ตอนที่ 831 สังหารอสูร

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตอนที่ 831 สังหารอสูร
สังหารอสูรกวางชะมด

“อสูรตัวนี้ถูกขังอยู่กลางค่ายกลปิดกั้นมิติหลายชั้น ตอนนี้ไร้หนทางแล้ว สหายหลิ่วเพียงต้องใช้กระบี่บินพลังจิตวิญญาณโจมตีมันให้ถึงชีวิตก็พอ” ผู้เฒ่าอ้วนเห็นเช่นนี้ก็พรูลมหายใจยาว เอี้ยวศีรษะมายิ้มน้อยๆ เอ่ยกับหลิ่วหมิง

เฟิงชิงโม่มองมาหาหลิ่วหมิงอย่างเย็นชา ไม่มีเจตนาจะลงมือเองเช่นเดียวกัน

หลิ่วหมิงได้ยินความคิดก็แล่นเร็วไว ใบหน้ากลับพยักหน้าอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้า มือข้างหนึ่งตั้งท่าเคล็ดวิชา พลังเวทบริสุทธิ์สายแล้วสายเล่าทะลักออกมาจากผลึกหนึ่งร้อยสี่สิบสามเม็ดในร่างอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายกรอกเข้าไปในกระบี่น้อยสีทองอย่างบ้าคลั่ง

กระบี่น้อยสีทองฉับพลันส่งเสียงครวญครางเสียงแหลม หลังสั่นเบาๆ กลางอากาศก็โต้ลมขยายพรวดจนยาวสิบกว่าจั้ง แสงสีทองพุ่งออกไปสี่ทิศ จิตกระบี่มโหฬารสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าในทันที

“สะบั้น”

พร้อมกับที่เขาชี้ออกมา แสงกระบี่ยาวสิบกว่าจั้งสายหนึ่งก็พุ่งเข้าสะบั้นตรงค่ายกลทันที

ผู้เฒ่าอ้วนเห็นสถานการณ์ ดวงตาพลันมีแววตาประหลาดปรากฏแวบหนึ่งก่อนจะหายไป สองมือทำท่าเคล็ดวิชาต่อเนื่อง ม่านแสงสีฟ้าเข้มด้านล่างฉับพลันแหวกเป็นรอยแยกแคบยาวเส้นหนึ่ง แสงกระบี่สีทองพุ่งเข้ามาจากในรอยแยกพอดิบพอดี

แสงกระบี่สีทองจมเข้ามาในค่ายกลปุบก็ชะงักไปเล็กน้อย ได้รับผลจากข้อจำกัดบางอย่าง ความเร็วฉับพลันช้าลงหลายเท่าเช่นเดียวกัน!

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ คิ้วเรียวก็เลิกขึ้นเล็กน้อย

ดูท่าค่ายกลห้วงนทีนี่จะมีผลจำกัดพลังกระบี่บินว่างเปล่าประมาณหนึ่งเช่นกัน

แม้สภาพที่แสงกระบี่สีทองร่วงลงมาจะเชื่องช้า แต่ความเย็นยะเยือกคมกริบที่แผ่ออกมาจากด้านในยังคงซัดลงมาก่อนก้าวหนึ่ง

อสูรกวางชะมดด้านล่างสั่นสะท้าน ปากร้องเสียงแหลม ปราณสีเทารอบร่างฉับพลันเพิ่มมากขึ้น พริบตาที่แสงกระบี่ร่วงลงมา ร่างกายก็หายไปจากที่เดิม พาเชือกเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาออกไปห่างหนึ่งจั้งกว่าพอดิบพอดี

แสงสีทองโฉบวูบ แสงกระบี่ถาโถมเฉียดผ่านร่างมันไป เสียง “ฉึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง กรีดบาดแผลลึกหนึ่งฉื่อกว่าสายหนึ่งบนตัวมัน

“อ๊าว!”

อสูรกวางชะมดว่างเปล่าเจ็บปวดจนคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เลือดสีเทาพุ่งออกมาจากในบาดแผล ทว่าครู่ต่อมาไอหมอกสีเทารอบร่างก็ไหลมาพักหนึ่ง บาดแผลฟื้นกลับคืนดังเดิมในทันใด

ขณะที่หลิ่วหมิงกระตุ้นเคล็ดกระบี่ในมือ หมายจะกระตุ้นกระบี่ว่างเปล่าฟันอสูรตัวนี้อีกครั้ง เหตุผลิกผันก็บังเกิดขึ้น!

ดวงตาทั้งสองข้างของอสูรกวางชะมดพลันฉายแววเจ้าเล่ห์นิดๆ แสงสีเลือดสว่างจ้า อ้าปากพ่นแก่นปีศาจสีเทาขมุกขมัวลูกหนึ่งออกมา

แก่นปีศาจหมุนติ้วรอบหนึ่งแล้วฉายแสงเรืองรองสีเทาสายหนึ่งออกมาจากด้านใน สาดลงมาเบื้องล่างล้อมทั้งร่างกายและแก่นปีศาจของมันเข้าไปข้างใน

เสียง “ปึ้ด” ดังขึ้นหลายหน ชั่วพริบตาเชือกสีฟ้ารอบร่างอสูรตัวนี้ก็สะบั้นขาดทีละชุ่นๆ ท่ามกลางแสงสีเทา ต่อจากนั้นร่างกายของมันก็พร่าเลือน กลายเป็นลูกบอลหมอกสีเทาเลือนรางไม่ชัดลูกหนึ่ง กะพริบวูบแล้ววูบเล่าพุ่งไปจุดที่แหวกเปิดด้านบนค่ายกลในทันใด

“แย่แล้ว ประมาทเกินไป! อย่าให้มันหนีไปได้!”

ผู้เฒ่าอ้วนเห็นสถานการณ์ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันใด สองมือตั้งท่าเคล็ดวิชายิงแสงสีฟ้าสายหนึ่งใส่ค่ายกลทันที รอยแยกแคบยาวเริ่มสมานเข้าหากัน

หลิ่วหมิงสีหน้าเคร่งขรึม มือข้างหนึ่งทำท่าเคล็ดวิชา แสงกระบี่สีทองวนในค่ายกลรอบหนึ่ง แล้วไล่ตามอสูรกวางชะมดไปติดๆ

แต่เพราะการจำกัดพลังของค่ายกล ความเร็วจึงไม่อาจเทียบกับก่อนหน้านี้ได้ แสงกระบี่สีทองกะพริบต่อเนื่องหลายหนอยู่กลางน้ำในทะเลสาบ แต่ชั่วขณะหนึ่งไม่อาจไล่ตามอสูรกวางชะมดทัน

เวลานี้เฟิงชิงโม่กลับแค่นเสียงคำหนึ่ง โยนยันต์สีขาวหนาตั้งหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ พร้อมกันนั้นปากก็โพล่งคำว่า “ผนึก”

พริบตาเดียวยันต์สีขาวก็ระเบิดด้านบนค่ายกล กลายเป็นปราณสีขาวสายแล้วสายเล่าเติมเข้าไปตรงรอยแยกของม่านแสงสีฟ้า

ในเวลาเดียวกันรอยแยกก็สมานจนหดเล็กอย่างรวดเร็วด้วยการกระตุ้นค่ายกลสุดชีวิตของผู้เฒ่าอ้วน ชั่วพริบตาก็กว้างเหลือแค่ไม่กี่ฉื่อแล้ว

อสูรกวางชะมดในค่ายกลด้านล่างเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาไม่กี่หนก็ห่างจากทางออกเพียงไม่กี่จั้ง เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หมอกสีเทาทั่วร่างมันก็หมุนติ้วรวมตัวกันอีกครั้ง จากนั้นส่งเสียงดัง “ฟึบ” แก่นปีศาจกลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ไปด้านบนโจมตีเข้าที่รอยแยก

เสียงบึ๊มดังสนั่น!

ดวงตะวันเจิดจ้าสีดำดวงหนึ่งระเบิดกลางม่านแสงสีฟ้าในทันใด รอยแยกที่เดิมทีใกล้ประสานสนิท ฉับพลันถูกคลื่นน่าตะลึงระเบิดจนเป็นช่องมหึมาอีกหน กวางชะมดว่างเปล่าหายตัวหนีออกไปในพริบตา

อสูรตัวนี้ออกจากค่ายกลห้วงนทีปุบก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยร่างกายพร่าเลือนหายไป มันหายตัวไม่กี่ครั้งต่อกันกลางท้องฟ้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ถึงกับระเบิดแก่นปีศาจของตนเอง!”

เฟิงชิงโม่เห็นเช่นนี้ก็โกรธจัด!

หลิ่วหมิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย กวักมือทีหนึ่ง แสงกระบี่สีทองก็บินพุ่งตามออกมาจากรอยแยกของค่ายกล หมุนวนเบื้องหน้าร่างรอบหนึ่ง เมื่อแสงรัศมีดับลงก็กลับคืนเป็นกระบี่น้อยสีทองดังเดิมอีกครั้ง

“นายน้อยอย่าได้ร้อนรน อสูรตัวนี้เมื่อครู่ถูกขังไว้ในค่ายกลห้วงนที กระตุ้นพลังเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาต่อเนื่อง เสียพลังเวทไปไม่น้อย ตอนนี้ยังระเบิดแก่นปีศาจของตนเองอีก ระดับพลังลดทอนต้องหนีไปไม่ไกลแน่ พวกเรารีบปล่อยเพียงพอนผลึกม่วงออกมาไล่ตามต่อ!”

ผู้อาวุโสหวงยังคงสีหน้านิ่งสงบ เอ่ยอย่างไม่รีบไม่ช้า

เฟิงชิงโม่ตอนนี้ถึงเข้าใจขึ้นบ้าง ตบข้างเอวอีกหนทันที แสงเรืองรองสีม่วงสายหนึ่งม้วนออกมา เพียงพอนผลึกม่วงตัวนั้นเอง

เขาสะบัดแขนทีหนึ่ง บนนิ้วมือก็ฉีกเป็นแผลใหญ่แผลหนึ่งโลหิตบริสุทธิ์หยดหนึ่งลอยออกมา หลังให้เพียงพอนผลึกม่วงกลืนลงไปแล้ว เขาก็ชี้ไปยังทิศทางที่อสูรกวางชะมดหนีไป พร้อมกันนั้นก็ตวาดเบาๆ คำหนึ่ง

เพียงพอนผลึกม่วงส่งเสียงร้องแผ่วเบาทีหนึ่งก็ดีดร่างกลายเป็นแสงแวววาวสีม่วงสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ไปยังทิศทางเดียวกัน

เฟิงชิงโม่รีบกระตุ้นเคล็ดวิชา ไอหมอกสีขาวทั่วร่างท่วมทะลักกลายเป็นแสงสีขาวเส้นหนึ่งไล่ตามไปติดๆ

หลิ่วหมิงไม่พูดพร่ำก็ทำท่าเคล็ดกระบี่ กระบี่บินว่างเปล่าโฉบเป็นแสงสีทองเบื้องหน้าร่าง หอบร่างกายของตนกลายเป็นรุ้งสีทองแหวกท้องฟ้าไปบ้าง

ผู้เฒ่าอ้วนคนนั้นเห็นหลิ่วหมิงจากไปแล้ว บนหน้าพลันมีสีหน้าครุ่นคิด รั้งอยู่ที่เดิมครู่หนึ่งเท้าถึงเหยียบเมฆขาวก้อนหนึ่ง ตามไปยังทิศทางที่ทั้งสองคนอยู่ติดๆ

แม้เพียงพอนผลึกม่วงตัวนี้พลังไม่สูงแต่ว่องไวอย่างที่สุด ตอนนี้มันคล้ายรู้ว่าอสูรกวางชะมดว่างเปล่าบาดเจ็บไม่เบาจึงไล่ตามไปติดๆ อย่างไม่ลังเลสักนิด

อสูรกวางชะมดว่างเปล่าที่ถูกไอหมอกสีเทาห้อมล้อมด้านหน้าเป็นดังเช่นที่ผู้เฒ่าอ้วนแห่งนิกายหยกทองผู้นั้นกล่าวไม่มีผิด มันไม่เพียงเสียพลังเวทไปค่อนข้างมาก เนื่องจากระเบิดแก่นแท้ไปด้วยตนเอง ลมปราณจึงแผ่วเบาลงไม่น้อย แม้ออกห่างจากค่ายกลห้วงนทีแล้ว แต่ตอนนี้ทุกครั้งที่เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาก็เคลื่อนย้ายออกไปได้ไม่ถึงหกเจ็ดจั้งเท่านั้น

ทว่าถึงแม้เป็นเช่นนี้ความเร็วของมันก็ยังคงเร็วจนน่าตะลึง ทั้งยังเจ้าเล่ห์ไม่ธรรมดา มุดหนีไปตามเหลือบมุมของหมอกพิษหนาอยู่ตลอด

หากทั้งสามคนไม่มีเพียงพอนผลึกม่วงนำทาง เกรงว่าคงมีหลายครั้งถูกมันสลัดหลุดไปจริงๆ

ผลสุดท้ายทั้งสามคนไล่ตามติดไม่ลดละนานถึงครึ่งชั่วยามจึงไล่ตามอสูรตัวนี้ทันใกล้ๆ ยอดเขาลูกหนึ่ง

อสูรกวางชะมดเวลานี้ทั้งร่างเลือดไหลโชก ขนบนร่างส่วนใหญ่ถูกย้อมเป็นสีเลือด ปราณที่แผ่ออกมาจากตัวมันไม่มากเท่าก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนหน้าถูกหาตัวพบ มันขดกายหมอบอยู่ริมบึงน้ำแห่งหนึ่งที่ตีนเขา หมอกสีเทาสายแล้วสายเล่ารอบตัวแทรกเข้าไปในร่างอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายประหนึ่งดูดซับหมอกพิษเสริมพลังเวทอยู่

ทว่าเมื่อมันค้นพบเพียงพอนผลึกม่วงกับลำแสงของพวกหลิ่วหมิงสามคน ในดวงตาของอสูรกวางชะมดก็ฉายแววดุร้ายวูบหนึ่ง ปราณสีเทาทั่วร่างรวมตัวกันอีกครั้ง หายตัวต่อเนื่องหลายหนกระโดดเร็วไวออกไปหลายสิบจั้ง

แม้ความเร็วของพวกหลิ่วหมิงสามคนไม่ช้า แต่เมื่อไม่มีค่ายกลช่วยเหลือก็เห็นชัดว่าไม่อาจขวางมันได้ง่ายๆ แต่ละคนได้แต่กระตุ้นวิชาหลบหลีกตามไปติดๆ

พวกเขาติดตามไปร้อยกว่าลี้ เรื่องไม่คาดฝันเรื่องหนึ่งก็พลันบังเกิดขึ้น

ขณะที่อสูรกวางชะมดว่างเปล่าบินผ่านท้องฟ้าของหุบเขาแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นมันก็ส่งเสียงร้องพักหนึ่งแล้วผ่อนความเร็วลง เลือดสีเทาทั่วร่างซึมออกมาจากใต้ขนอีกครั้ง คล้ายอาการบาดเจ็บจะหนักขึ้น

หลิ่วหมิงเห็นสภาพสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขากรอกพลังเวทใส่อสูรสมุทรแปดขาที่หน้าอก หลังอสูรสมุทรแปดขาส่งเสียงร้องประหลาดออกมา ปีกเนื้อสีเงินคู่หนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นหลังร่างจากนั้นกระพืออย่างแรง

เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง

แสงสีทองที่มีร่างหลิ่วหมิงอยู่ข้างในพร่าเลือนวูบหนึ่งแล้วปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าห่างไปสามสิบจั้ง หลังหายตัวเช่นนี้ต่อเนื่องหลายครั้ง ในที่สุดก็ไล่ตามเข้ามาใกล้อสูรกวางชะมด

เขายกแขนเสื้อขึ้นทันที ลูกแก้วกลมสีดำขมุกขมัวเม็ดหนึ่งบินพุ่งออกมา มันหมุนติ้วกลางท้องฟ้ารอบหนึ่งแล้วกลายเป็นเงาภูเขาขนาดย่อมลูกหนึ่งร่วงลงมา

เสียง “บึ๊ม” ทีหนึ่งดังลอยมา!

คลื่นปราณระลอกหนึ่งซัดโถมกลางอากาศเบื้องหน้าอสูรกวางชะมด เงาภูเขาขนาดย่อมสูงสิบกว่าจั้งลูกหนึ่งเห็นกระจ่างชัด มันคือมุกพลังวารีที่ผสานดินปราณทองคำลูกนั้นนั่นเอง

อสูรแห่งความว่างเปล่าตกใจรีบหมุนร่างเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาไปอีกทิศทางหนึ่ง

เวลานี้เองกลิ่นหอมอ่อนๆ สายหนึ่งก็ลอยมา พร้อมกับที่กระแสลมแรงสายหนึ่งพัดตามมาถึง กลายเป็นกำแพงลมล่องหนผืนหนึ่งขวางเบื้องหน้าของอสูรกวางชะมดไว้

“ในที่สุดข้าก็จับได้แล้ว!”

แสงสีขาวสว่างวูบ เผยร่างของเฟิงชิงโม่ออกมาจากกลางสายลม ในมือเขากำพัดขนนกสีขาวที่ส่องแสงเรืองๆ เล่มหนึ่ง จ้องอสูรกวางชะมดเขม็ง ในดวงตาฉายแววตื่นเต้น

อีกด้านหนึ่งผู้เฒ่าอ้วนก็หายตัวมาถึงบริเวณใกล้ๆ ไม่พูดพร่ำคำที่สองมือข้างหนึ่งสะบัด แสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งออกมา หลังหมุนวนกลางอากาศรอบหนึ่งก็กลายเป็นอสรพิษน้อยสีแดงตัวหนึ่งพุ่งเร็วรี่เข้าใส่อสูรกวางชะมด

“รัด!”

ผู้เฒ่าอ้วนตวาดเบาๆ คำหนึ่งพร้อมกับที่มือข้างหนึ่งชี้ออกไปเบาๆ

อสรพิษน้อยสีแดงฉับพลันเพิ่มความเร็วกลางอากาศ ปรากฏขึ้นข้างกายอสูรกวางชะมดประหนึ่งภูตพรายแล้วโอบรัดประหนึ่งสายฟ้าแลบ รัดอสูรตัวนี้ไว้แน่นหนา

เสียง “ฟู่” ดังขึ้นทีหนึ่ง

หลังสองตาของอสรพิษน้อยสีแดงฉายแสงสีแดงสว่างวาบก็กลายเป็นเชือกที่มีเปลวเพลิงล้อมเส้นหนึ่ง ไฟลุกโหมรุนแรง

อสูรกวางชะมดร้องครวญครางกลายเป็นลูกบอลเพลิงลูกหนึ่งร่วงหล่นไปยังหุบเขาเบื้องล่างในทันใด เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นทีหนึ่ง มันตกกระแทกพื้นดินเป็นหลุมใหญ่แล้วกลิ้งพล่าน แต่สิ่งที่ประหลาดก็คือ ไม่ว่ามันจะกลิ้งอย่างไร เปลวเพลิงร้อนแรงบนร่างมันก็ไม่ดับลงแม้แต่น้อย

“ฮ่าๆ เชือกอสรพิษแดงของผู้อาวุโสหวงสมคำร่ำลือจริงๆ เป็นเช่นนี้อสูรตัวนี้ไม่มีทางดิ้นหลุดได้อีกแน่!” เฟิงชิงโม่เห็นเช่นนี้ก็เอ่ยอย่างยินดียิ่ง

ทว่าเวลานี้เองร่างกายของอสูรกวางชะมดในหลุมลึกเบื้องล่างก็พลันหดลงแล้วบวมพองขึ้นอย่างประหลาด ร่างกายที่เดิมทีขนาดสองสามจั้งชั่วพริบตากลายเป็นใหญ่สิบกว่าจั้ง ปราณเทาทั้งร่างซัดโหม ขยายดันจนเชือกที่ล้อมด้วยเปลวเพลิงทำท่าจะขาด

ผู้เฒ่าอ้วนกับเฟิงชิงโม่เห็นเช่นนี้ก็ตกใจ แต่ไม่รอพวกเขาสองคนลงมืออย่างใด หลิ่วหมิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็หรี่ตาสองข้างลง ปากโพล่งออกมาว่า “กระบี่ร่างเป็นหนึ่ง”

ครู่ต่อมาแสงกระบี่สีทองยาวสิบกว่าจั้งสายหนึ่งก็ซัดลงมา หลังส่องสว่างหายวับไปก็โจมตีปราณสีเทาคุ้มร่างของอสูรกวางชะมดทลาย พุ่งทะลวงผ่านร่างของมันไป

เสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง

อสูรกวางชะมดทั้งร่างประหนึ่งลูกบอลหนังลมรั่วระเบิดอยู่กับที่ เลือดสีเทาดวงแล้วดวงเล่าทะลักออกมาจากในร่างของมัน สาดทั่วพื้นดินใกล้ๆ ในทันใด พร้อมกันนั้นกลิ่นคาวสายหนึ่งก็แผ่อบอวลในพริบตา