ตอนที่ 1343

Alchemy Emperor of the Divine Dao

มีศิษย์ระดับล่างของนิกายดาบสวรรค์มากมายที่ไม่รู้ว่าหลิงฮันคือใคร แต่สำหรับผู้อาวุโสชั้นแนวหน้าแล้ว พวกเขาต้องรู้ดีแน่นอน

‘ตัวการที่ทำการเปิดสวรรค์นำพาทวีปฮงเทียนขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์’

‘อัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาดที่บรรลุระดับสุริยันจันทราด้วยเวลาเพียงสิบปี ศัตรูเป็นตายอันเป็นภัยคุกคามสูงสุดของห้านิกายโบราณ!’

ตอนนี้ศัตรูเช่นนั้นได้มาปรากฏตัวเงียบๆในนิกายดาบสวรรค์ของพวกเขาแล้ว

ขนทั่วร่างของเชิงหยวนตั้งชัน เนื่องจากรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากออร่ารอบกายเขาจึงปั่นป่วน ‘ปัง’ หงโถวจินผู้โชคร้ายถูกออร่าที่ปั่นป่วนซัดจนร่างกระเด็น ใบหน้าของเขากระแทกลงกับพื้นพร้อมกับฟันที่หลุดออกมาหลายซี่

“ละ หลิงฮัน!” เชิงหยวนตะโกน เสียงของเขาสั่นเครือจนแทบจะแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงของบุรุษ

หลิงฮัน?

ศิษย์คนอื่นๆมึนงง หรือว่าผู้อาวูโสเชิงหยวนจะรู้จักรุ่นเยาว์ผู้นี้? เดี๋ยวก่อน… แซ่หลิง? หรือว่าอีกฝ่ายจะเป็นทายาทของปรมาจารย์อาวุโสหลิง? แต่หากเป็นเช่นนั้นทำไมเขาเดินมากับเจียนเสี่ยวหลิงที่เป็นคนของตระกุลเชิง?

เชิงหยวนไม่กล่าวอะไรต่อ เขายกมือขึ้นท้องฟ้าทันที ‘ปังงง’ ดอกไม้ไฟระเบิดขึ้นกลางท้องฟ้า

นั่นไม่ใช่ดอกไม้ไฟทั่วไป มันคือสัญญาณเตือนภัยของนิกายดาบสวรรค์ ประกายไฟของดอกไม้ไฟสาดกระกายปกคลุมไปทั่วไปเมืองดาบสวรรค์ในพริบตาแถมยังแพร่กระจายรัศมีกว้างออกไปไกลอีกหลายพันไมล์

หงโถวจินและคนอื่นๆใบหน้าเปลี่ยนสี นี่คือสัญญาณเตือนภัยของนิกายดาบสวรรค์ซึ่งดอกไม้ไฟจะมีทั้งหมดห้าสีแบ่งเป็น แดงเข้ม แดง ฟ้าเข้ม ฟ้าและม่วง สัญญาณสีม่วงคือสัญญาณเตือนภัยที่รุนแรงน้อยที่สุด ส่วนสีแดงเข้มนั้นบ่งบอกถึงภัยอันตรายที่เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของนิกาย

อย่างมากที่พวกเขาเคยเห็นก็คือสัญญาณเตือนภัยสีฟ้าเข้ม ส่วนสีแดงหรือสีแดงเข้มนั้นไม่เคยพบเห็นแม้แต่ครั้งเดียว

สัญญาณเตือนภัยที่ผู้อาวุโสเชิงหยวนยิงขึ้นฟ้าคือสีแดงเข้ม หรือว่ารุ่นเยาว์ตรงหน้าพวกเขาจะเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สามารถสั่นคลอนความอยู่รอดของนิกายดาบสวรรค์?

‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ผ่านไปเพียงชั่วครู่ ร่างหลายสิบร่างก็ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว จำนวนของพวกเขาค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ห้านิกายโบราณนั้นง หลังจากสงครามกับสิ่งมีชีวิตใต้พิภพจบลง พวกเขาทั้งหมดได้กลับสู่นิกายของตนเองโดยที่แม้แต่ปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราก็ไม่กล้าออกไปไหนเพราะกลัวว่าหลิงฮันอาจจะบุกรุกนิกาย

ดังนั้นทันทีที่เห็นสัญญาณเตือนภัยสีแดงเข้ม เหล่าปรมาจารย์จึงได้ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว

“หลิงฮัน!”

“เป็นเจ้าหนูนั่น!”

“บัดซบ กล้ามากที่บุกมาถึงนี่”

“รีบเปิดใช้งานรูปแบบอาคมป้องกัน แล้วให้นำอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์โบราณออกมาสังหารเจ้าหนูนี่ซะ!”

กลุ่มคนที่ปรากฏตัวตะโกนลั่น พวกเขาเป็นปรมาจารย์ระดับสูงในสายตาของเหล่าศิษย์ แต่เมื่อมาปรากฏตัวต่อหน้าหลิงฮัน ปรมาจารย์แต่ละคนกลับมีท่าทีหวาดกลัวและทำท่าทีราวกับพวกเขาเป็นคนไร้พลัง

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกหงโถวจินมึนงงทำอะไรไม่ถูก ชายตรงหน้าพวกเขาเป็นใครกันแน่?

“เสี่ยวเอ๋อร์ รีบถอยออกมา!” ชายชราคนหนึ่งปรากฎตัวและกล่าวกับเจียนเสี่ยวหลิงด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

เขาคือเชิงจินผู้นำของตระกูลเชิงและเป็นปู่ของเจียนเสี่ยวหลิง ทันทีที่เห็นหลานสาวของตัวเองยืนอยู่ข้างดวงดาวหายนะหลิงฮัน หัวใจของเขาก็แทบหยุดเต้นและแอบคิดในใจว่านางช่างใจกล้ายิ่งนัก

เจียนเสี่ยวหลิงตกตะลึง สหายเก่าของบิดานางยอดเยี่ยมขนาดนี้เลยรึ? เขาสามารถทำให้ปรมาจารย์มากมายในนิกายตื่นตัวได้ เท่าที่นางรู้เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ถึงแม้นางจะเป็นเด็กสาวเอาแต่ใจ แต่ท่าทีจริงจังของเชิงจินทำให้นางไม่กล้าขัดคำสั่งและรีบเดินไปหาหยางจินก่อนจะหันหลังกลับมามองหลิงฮัน นางรู้สึกว่าหลิงฮันไม่เห็นจะดูเหมือนกับคนชั่วร้ายเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเจียนเสี่ยวหลิงเดินมาถึงด้านข้างเขา เชิงจินก็รู้สึกโล่งอก เขารู้สึกว่าถึงแม้หลิงฮันจะเป็นปีศาจแต่ก็ยังมีคุณธรรมอยู่บ้างที่ไม่ลงมือกับเจียนเสี่ยวหลิง

“หลิงฮัน เจ้าช่างบ้าบิ่นยิ่งนัก แม้กระทั่งอาณาเขตของนิกายดาบโบราณยังกล้าบุกรุกเข้ามา ไม่กลัวว่าจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่รึไง?” ชายชราคนหนึ่งกล่าว เขาคือผู้นำของตระกูลหลิง หลิงคง

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “จงไปเรียกเจียนเยว่ซวนมา ข้ามีเรื่องต้องถามเขา”

“ฮึ่ม มาถึงถิ่นเช่นนี้ยังกล้าทำตัวอวดดีอีก?” เชิงจินเค้นเสียง ตอนนี้รูปแบบอาคมป้องกันที่ใหญ่ที่สุดได้ถูกกระตุ้นใช้งานแล้ว แถมอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์โบราณทั้งหมดก็ยังถูกนำมาด้วย ตอนนี้ทั่วทุกมุมของเมืองหรือแม้แต่ท้องฟ้าได้ถูกปกคลุมไปด้วยอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว

รูปแบบอาคมป้องกันนั้นถูกสร้างขึ้นมานานไม่รู้กี่แสนกี่ล้านปี เหล่าอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์โบราณเองก็เช่นกัน หากเป็นการผสานรวมอำนาจกันของทั้งสอง ในอาณาเขตของนิกายดาบสวรรค์แห่งนี้พวกเขาจะมีพลังเทียบได้กับตัวตนระดับดาราขั้นต้นชั้นต้น

ตอนนี้หลิงฮันมีทางเลือกอยู่สองทางคือสู้และหนี แต่ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหนผลสุดท้ายโชคชะตาของเขาก็ต้องจบลงที่ความตาย

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เมื่อตอนที่อยู่ที่ทวีปฮงเทียนก็ครั้งหนึ่ง ยี่สิบปีย่อมาในที่สุดข้าได้เห็นว่าแท้จริงแล้วสัตว์เดรัจฉานนั้นเป็นเช่นไร”

“บังอาจ!” ชายชราอีกคนตะโกนขึ้น ด้านหลังของเขาปรากฏสุริยันจันทราสี่ลูก รอบกายเขาปลดปล่อยอำนาจแห่งเปลวเพลิงออกมาจนอากาศที่ว่างเปล่ารอบด้านถูกเผาไหม้

คนอื่นๆเองก็แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดเช่นกัน บุกมายังนิกายดาบสวรรค์ไม่พอยังกล้าเรียกพวกเขาที่เป็นคนของนิกายดาบสวรรค์ว่าสัตว์เดรัจฉานอีก ช่างยิ่งยโสนัก เจ้าคงไม่รู้สิว่าเขาเจ้าได้ก้าวเท้าเข้ามาอยู่ในรูปแบบสังหารแล้ว?

เจียนเสี่ยวหลิงแสดงสีหน้าเลื่อมใส ไม่ว่าหลิงฮันจะเป็นศัตรูหรือมิตร ความกล้าหาญของเขาก็ควรค่าแก่การเคารพ

เพียงแต่ว่า ชายตรงหน้านางเองก็ชื่อว่าหลิงฮันงั้นรึ? นางรู้ว่าอาจารย์ของบิดานางเองก็ชื่อนี้เช่นกัน หลิงฮันกล่าวว่าเขาเป็นสหายเก่าของบิดา แต่เป็นไปได้ด้วยรึที่เขาจะบังเอิญมีชื่อเดียวกัน

หรือว่า…

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของนาง แต่นางรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งอย่างรวดเร็ว เรื่องแบบนั้นมันเหลือเชื่อเกินไป เป็นไปได้อย่างไรที่รุ่นเยาว์ตรงหน้าจะเป็นอาจารย์ของบิดานาง? ลองเป็นเช่นนั้นจริงนางที่เรียกเขาว่าลุงมาตั้งนานหากบิดารู้เข้านางจะไม่ถูกตีก้นจนแดงหรอกรึ

“รับลงมือสังหารเจ้าหนูนั่น!” เชิงจินกล่าว

“ดี ปลดปล่อยอำนาจของอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์โบราณได้!” หลิงคงกล่าวต่อ

ถึงแม้เชิงจินกับหยางคงจะเป็นคู่กัดกันมาชั่วชีวิต แต่ถ้าหากไม่ร่วมมือกันจัดการภัยร้ายจากคนนอกนิกายดาบสวรรค์คงไม่อาจอยู่รอด

“ยักษ์แปดวิญญาณสวรรค์!” เชิงจินชี้นิ้วไปยังหน้าผากของตนเอง ‘พรึบ’ รูปแบบอาคมที่ครอบคลุมอยู่ทั่วนิกายดาบสวรรค์ถูกกระตุ้นใช้งานทันที ทันใดนั้นสัตว์ประหลาดมหึมารูปร่างคล้ายมนุษย์ได้ปรากฏออกมา ในมือของมันถือไม้เท้าสั้นเอาไว้ ออร่าของสัตว์ประหลาดตนนี้รุนแรงจนราวกับจะทำให้สวรรค์และปฐพีพังทลาย