งานวันฉลองอายุของประมุขกฎสวรรค์ในครั้งนี้ ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่มาร่วมงาน ต่างก็รู้สึกถึงการบุกเบิกรูปแบบใหม่
และที่มาของทั้งหมดก็เป็นเพราะ…หวังเป่าเล่อ!
สำหรับจุดของช่วงเวลานั้น คือหลังจากการทดสอบการรับรู้อดีตชาติ ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของหวังเป่าเล่อที่ทำร้ายผู้สืบทอดของจักรพรรดิสวรรค์ ทำให้เซียนแห่งเต๋าเก้ารัฐต้องทำร้ายตนเองเป็นการชดใช้ ยังมีกลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์ฉายเงาที่นั่งอยู่เบื้องหลังเขาซึ่งดูไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ราวกับสมควรเป็นเช่นนี้ หรือแม้กระทั่งการตบเบาๆ ที่ทำให้ชายชุดคลุมดำสลายหายไป
ยังมีผู้อื่นที่มีท่าทีที่เปลี่ยนไปหลังจากได้เห็นภาพในอนาคต รวมทั้ง…หวังเป่าเล่อและการดูอนาคตของเขาที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกอย่าง…ท่าทางของสมุดแห่งโชคชะตา ก็ดูมีความกระตือรือร้นแปลกประหลาด ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้งานวันฉลองอายุตราตรึงอยู่ในจิตวิญญาณของผู้คน
ผู้รับใช้เฒ่าของประมุขกฎสวรรค์ก็รู้สึกอย่างนั้นด้วยเช่นกัน เรื่องนี้ทำให้เขาตกตะลึง โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นท่าทางกระตือรือร้นที่มาพร้อมกับการประจบประแจงของสมุดแห่งโชคชะตา เขารู้สึกว่าศรัทธาของตนที่มีต่อสมุดแห่งโชคชะตานี้มานานนับหลายปีออกจะสั่นคลอนเล็กน้อย
“คิดไม่ถึงว่า ที่แท้เจ้าก็เป็นสมุดแห่งโชคชะตาเช่นนี้…” ในใจของผู้รับใช้เฒ่าอดคร่ำครวญไม่ได้ ด้วยระลอกคลื่นที่กระจายออก โลกตรงหน้าหวังเป่าเล่อก็ปรากฏการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
บางทีอาจเป็นความแตกต่างระหว่างการถูกให้ทำและการทำเอง คราวนี้สมุดแห่งโชคชะตาจึงไม่ต้องมีคำสั่งของหวังเป่าเล่อ แม้ภาพจะไม่ชัดเจนนักในตอนแรก แต่ความพร่ามัวนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนสมุดแห่งโชคชะตากำลังบ้าคลั่ง ดังนั้นไม่นาน จึงปรากฏภาพอนาคตออกมาตรงหน้าหวังเป่าเล่ออย่างต่อเนื่อง…
แต่ละภาพมีความวิจิตรงดงามอย่างยิ่ง ละเอียดยิ่งขึ้น และชัดเจนแม้กระทั่งเส้นขนบนใบหน้า ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงพื้นหลังเลย ทั้งหมดชัดเจนจนถึงขีดสุด
สมุดแห่งโชคชะตายังกังวลว่าหวังเป่าเล่อจะไม่เข้าใจ… มันยังแสดงอักษรเหนือศีรษะผู้ที่ปรากฏอยู่ในภาพ อธิบายว่าคนผู้นี้คือผู้ใด ที่มา และระดับฝึกตนรวมทั้งอาวุธเวท…
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้หวังเป่าเล่อตกใจมากที่สุด สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือ การแนะนำตัวเหล่านี้ยังรวมถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือดและความลับของอีกฝ่ายด้วย และหากหวังเป่าเล่อจ้องมองบุคคลหนึ่งเป็นเวลานาน นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นวิถีชีวิตของอีกฝ่าย!
เหตุการณ์นี้หวังเป่าเล่อเองก็ไม่ได้คาดคิด จิตใจอดนึกถึงการดำรงอยู่แบบพิเศษภายในสหพันธรัฐ การดำรงอยู่แบบนี้ ความพากเพียรของมันสะเทือนฟ้าดิน และความกระตือรือร้นของมันสามารถละลายธารน้ำแข็งได้…
ดังนั้นในท่าทีที่แปลกประหลาด หวังเป่าเล่อจึงลองตรวจสอบ แต่เห็นได้ชัดว่าการตรวจสอบเช่นนี้ ตัวสมุดแห่งโชคชะตาเองก็มีการสูญเสียไปมาก ดังนั้นหลังจากดูไปบางส่วนแล้ว ก็เห็นว่าภาพเริ่มจะไม่สวยงามดังเดิม จนถึงขั้นพร่ามัวอยู่บ้าง หวังเป่าเล่อจึงหยุดตรวจวิถีชีวิตของผู้อื่น แต่พลิกดูภาพอนาคตของตนเองอย่างรวดเร็ว
เขาเห็นถึงกำเนิดสำนักแห่งความมืด เห็นการต่อสู้ที่ไม่สิ้นสุด เห็นระดับการฝึกตนของตนเองถึงระดับดารานิรันดร์ ถึงระดับจักรพิภพ แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นช่วงเวลาหนึ่ง ไม่มีช่วงระหว่างขั้นตอนและความต่อเนื่อง และแม้แต่ภาพก็ปรากฏเป็นภาพลวงตา สิ่งนี้อธิบายได้ว่าช่วงเวลานี้ เป็นเพียงความเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่เท่านั้น
จนกระทั่งมีสองภาพ ที่ทำให้หวังเป่าเล่อจ้องอยู่เป็นเวลานาน ในภาพแรกมีอาจารย์ปรมาจารย์แห่งไฟ มีศิษย์พี่เฉินชิงจื่อ และยังมีตัวเขาเอง
ในภาพ ร่างของศิษย์พี่เฉินชิงจื่อและอาจารย์ปรมาจารย์แห่งไฟได้รับบาดเจ็บ แต่พวกเขากลับไม่สนใจ ดั้นด้นบุกสังหารไปข้างหน้า เพื่อช่วยตนที่ตกอยู่ในอันตราย สีหน้าของพวกเขาร้อนรน ทำให้ใจของหวังเป่าเล่อ เปี่ยมล้นไปด้วยความอบอุ่น
ภาพที่สอง ศิษย์พี่เฉินชิงจื่อมอบหินผลึกสีดำก้อนหนึ่งให้กับตน ในภาพเขากล่าวขึ้นประโยคหนึ่ง
“ศิษย์น้อง สำนักแห่งความมืด มอบให้เจ้าแล้ว”
ภาพเหตุการณ์สิ้นสุด หวังเป่าเล่อยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ มองความพร่ามัวรอบด้านแปรเปลี่ยนอีกครั้ง ภาพของศิษย์พี่เฉินชิงจื่อปรากฏขึ้นในใจ และเขาคิดถึงศิษย์พี่ขึ้นบ้างแล้ว
แม้เบาะแสในครั้งนี้ ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต แต่หวังเป่าเล่อก็พอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะจากไป เขาพลันนึกถึงนายน้อยลำดับเก้าผู้สืบทอดราชันเทวะไกก้าและเซียนเต๋าเก้ารัฐหลังจากได้มองภาพอนาคต ท่าทางของทั้งสองที่มีต่อตนก็เปลี่ยนไป
“ขอข้าดูเบาะแสอนาคตของนายน้อยลำดับเก้าผู้สืบทอดราชันเทวะไกก้า และเซียนเต๋าเก้ารัฐ”
หากเปลี่ยนเป็นเวลาอื่น สมุดแห่งโชคชะตาจะต้องปฏิเสธคำขอเช่นนี้ของหวังเป่าเล่ออย่างแน่นอน แต่ในตอนนี้…ทันทีที่หวังเป่าเล่อกล่าวจบ ก็ปรากฏภาพนายน้อยลำดับเก้าผู้สืบทอดราชันเทวะไกก้าขึ้นตรงหน้าเขา
ในภาพนั้น นายน้อยลำดับเก้าเสียชีวิตในสนามต่อสู้ภายในตระกูลไม่รู้สิ้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตนเอง แต่การที่ได้เห็น นายน้อยลำดับเก้าผู้นั้น มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอนที่จะคลี่คลายวิกฤตได้
“เจ้าหมอนี่ที่แท้ก็กำลังหลอกข้า แสร้งทำเป็นเหมือนว่าอนาคตของข้าน่าหวาดกลัวเพียงใด เพื่อดึงดูดความสนใจ จากนั้นก็สร้างศัตรูมากมายให้ข้า” หวังเป่าเล่อยิ้มเยาะ ดวงตาฉายแววเย็นชา และมองไปที่ภาพของเซียนเต๋าลำดับเจ็ดแห่งเต๋าเก้ารัฐ
ภาพนี้ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขามากมายเช่นกัน สุดท้ายผู้ที่สังหารเซียนผู้นี้ ก็ไม่ใช่ตนเอง แต่เป็นศิษย์พี่สำนักเดียวกับเขา!
“ยังจะมาหลอกข้าอีก!” หวังเป่าเล่อพลิกมือขวา และมองเบาะแสของซิงจิงจื่อและเซี่ยไห่หยางอีกครั้งด้วยความอยากรู้ ทว่าหลังจากการรับรู้ สีหน้าของหวังเป่าเล่อก็เปลี่ยนไป
เพราะเบาะแสอนาคตของซิงจิงจื่อ ไม่เกี่ยวข้องกับตน ส่วนเซี่ยไห่หยางก็ไม่ได้เชื่อมโยงกับตนมากนัก ห่างไกลจากสิ่งที่เขากล่าว ดูเหมือนเขาจะไม่เป็นตัวของตัวเอง
นายน้อยลำดับเก้าและเซียนเต๋าเก้ารัฐหลอกตน เขาย่อมเข้าใจได้ แต่ซิงจิงจื่อมีความเป็นไปได้น้อยมาก และภาพเบาะแสของเซี่ยไห่หยาง ก็ยิ่งไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องทำ
หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบ เรื่องนี้แปลกประหลาด เขาตัดสินใจไม่ได้ชั่วขณะ ไตร่ตรองได้ครู่หนึ่ง หวังเป่าเล่อมองดูความพร่ามัวรอบตัว เกิดอาการใจสั่นอย่างไม่อาจอธิบายได้
“ไปกันเถอะ!” หวังเป่าเล่อครุ่นคิด ค่อยๆ เอ่ยปาก
ทว่าตอนนั้นเอง จิตสำนึกของสมุดแห่งโชคชะตากลับผันผวนอย่างรุนแรงและส่งความคิดไปยังหวังเป่าเล่อได้ทันเวลา ก่อนจะหายไปในทันที ดูเหมือนว่ามีจิตสำนึกอื่นที่ไม่รู้แหล่งที่มา เข้ากำราบสมุดแห่งโชคชะตาโดยตรง ทำให้มันตกลงบนพื้น!
จากนั้นเสียงแผ่วเบาก็ดังขึ้น ในพื้นที่เบาะแสแห่งอนาคตอันพร่ามัว พลันเกิดการสะท้อนกลับ
“มีอีกภาพหนึ่ง จิตวิญญาณของคนผู้นี้มีไม่เพียงพอ จึงแสดงออกมาไม่ได้ แต่ข้ากลับทำได้… เจ้าต้องการดูหรือไม่”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หวังเป่าเล่อก็ขนลุกชัน สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไป หายใจถี่รัว ด้วยเพราะจิตสำนึกของสมุดแห่งโชคชะตาเมื่อครู่ ความคิดที่ถ่ายทอดมาบอกเขา มีวูบหนึ่งมาจากจิตสำนึกในอนาคต จุติลงตรงนี่
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ… เสียงของคำกล่าวนี้ หวังเป่าเล่อรู้สึกคุ้นเคย!
มันคือ… เสียงแห่งใบหน้าที่กลายมาจากตะขาบสีโลหิต ในตอนที่เขาระลึกชาติ!
“เจ้าคือผู้ใด!” หวังเป่าเล่อกล่าวตอบ หลังจากเงียบไป
“ไม่ใช่ว่าข้าเคยบอกแล้วเจ้าหรือ ข้าจะไม่กล่าวคำซ้ำสอง ดังนั้น…คำตอบของเจ้าคืออะไร”
หวังเป่าเล่อหรี่ตา หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย
“ดู!”
ทันทีที่คำพูดของหวังเป่าเล่อส่งออกมา ความพร่ามัวรอบด้านก็หายวับ ถูกแทนที่ด้วยท้องฟ้า ต่างจากภาพที่เขาเคยเห็นมาก่อน คราวนี้เขาไม่ได้มองภาพ แต่ถูกหลอมรวมเข้ากับ ท้องฟ้าผืนนี้ หลอมรวมเข้าสู่ภาพ กลายเป็นคนในภาพ!
เขายืนอยู่บนท้องฟ้า ขณะที่มองไปรอบๆ ก็เห็น…มือข้างหนึ่ง ที่อยู่ในความทรงจำของอดีตชาติ มันเคยปรากฏมาก่อน มือนั้นที่สังหาร ในฐานะที่เขาเป็นเผ่าเทพอัคคี
มือข้างนี้ก่อเกิดมาจากความว่างเปล่า แตะเบาๆ ลงไปบนหน้าผากของเขา ในความเลือนราง ยังมีเสียงบางเบา สะท้อนอยู่บนท้องฟ้า
“ข้าควรเรียกเจ้าเช่นไร แผ่นไม้สีดำหรือ นี่คือพรหมลิขิตของเจ้า… ที่จะถูกข้าสิงสู่!”
หัวใจของหวังเป่าเล่อคำรามก้อง ขณะที่มือตกลงไปนั้น เขาเตรียมพร้อมมาก่อนหน้าแล้ว นัยน์ตาปรากฏแสงแรงกล้า สำแดงเคล็ดวิชาจันทร์ข้างแรมออกมาทันที กาลเวลาจุติ ด้วยความอัศจรรย์แห่งกฎนี้ ดังนั้นจึงส่งผลต่อมือข้างนั้นเล็กน้อย ไม่ได้ไหลย้อนกลับ แต่เป็นการสะดุ้ง!
เพียงแค่สะดุ้ง เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว!
เงาของผีดิบที่ภายในร่างของเขา คำรามเสียงต่ำให้นิ้วที่คืบคลานเข้ามา
“แสง!”
ยังมีเงาของดาบมารแห่งความแค้นปรากฏขึ้นในทันที คำรามออกมาเช่นกัน
“ฟัน!”
ฉับพลันเงาของเผ่าเทพอัคคีก็ปรากฏออกมาอย่างน่าพรั่นพรึง!
“ฉีก!”
และความเกลียดชังมากมายอันน่าสะพรึงกลัว จากเงามหาศิษย์แห่งเต๋าในชาตินั้น ก็คำรามหลังจากกลายร่าง
“สังหาร!”
รวมทั้งเจ้ากวางขาวน้อยที่พุ่งออกไป ด้วยเขาบนหัวที่มันสามารถทลายสิ่งกีดขวางทุกอย่างในโลกหล้า พุ่งกระแทกเข้าใส่นิ้วที่กำลังเข้ามา!
“แยก!”
…………………