดตราประทับ

เมื่อกระบวนท่าเปลี่ยนแปลง ลูกแสงทรงกลมทั้งสามด้านหลังร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ระเบิดออกด้วยแสงแพรวพราวทันที มู่เฉินสังเกตเห็นว่าในลูกทรงกลมเหล่านั้นเหมือนจะเต็มไปด้วยเงาร่าง

ม่านตาของเขาก็หดลงทันที

เนื่องจากมีกองทัพชั้นยอดซ่อนอยู่ในลูกทรงกลมเหล่านั้น!