หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1261 ปรากฏ

ตู้ม ตู้ม**!**

เสียงคำรามของหลิงจั้นจื่อดังก้องราวกับฟ้าฟาดทั่วมิติ พร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขตถูกปลดปล่อยอย่างต่อเนื่อง ทำให้มิติโดยรอบผันผวน

ยามนี้ดวงตาของหลิงจั้นจื่อเปล่งประกายแวววาวและดูไม่อ่อนล้าเหมือนเมื่อครู่อีก เห็นได้ชัดว่าเขาใช้ประโยชน์จากการสังเวยการต่อสู้เพื่อฟื้นฟูคลื่นหลิงของตนเอง

พลังงานที่หมดไปเติมเต็มร่างกายของเขาอีกครั้ง

หลิงจั้นจื่อยืนอยู่บนร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์จ้องมองไปที่มู่เฉิน ในที่สุดเขาก็เอาชนะได้ในนาทีสุดท้าย เพราะตอนนี้มู่เฉินที่เหนื่อยล้า ไม่เป็นอันตรายในสายตาเขาแล้ว

ผู้ชมส่ายหน้า ใครจะคิดว่าหลิงจั้งจื่อยังมีทักษะนี้ทำให้พลิกสถานการณ์พลิกกลับมาได้อีกครั้ง

“หลิงจั้นจื่อเหี้ยมจริงๆ เขายอมจ่ายราคาดังกล่าวเพื่อตำแหน่ง” บางคนถึงกับถอนหายใจ

“ราคาแค่นั้นไม่นับเป็นอะไรได้ ตราบใดที่เขาเป็นนักรบทวีปและได้รับการชำระด้วยพลังงานทวีปของทวีปซีเทียนก็จะเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระดับเทียนจื้อจุน เมื่อเปรียบเทียบแล้ว กองทัพล้านคนก็ไม่นับเป็นอะไรหรอก”

“แต่ถ้าแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นเกียรติอะไรแม้เขาจะชนะ มู่เฉินเสียเปรียบตั้งแต่เข้าร่วมในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายด้วยพลังขั้นต้น ตอนนี้หลิงจั้นจื่อยังใช้วิธีขี้โกงเช่นนี้อีก” ก็เป็นปกติที่จะมีคนรู้สึกไม่ยุติธรรมสำหรับมู่เฉิน เพราะพลังที่อีกฝ่ายแสดงออกมาก่อนหน้าทำให้หลายคนยอมรับเขาแล้ว

“ลิขิตฟ้ามักโหดร้าย ในโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม… แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่มู่เฉินจะมาไกลขนาดนี้ด้วยขุมพลังของเขา พรสวรรค์และพลังของเขาจะสร้างโอกาสในอนาคตอย่างแน่นอน”

“…”

ในขณะที่เสียงหลากหลายดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ผู้คนก็อดเสียดายแทนมู่เฉินไม่ได้ เขามีศักยภาพที่ลากทึ้งหลิงจั้นจื่อลงมาจากเจ้าเหนือหัวในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายของทวีปซีเทียน แต่น่าเสียดายที่เขาล้มเหลวในที่สุด

“ดูเหมือนพวกแกจะไม่มีโอกาสแล้ว” มองไปที่หลิงจั้นจื่อ หลิงเจี้ยนจื่อก็ยิ้มเยาะให้กับซูมู่

ใบหน้าของซูมู่มืดครึ้ม เป็นเรื่องเหนือคาดที่มู่เฉินสามารถบรรลุผลสำเร็จได้ขนาดนี้ ทว่าก็ไม่มีใครคิดว่าหลิงจั้นจื่อเหี้ยมเกรียมปานนี้

“ไม่ได้ตำแหน่งก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็สามารถทำลายความเย่อหยิ่งของพวกแกได้ หึ พี่ใหญ่เทพจอมยุทธ์ ศิษย์เอกของจักรพรรดิสัประยุทธ์ถูกบีบให้มาถึงจุดนี้โดยจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น ข้าจะดูสิว่าพวกแกจะยังกล้าผยองต่อชื่อเสียงตัวเองในอนาคตหรือไม่” ซูมู่เค้นเสียงเยาะ

ดวงตาของหลิงเจี้ยนจื่อจมลงในความโกรธ เขารู้ว่าคำพูดของซูมู่ไม่ผิด แม้ว่าหลิงจั้นจื่อจะชนะมู่เฉินในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่นั่นจะไม่เพิ่มชื่อเสียงของเขา กลับฉายแสงให้มู่เฉินแทน

เพราะเป็นเรื่องตกตะลึงมากที่มู่เฉินทำสิ่งนี้สำเร็จด้วยขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น

“ผู้ชนะก็คือผู้ชนะ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร ผลลัพธ์ก็ไม่เปลี่ยนแปลง” หลิงเจี้ยนจื่อเย้ยหยัน

ขณะที่ทั้งสองเปิดศึกน้ำลายใส่กัน มู่เฉินก็มองหลิงจั้นจื่อ เขาอดไม่ได้ที่จะเบะปาก หลิงจั้นจื่อจัดการยากเย็นจริงๆ

เพื่อจัดการกับคนผู้นี้ มู่เฉินควักไพ่ตายออกมาเกือบหมดแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถมีชัยเหนือกว่าได้ ไม่แปลกใจเลยที่หลิงจั้นจื่อเป็นเทพจอมยุทธ์อันดับหนึ่ง ชายคนนี้มีปัจจัยที่โดดเด่นนัก

“สมกับถูกสอนโดยจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน” มู่เฉินถอนหายใจ

“ขอบคุณสำหรับคำชม แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ต้องเชิญแกออกจากสนามนี้” หลิงจั้นจื่อตอบอย่างไม่แยแส ตอนนี้เขาปฏิบัติต่อมู่เฉินอย่างจริงจังและรู้สึกครั่นคราม ดังนั้นจึงไม่มีน้ำเสียงดูถูกที่เคยมีอีกแล้ว

ตู้ม!

หลังจากสะบักสะบอมจากน้ำมือมู่เฉิน หลิงจั้นจื่อก็ฉลาดพอที่จะไม่ให้เวลามู่เฉินอีกต่อไป เขากระแทกฝ่าเท้า คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ระเบิดออก ก่อตัวเป็นภาพมายาก่อนจะทะยานออกไป

ทุกคนบอกได้เลยว่าหลิงจั้นจื่อต้องการยุติการต่อสู้แล้ว!

ลำแสงวาบผ่านไปพร้อมด้วยคลื่นหลิงไร้ขอบเขตครอบคลุมพื้นที่ เพียงอึดใจเดียวเงาร่างของหลิงจั้นจื่อก็มาปรากฏต่อหน้ามู่เฉินซึ่งอยู่บนบ่าของร่างเทพสุริยะนิรันดร์

ตอนนี้คลื่นหลิงของมู่เฉินหมดลงอย่างสมบูรณ์ ร่างเทพสุริยะนิรันดร์จึงสูญเสียความสุกสว่าง ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป ดังนั้นเมื่อหลิงจั้นจื่อปรากฏตัวต่อหน้าก็ไม่ได้ทำการโจมตีใดๆ

“เอาป้ายสัประยุทธ์มา!”

หลิงจั้นจื่อคำรามเสียงเย็นพร้อมกับฝ่ามือกระแทกออกไป ทำลายมิติพุ่งไปที่หน้าอกของมู่เฉิน

แม้ว่ามู่เฉินดูเหมือนจะไม่มีพลังในการตอบโต้ แต่หลิงจั้นจื่อก็ยังระวัง ตัดสินใจใช้เพลงฝ่ามือจัดการมู่เฉินให้ได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

เฮ้อ เฮ้อ

ทุกคนถอนหายใจกับฉากนี้ ดูเหมือนว่าคราวนี้มู่เฉินจะแพ้แล้ว

ฝ่ามือขยายใหญ่ในดวงตาของมู่เฉิน แต่เขาไม่ได้ตกใจอะไร บนใบหน้ากลับมีรอยยิ้มจางๆ แทน

เมื่อเห็นรอยยิ้มนั่น ม่านตาของหลิงจั้นจื่อก็สั่นกระเพื่อม ความไม่สบายใจเพิ่มขึ้นในหัวใจ แต่ในฐานะจอมยุทธ์ที่เหี้ยมและเด็ดขาด เขาก็อัดคลื่นหลิงในร่างกายลงไปเพิ่ม ฝ่ามือก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น ไม่ว่ามู่เฉินจะเคลื่อนไหวหรือไม่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหนีจากโจมตีของคลื่นหลิงในระยะแค่นี้

ตึง!

มิติผันผวน พริบตาฝ่ามือของหลิงจั้นจื่อก็ปรากฏเบื้องหน้ามู่เฉิน ทว่าขณะกำลังจะปะทะกับหน้าอก ฉับพลันก็มีมือข้างหนึ่งเหยียดออกกระแทกใส่กับฝ่ามือของหลิงจั้นจื่อ

ตู้ม!

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตแปรปรวน ร่างกายของหลิงจั้นจื่อก็สั่นไหว ฝ่ามือถูกปิดกั้น แต่ไม่รอให้เขาตั้งสติ ลูกเตะที่มาพร้อมกับคลื่นหลิงก็พุ่งเข้าหาหน้าอกเขา

ปัง!

อากาศโดยรอบแตกออก หลิงจั้นจื่อที่ไม่ทันตั้งตัวก็ปลิวถลาไปบนพื้น ทำให้เกิดรอยแยกขนาดใหญ่ทุกที่ที่ผ่าน

การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยฉับพลัน ดังนั้นหลังจากที่หลิงจั้นจื่อกระเด็นออกไปไกล ผู้ชมถึงได้หายจากอาการตกใจ ใบหน้าก็อัดแน่นด้วยความหวาดผวา

“เกิดอะไรขึ้น?”

“มู่เฉินยังมีคลื่นหลิงที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ยังไง?!”

ความปั่นป่วนเกิดขึ้น สายตาไม่อยากเชื่อมองไปยังมู่เฉิน เมื่อเห็นทั่วทั้งจัตุรัสก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ

ทุกคนอ้าปากตาค้างด้วยความตกใจราวกับว่าเห็นผี

เนื่องจากพวกเขาเห็นร่างเงาสองร่างยืนจังก้าอยู่ข้างมู่เฉิน ร่างในชุดสีดำและสีขาวกำจายคลื่นผันผวนทรงพลังรอบตัว

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงที่สุด ไม่ใช่คลื่นหลิงที่ผันผวน แต่เป็นเพราะทั้งคู่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมู่เฉินเปี๊ยบ!

“นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

“ทำไมมีมู่เฉินเพิ่มอีกสองคน! พวกเขาเป็นพี่น้องแฝดกันหรือ?”

“ไร้สาระ พวกเขาต้องเป็นร่างดวงจิตแน่!”

“เป็นไปได้ยังไง?! มู่เฉินอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นเท่านั้น เขาจะสร้างร่างพิมพ์ในระดับเดียวกับตัวเขาได้ยังไง!”

“…”

ความปั่นป่วนเกิดขึ้น ทุกคนมีความไม่เชื่อเขียนบนใบหน้า พวกเขาตกตะลึงกับฉากนี้ ตอนแรกพวกเขาคิดว่าการต่อสู้จะจบลงแล้ว แต่ใครจะคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น…

หลิ่วซิงเฉินก็ผงะไปกับฉากนี้ โดยธรรมชาติเขาไม่เชื่อว่าร่างทั้งสองที่คล้ายคลึงกันนั่นจะเป็นพี่น้องแฝดของมู่เฉิน ดังนั้นใจเขาเอนเอียงไปยังแนวคิดเรื่องร่างดวงจิต แต่ที่เขาไม่เข้าใจคือทำไมร่างดวงจิตของมู่เฉินถึงได้ทรงพลังเพียงนี้…

นอกจากนี้ร่างดวงจิตก็ดูสมจริงมาก! พวกเขาไม่ได้แตกต่างจากร่างหลักเลย!

ภายใต้ความปั่นป่วนใบหน้าของจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ตื่นตะลึง ก่อนที่เขาจะผุดลุกขึ้นยืนมองดูเงาร่างทั้งสองในทันที

บางทีคนอื่นคงไม่สามารถบอกอะไรได้ แต่เขาในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ดังนั้นเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าทั้งสองไม่ได้เป็นร่างดวงจิต แต่เป็นร่างจริง!

นอกจากนี้ทั้งสามยังมีรัศมีเดียวกัน กระทั่งคลื่นหลิงก็เหมือนกัน ร่างทั้งคู่นั่นไม่มีร่องรอยของการเป็นร่างดวงจิตเลย!

การที่ร่างดวงจิตสมจริงเช่นนี้เป็นสิ่งที่มีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเท่านั้นที่ทำได้ แต่มู่เฉินเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น!

นอกจากนี้พลังของร่างดวงจิตที่สร้างโดยคลื่นหลิงก็จะด้อยกว่าร่างหลักอย่างแน่นอน แต่ร่างดวงจิตของมู่เฉินนั้นมีขุมพลังเหมือนกับร่างหลัก!

นี่คือสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนยังทำไม่ได้!

เทพจักรพรรดิอัคคีเงยหน้ามองไปที่ร่างเงาของมู่เฉินในเวลานี้ เขาเบ้ปากถอนหายใจในใจ “ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะประสบความสำเร็จในการฝึกได้จริงๆ…”

“หลายหมื่นปีต่อมา ในที่สุดวิชาสามพิสุทธิ์ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง”

เขารู้อยู่ในเรื่องที่มู่เฉินได้รับมรดกของจักรพรรดิฟ้า รวมถึงวิชาสามพิสุทธิ์ที่เป็นคัมภีร์ระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ ก็สามารถฝึกฝนได้ แต่มู่เฉินทำสิ่งนี้สำเร็จ

เมื่อมองไปที่เงาทั้งสามเซียวเหยียนก็หันไปมองจักรพรรดิสัประยุทธ์ตามด้วยเสียงหัวเราะ ทำเอาใบหน้าอีกฝ่ายอดกระตุกไม่ได้

“ดูเหมือนว่าปาฏิหาริย์ยังคงปรากฏในตอนท้ายเสมอ… ฮ่าๆ ข้าต้องขอบคุณจักรพรรดิสัประยุทธ์แทนมู่เฉินกับรางวัลใหญ่ครั้งนี้ด้วย”